มูเฉียนซีกัดฟันกรอด นางกล่าว “เจ้าไม่ทำอะไรเลย ข้าจะพอใจยิ่งกว่า!”

“ข้าจะไม่ทำอะไรเลยไม่ได้!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว

“เดิมทีคิดว่าเจ้าไม่มีทางรับปาก!” นางก็แค่พูดไปก็เท่านั้น

มู่เฉียนซีเดินออกมาจากห้องก็พบว่าท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าโรงประมูลกำลังรอพวกเขาอยู่

กู้ไป๋อียืนข้างมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก หัวหน้าโรงประมูลยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณหนูมู่มาแล้ว เด็ก ๆ ยกอาหารมา!”

อาหารที่หัวหน้าโรงประมูลยกมานั้นล้วนแต่เป็นอาหารที่ดีและรสชาติเอร็ดอร่อยทั้งสิ้น เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารบนโต๊ะนี้แล้ว ท่านเจ้าเมืองก็รู้สึกว่าอาหารที่ตนเองได้กินไปสองมื้อนั้นน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้!

เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “ตาเฒ่าฟู่ นี่เจ้า…เจ้าจะเลือกปฏิบัติกับข้าเกินไปแล้วนะ”

หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “คุณหนูมู่จะกินข้าว ถ้าเจ้าจะส่งเสียงดังก็ออกไปเสียงดังข้างนอก!”

“หรือว่าข้าจะอยู่กินที่นี่ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

“กินไปมื้อนึงแล้วยังจะกินอีกรึ ข้าจะไม่ยอมสิ้นเปลืองอาหารเพราะเจ้าหรอกนะ”

“เจ้านี่มัน…เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก!” ท่านเจ้าเมืองกล่าวด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าก็มานั่งกินด้วยกันสิ!”

“ข้ากินแล้ว” กู้ไป๋อีกล่าว

มู่เฉียนซีมีความสุขกับอาหารอันโอชะมื้อนี้มาก จากนั้นนางก็หันไปกล่าวกับหัวหน้าโรงประมูลและท่านเจ้าเมืองว่า “ไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าโรงประมูลมาหาข้า มีเรื่องอันใด?”

“ข้าก็แค่อยากจะมามอบของขวัญขอบคุณให้กับคุณหนูมู่” ในขณะที่กล่าวนั้นท่านเจ้าเมืองก็ได้เอาของล้ำค่ามากมายออกมาจากแหวนมิติ

มู่เฉียนซีกล่าว “คำขอบคุณข้ารับเอาไว้แล้ว ส่วนของเหล่านี้ข้าไม่ต้องการมันหรอก”

หัวหน้าโรงประมูลกล่าวถามว่า “ที่ข้ามาหาคุณหนูมู่ก็เพราะว่าอยากรู้ถึงความเป็นมาของพวกคนเหล่านั้น”

ท่านเจ้าเมืองกล่าว “ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ต่อไปพวกท่านต้องระวังตัวกันสักหน่อยนะ คนพวกนั้นจับจ้องสมบัติและของล้ำค่าของเมืองชางหมางอยู่ ต่อไปในเมืองต้องมีเวรยามป้องกันให้แน่นหนา และต้องเชิญผู้แข็งแกร่งมาเฝ้าประจำเมืองด้วย!”

หัวหน้าโรงประมูลเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ตกลงแล้วพวกมันเป็นใครกันแน่ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “พลังความแข็งแกร่งของพวกมัน ต่อให้พวกท่านรู้ก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องป้องกันให้ดี ครั้งนี้พวกมันทำภารกิจล้มเหลว ในช่วงเวลาอันสั้นนี้พวกมันคงไม่มารอบสองแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่กล่าวแทรกแต่อย่างใด

คนที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้ เกรงว่าจะเป็นกองกำลังระดับสอง!

ท่านเจ้าเมืองกล่าว “ต่อให้ข้าต้องทุ่มทรัพย์สินในจวนมากเพียงใด ข้าก็จะต้องหายอดฝีมือมาปกป้องให้ได้ จะไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นลงมือสำเร็จเป็นครั้งที่สองแน่”

หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “โรงประมูลของพวกเรามีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ต่อไปหากโรงประมูลของพวกเรารับมือเอาไว้ไม่ไหว เมื่อถึงตอนนั้นก็คงเสียเปรียบให้กับพวกมัน ไม่รู้ว่าคุณหนูมู่จะรับของเหล่านี้ของโรงประมูลเอาไว้ได้หรือไม่”

ท่านเจ้าเมืองพึมพำเสียงเบาว่า “เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ จะมอบของให้ก็กล่าววาจาชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่ได้!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าบอกแล้วว่าภายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ พวกมันคงไม่กลับมาเป็นรอบสองแล้ว หัวหน้าโรงประมูลก็อย่าได้กังวลใจไปเลย!”

“แต่ว่า คุณหนูมู่กับพวกพยายามกอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายนั้นเพื่อช่วยโรงประมูลของพวกข้าเอาไว้ หากพวกข้าไม่ตอบแทน มันก็ดูไร้น้ำใจมาก”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ในเมื่อหัวหน้าโรงประมูลยืนกรานที่จะตอบแทน เช่นนั้นข้าก็จะไม่ฝืนใจแล้ว ข้าต้องการสมุนไพรวิญญาณ หากโรงประมูลของพวกท่านมีสมุนไพรวิญญาณ ข้าก็จะไม่เกรงใจ!”

หัวหน้าโรงประมูลยิ้มพลางกล่าว “โรงประมูลของข้ามีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อยเลย!”

“เด็ก ๆ มานี่สิ! เอาสมุนไพรวิญญาณในโรงประมูลออกมาให้หมด!”

“ขอรับ!”

โรงประมูลชางหมางสมกับเป็นกองกำลังที่มีอำนาจทางการเงินมากที่สุดของเมืองชางหมางจริง ๆ สมุนไพรวิญญาณที่มอบให้นั้นสามารถเอามากองรวมกันเป็นภูเขาได้เลย

สำหรับของล้ำค่าที่นางชื่นชอบเหล่านี้แล้ว แน่นอนว่านางรับมันไว้ทั้งหมด

มู่เฉียนซีเอาของส่วนหนึ่งออกมา “นี่คือยาแก้พิษ และยังมียาพิษบางส่วน หากพวกมันกล้าบุกเข้ามาอีก ยาแก้พิษนี้จะสามารถป้องกันพิษของพวกมันได้ ส่วนยาพิษก็เอาไว้ใช้โจมตีพิษของพวกมัน!”

หัวหน้าโรงประมูลยิ้มพลางกล่าว “ขอบใจคุณหนูมู่มาก!”

พวกเขารู้ดีว่าถึงแม้นายท่านเหล่านี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ที่เมืองชางหมางแห่งนี้ได้ตลอด!

การลงมือของนายท่านเหล่านี้เมื่อคืนถือเป็นการกระทำอันชอบธรรมแล้ว พวกเขาไม่อาจหวังให้นายท่านเหล่านี้อยู่ปกป้องพวกเขาได้ตลอดไป พวกเขาต้องปกป้องตัวเอง!

มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีวันนี้พวกข้าจะออกเดินทางกลับแล้ว แต่เป็นเพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อคืนก็เลยล่าช้าไป วันพรุ่งพวกข้าจะออกเดินทาง เพื่อไม่ให้มีใครคอยเป็นห่วง”

หัวหน้าโรงประมูลกับท่านเจ้าเมืองกล่าว “วันพรุ่งพวกเราจะไปส่งทุกท่านด้วยตัวเอง”

เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีไม่ได้ตื่นสาย และพวกเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางออกจากเมืองชางหมางแล้ว

ทว่า ในขณะที่พวกเขาจะออกจากประตูเมืองนั้นก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้

“พวกเจ้าออกไปไม่ได้!”

“เมื่อวานทำร้ายคนของข้า แล้ววันนี้พวกเจ้าคิดจะออกไปจากเมืองชางหมางอย่างปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”

“อยู่ในเมืองหาตัวพวกเจ้ายากนัก นึกไม่ถึงว่าวันนี้พวกเจ้าจะมาหาถึงที่ มันช่างดีจริง ๆ!”

องครักษ์เหล่านี้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ราวกับกำแพงที่ขวางพวกเขาไว้

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูท่าคราวก่อนลงมือกับพวกเจ้าเบาไปหน่อย พวกเจ้าถึงได้กล้ามาขวางทางเช่นนี้!”

พวกเขาหัวเราะและกล่าวว่า “พวกข้ามีพวกเยอะกว่า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการกับพวกเจ้าแค่ไม่กี่คนไม่ได้ ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายกลัว!”

“ใครต้องเป็นฝ่ายกลัวอะไรกัน นี่พวกเจ้าเห็นที่นี่เป็นอะไร?” ทันใดนั้นเอง เสียงอันเกรี้ยวกราดเสียงหนึ่งก็ตะโกนดังขึ้น

คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกเขามีบุคลิกที่ยอดเยี่ยมมาก!

ผู้ที่เดินมานั้นแน่นอนว่าเป็นท่านเจ้าเมือง วันนี้เขาแต่งกายมาในชุดเดินทางที่หรูหรา

เขาเดินมาตรงหน้ามู่เฉียนซีและยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณหนูมู่ โชคดีที่ข้ามาทัน มิเช่นนั้นคงต้องพลาดโอกาสส่งคุณหนูมู่เป็นแน่”

องครักษ์ที่รวมตัวกันเหล่านั้นเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้นมาทันที!

“อะไรนะ ท่านเจ้าเมืองมาส่งพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?”

“ท่านเจ้าเมือง นึกไม่ถึงว่าจะเร็วถึงเพียงนี้” ในตอนนี้เองหัวหน้าโรงประมูลก็เดินมาอย่างเร่งรีบเช่นกัน

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “หากมาไม่ทันส่งคุณหนูมู่เดินทาง ก็นับว่าพลาดโอกาสแล้วล่ะ”

หัวหน้าโรงประมูลชางหมาง เขาก็มาด้วย พวกเขาเป็นใครกันแน่!

ตอนนี้พวกองครักษ์ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดมาก พวกคนที่ขวางทางอยู่ตอนนี้ก็ค่อย ๆ หลีกทางอย่างช้า ๆ

ผู้ที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นยิ้มพลางกล่าว “เมื่อครู่ได้ล่วงเกินนายท่านแล้ว นายท่านทุกท่านอย่าได้ใส่ใจเลยนะขอรับ อย่าได้…”

ท่านเจ้าเมืองที่มีพลังเป็นถึงขั้นมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง เขาไม่ได้หูหนวกตาบอด เมื่อครู่เกิดเรื่องอันใดขึ้นเขานั้นรู้ดี!

เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ามันพวกไม่รู้จักความตาย นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาขวางทางคุณหนูมู่กับพวกเช่นนี้ เด็ก ๆ จับตัวคนพวกนี้กลับไปให้ข้า”

“ขอรับ!”

ท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้แล้ว พวกองครักษ์ที่คิดจะร้องขอความเมตตานั้น เป็นไปไม่ได้เลย

มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นพวกข้าลาก่อน!”

ท่านเจ้าเมือง “คุณหนูมู่เดินทางปลอดภัย หากมีเวลาว่างก็มาเที่ยวเมืองชางหมางอีกนะ”

หัวหน้าโรงประมูล “หากโรงประมูลของพวกเรามีของดีอันใด พวกเราจะต้องนึกถึงคุณหนูมู่เป็นคนแรกแน่นอน”

สัตว์วิญญาณบินได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และทุกคนก็พบว่าผู้ที่คนสำคัญอย่างท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าโรงประมูลมาส่งด้วยตนเองกลุ่มนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเดินทางด้วยสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ต่ำต้อยเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!

ครั้นแล้วเมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงเมืองเหลย ก็ได้เห็นเย่เฉินที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่อย่างไม่เป็นสุข

กลับมาล่าช้าไปหนึ่งวันทำให้เขากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นมู่เฉียนซีกับเหยียนเซี่ยฉีกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นนี้ เขาก็ถอนหายออกมาด้วยความโล่งอก

เดินทางมาทั้งวัน มู่เฉียนซีจึงไปพักผ่อนแล้ว

ร่างในชุดสีขาวได้ปรากฏตัวขึ้นหน้าห้องมู่เฉียนซี ในตอนนี้เอง ร่างในชุดสีดำร่างหนึ่งได้จรดเท้าลงสู่พื้นดินจากอากาศ กู้ไป๋อีเงยหน้ามองชายตรงหน้าและกล่าวว่า “ท่านคือ องค์ชายจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตของแดนนรก!”