คนที่พูดก็คือร่างต้นของหวังเป่าเล่อ!
น้ำเสียงนั้นเยือกเย็นและมีจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุด หากเป็นร่างแยกของเขาพูดเช่นนี้ แม้จะทำให้เกิดความผันผวนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าตกใจมากนัก แต่ตอนนี้ต่างออกไป!
ทั้งการปะทุของทะเลแสงเก้าสี ทั้งปราณพิฆาตที่แฝงอยู่ในคำพูดของหวังเป่าเล่อ!
ปราณพิฆาตนี้…ดูเหมือนลวงตา แต่ในความรู้สึกของผู้แข็งแกร่งนั้นมักจะสัมผัสถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ได้ โดยเฉพาะในความรู้สึกของปรมาจารย์ดารานิรันดร์ผู้นี้ ด้วยฐานการฝึกฝนและวิธีพิเศษของเขา เขาสัมผัสได้ถึง…ร่องรอยพลังงานแห่งความตายของดาวพระเคราะห์มากกว่าห้าคนในปราณพิฆาตนั้น!
ซึ่งหมายความว่าคู่ต่อสู้เพิ่งฆ่าดาวพระเคราะห์อย่างน้อยห้าคนเมื่อไม่นานมานี้!
การเข่นฆ่าผู้คนในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังฆ่าไปมากมายเช่นนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดล้วนพิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง…
นั่นคือผู้ที่มาถึง…ไม่ธรรมดา!
ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น ปราณพิฆาตของหวังเป่าเล่อระเบิดออกมาโดยไม่มีการซ่อนเร้น ผู้ที่ตื่นขึ้นมาจากกระบี่สำริดโบราณนั้น ทั้งจำนวนและฐานการฝึกฝนล้วนเหนือความคาดหมายของเขา นอกจากนี้ยังมีความโกรธที่ร่างแยกถูกยับยั้งอีกด้วย
เขารู้ดีว่าครั้งนี้เรื่องของสำนักวังเต๋าไพศาลต้องมีบทสรุป และหากต้องการบทสรุปก็ต้องมีท่าทีที่แข็งแกร่ง อย่าทำให้อีกฝ่ายคิดว่าตนไม่กล้าพอ!
ดังนั้นในขณะที่ร่างแยกของเขาถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า ร่างต้นแบบก็สัมผัสได้และด้วยพลังวาร์ปดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ ทันทีที่มาถึงสิ่งแรกที่ทำก็คือสำแดงฐานการฝึกฝนทั้งหมดและพลังแห่งดาวพระเคราะห์อย่างไม่รีรอ จนก่อตัวเป็นพายุทะเลแห่งแสงเก้าสีระเบิดออกไปทั่วทั้งระบบสุริยะ!
จนอาจกล่าวได้ว่าหวังเป่าเล่อที่ผนึกกายเข้ากับดาวพระเคราะห์แล้วถึงจะเป็นแค่ดาวพระเคราะห์ชั้นต้น แต่ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ทำให้เขาสามารถสยบดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรที่ผนึกกายกับดาววิญญาณและดาวเคราะห์อมตะได้!
มีเพียงดาวพระเคราะห์ที่ผนึกกายกับดาวพิเศษและมีฐานการฝึกฝนที่สูงกว่าเขาสองระดับเท่านั้น ถึงจะสามารถต่อสู้กับดาวเคราะห์เต๋าได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือต้องเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นปลายที่มีดาวพิเศษถึงจะพอทัดเทียมกับเขาได้
หรือ…คนที่ผนึกกายกับดาวเคราะห์เต๋าเท่านั้นถึงจะอยู่ในระดับเดียวกับเขา แต่ก็เพราะความน่าสะพรึงกลัวของดาวเคราะห์เต๋าจึงทำให้ถึงแม้จะพบกับผู้ฝึกตนดาวเคราะห์เต๋าเหมือนกันและมีฐานการฝึกฝนเหมือนกันก็ยังไม่ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
นี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ที่ผนึกกายกับดาวเคราะห์เต๋า และด้วยเหตุนี้…ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น คุณค่าของดาวพระเคราะห์สามารถทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนคลั่งไคล้ ขณะเดียวกันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมสุสานดวงดาราถึงสามารถดึงดูดสำนักใหญ่หรือตระกูลใหญ่เหล่านั้นได้!
เส้นทางแห่งการฝึกตนยิ่งระดับหลังๆ ความต่างชั้นก็ยิ่งมาก แม้แต่ในระดับเดียวกันก็เป็นเช่นนี้ บางครั้งช่องว่างระหว่างระดับเดียวกันจะใช้คำว่าต่างกันราวฟ้ากับดินก็ไม่ได้เกินจริงเลย!
อย่างเช่นในตอนนี้ ทันทีที่ร่างต้นแบบของหวังเป่าเล่อมาถึงและทะเลเก้าสีอันกว้างใหญ่แผ่ไปทั่ว เต๋อหยุนจื่อก็ส่งเสียงกรีดร้องเนื่องจากดวงวิญญาณเทพของเขาไม่สามารถทนรับได้ จนเกิดสัญญาณว่ากำลังจะสลายไป อีกทั้งความเจ็บปวดของดวงวิญญาณเทพนั้นราวกับถูกฉีกทึ้ง จนเต๋อหยุนจื่อเลือกที่จะถอยร่นกลับคืนสู่ลำแสงกระบี่สำริดโบราณอีกครั้งและหนีไปอย่างบ้าคลั่ง
เหตุผลที่เขาเลือกหนีตามสัญชาตญาณส่วนหนึ่งเพราะความกลัวของเขาเอง และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพราะเมื่อครู่เขาได้เห็นการต่อสู้ด้วยตนเองมาแล้ว ถึงจะเป็นเพียงร่างแยกแต่ก็ต้องใช้การร่วมมือของพวกเขาสามศิษย์อาจารย์ถึงจะสยบได้ ดังนั้น…ร่างต้นแบบของคนคนนี้มาถึง หากท่านอาจารย์ไม่บาดเจ็บก็ย่อมไม่เป็นอะไร แต่สภาพในตอนนี้จะต้านทานได้หรือไม่ก็ไม่รู้!
นอกจากนี้…ต่อให้ต้านทานได้ เขาก็ไม่คิดว่าสภาพของตนเองเช่นนี้จะสามารถทนรับระลอกคลื่นที่เกิดจากการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนนี้ได้ เท่าที่เขาเห็นนั้น ทันทีที่ทั้งสองต่อสู้กัน ตัวเองอาจถูกทำลายได้
แทบจะในทันทีที่เต๋อหยุนจื่อหนีไป ยังมีผู้ที่เลือกทางเดียวกับเขา นั่นก็คือศิษย์พี่ของเขานั่นเอง ถึงแม้ศิษย์พี่ของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ปราณพิฆาตจากร่างต้นแบบของหวังเป่าเล่อและทะเลแสงเก้าสีก็ทำให้คิ้วของผู้ฝึกตนวัยกลางคนเกิดความรู้สึกราวกับถูกทิ่มแทงซึ่งมาจากพลังเทพของเขา
หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของพลังเทพนี้ก็คือทำนายความเป็นความตาย จะปรากฏอยู่บนร่างโดยความรู้สึกเสียดแทงบริเวณคิ้ว ยิ่งรู้สึกถูกเสียดแทงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่ามีโอกาสตายมากขึ้น และความรู้สึกเสียดแทงในตอนนี้ก็แทบจะเหมือนกับตอนที่สำนักวังเต๋าไพศาลถูกทำลายในตอนนั้น เช่นนี้จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปอย่างบ้าคลั่งกับศิษย์น้องด้วยความสยดสยองได้อย่างไร
แต่…ภายใต้การปกคลุมของทะเลแสงเก้าสี พวกเขาจะหนีไปได้อย่างไร เว้นแต่ว่าอาจารย์ของพวกเขาจะทุ่มสุดตัวทำทุกอย่างเพื่อหยุดหวังเป่าเล่อให้ได้!
แต่สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ อายุที่ยืนยาวทำให้อารมณ์ความรู้สึกของตนหายไปมากแล้ว หากเป็นคนนิสัยเย็นชาก็จะยิ่งเย็นชามากขึ้น ความปลอดภัยของตนเองถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะ…หลังจากรอดพ้นวิกฤตการล่มสลายของสำนักในตอนนั้นและยังบาดเจ็บสาหัส ยิ่งเขาได้ฟื้นฟูฐานการฝึกฝนขึ้นมาเล็กน้อยจากการหลับใหลมาจนถึงวันนี้ก็ยิ่งเสียดายชีวิต หากไม่จำเป็นเขาก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องบาดเจ็บอีก
เพราะอาจทำให้อาการบาดเจ็บที่ยังรักษาไม่หายของเขารุนแรงขึ้นจนมีโอกาสสูงที่เขาจะหลับใหลไปอีกครั้ง สำหรับดารานิรันดร์ผู้นี้แล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นทันทีที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัว และเกิดเสียงอุทานขึ้นในพริบตา ก่อนที่ศิษย์ทั้งสองจะหลบหนีและวินาทีที่น้ำเต้าระเบิด เขาก็ถอยกลับไปในรอยแยกที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้และ…หายตัวไปในทันที!
การหายตัวไปของเขาทำให้ศิษย์ทั้งสองที่ถอยร่นไปหน้าซีดเผือด แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงควบหนีไปอย่างสุดความสามารถ
แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือร่างต้นแบบของหวังเป่าเล่อที่เปล่งเสียงคำรามออกมาจากในทะเลแสงเก้าสีราวกับสายรุ้งหลังจากผนึกกายเข้ากับร่างแยกแล้ว เขาเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็ราวกับฉีกความว่างเปล่ามาปรากฏตัวต่อหน้าลำแสงที่มีเต๋อหยุนจื่ออยู่ด้านในแล้ว
แม้ว่าลำแสงนี้จะทำให้ความเร็วของเต๋อหยุนจื่อเพิ่มขึ้นขณะข้ามทะเลแห่งแสงไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหวังเป่าเล่อมาถึง ลำแสงที่เต๋อหยุนจื่ออยู่ก็ถูกแสงเก้าสีรุกรานท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเขา ก่อนที่มือขวาของหวังเป่าเล่อจะล้วงเข้าไปในลำแสงและคว้าดวงวิญญาณเทพของเต๋อหยุนจื่อ!
ดวงวิญญาณเทพของเขาถูกดึงออกมาอย่างแรงท่ามกลางเสียงกรีดร้อง หวังเป่าเล่อไม่เปิดโอกาสให้เต๋อหยุนจื่อร้องขอความเมตตาแต่อย่างใด จิตสังหารสว่างวาบอยู่ในดวงตาของเขา ก่อนจะขว้างดวงวิญญาณเทพของเต๋อหยุนจื่อไปด้านหลัง มันถูกวิชาดวงเนตรปีศาจที่กลายเป็นดวงตาสีดำที่ปรากฏขึ้นด้านหลังกลืนกิน!
เป็นความเจ็บปวดที่บรรยายไม่ได้!หลังสัมผัสได้ถึงพลังตอบกลับที่ส่งมาจากในดวงตาสีดำ ดวงตาล้ำลึกของหวังเป่าเล่อกวาดมองไปยังศิษย์พี่ของเต๋อหยุนจื่อที่ตื่นตระหนกกับฉากเมื่อครู่จนผมเผ้ายุ่งเหยิง
ศิษย์พี่ของเต๋อหยุนจื่อในเวลานี้ปากคอสั่น ความหวาดกลัวในใจแทบจะกลืนกินตัวเอง การปรากฏตัวของร่างต้นแบบของหวังเป่าเล่อในความคิดของเขานั้นไม่ต่างอะไรกับดารานิรันดร์เลยสักนิด และยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า!
ดังนั้นเมื่อเขาสบตากับหวังเป่าเล่อ ร่างของอีกฝ่ายก็หายไป ความรู้สึกเสียดแทงที่คิ้วราวกับจะทำให้ศีรษะระเบิดในฉับพลันทำให้ศิษย์พี่ของเต๋อหยุนจื่อส่งเสียงกรีดร้องรุนแรง
“ข้าตื่นขึ้นมาช้ากว่าเต๋อหยุนจื่อสามปี ผู้อาวุโสไม่เชื่อก็ค้นวิญญาณดูได้เลย ข้าไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ ต่อสหพันธรัฐ มือข้าไม่เคยเปื้อนเลือดของสิ่งมีชีวิตในสหพันธรัฐเลยสักหยด!!”
เขาเอ่ยอย่างร้อนรน ขณะเดียวกันกับที่เสียงนั้นดังก้อง หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งหายไปจากสายตาเขาก็มาถึงด้านหลังของเขาแล้ว เดิมทีเขาต้องการยกมือขวาตบลงตรงศีรษะของคนคนนี้ ซึ่งสามารถจินตนาการได้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อในปัจจุบัน หากฝ่ามือนี้ตบลงไป คนคนนี้จะต้องศีรษะระเบิด ร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ และดวงวิญญาณเทพก็ไม่อาจรอดจากการถูกกลืนกินได้เป็นแน่
แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคำพูดสุดท้ายของศิษย์พี่เต๋อหยุนจื่อยังได้ผลอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะการดำรงอยู่ของแม่นางน้อย ถึงแม้หวังเป่าเล่อจะโกรธ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรสุดโต่งเกินไปได้ ถึงอย่างไรก็สามารถเป็นพันธมิตรกับสำนักวังเต๋าไพศาลได้ในระดับหนึ่ง
แต่เรื่องนั้นก็จำเป็นต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ก่อนและต้องปราบให้อยู่หมัด ดังนั้นในชั่วพริบตานี้ หวังเป่าเล่อหรี่ตา ฝ่ามือเปลี่ยนจากการตบเป็นการกรีดปัดผ่านลงบนลำคอศิษย์พี่เต๋อหยุนจื่อ
ทันใดนั้นเลือดก็ปะทุออกมาและเมื่อศีรษะของเขาหลุดจากร่าง ศีรษะของเขาได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี ดวงวิญญาณเทพก็ถูกกักขังไว้ในศีรษะนั้น ถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับถูกหวังเป่าเล่อคว้าเส้นผมดึงศีรษะขึ้นมาและมุ่งไปยัง…กระบี่สำริดโบราณ!
เรื่องราวยังไม่จบสิ้น!
ความน่าสะพรึงกลัวยังไม่พอ!
……………………………