บทที่ 535 พอเกิดเรื่องร้ายก็ลอยตัวหนี

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 535 พอเกิดเรื่องร้ายก็ลอยตัวหนี

แม้ในตอนนั้นหลินชิงเหอจะเคยจับผิดพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าครอบครัวหลินนุ่มนวลกว่านี้สักหน่อย ก็แค่อย่าให้ความช่วยเหลือเธอไปมากกว่านี้ก็พอ แต่บ้านตระกูลหลินทำอย่างไรล่ะ?

เธอจึงตัดบัวไม่ไว้ใยอย่างไม่ลังเล หลายปีมานี้เธอไม่เคยถามไถ่เรื่องของสามีภรรยาคู่นั้นสักเพียงครึ่งประโยค เงินสักหยวนก็ไม่เคยส่งไป

ซึ่งเธอทำลงไปแล้ว

โทษของการเป็นคนอกตัญญูเธอก็ท่องไว้แล้ว แล้วแต่ว่าคนอื่นจะพูดว่าอย่างไร แค่เธอสบายใจก็พอ

แต่ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว เธอกับโจวชิงไป๋คงต้องกลับไปสักครั้ง

ซึ่งนั่นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเช่นกัน เจ้ารองกับเจ้าสามปิดเทอมอยู่ ส่วนเจ้าใหญ่ก็กลับมาแล้ว ตอนนี้กลับไปดูสักหน่อย ก็ยังกลับมาที่นี่ก่อนปีใหม่ได้

หลินชิงเหอโทรศัพท์กลับไปหาพี่สะใภ้สามก่อน

“พวกเธอปิดเทอมแล้ว โทรไปที่ห้องทำงานเธอก็ไม่มีคนรับสาย พี่เลยต้องโทรศัพท์ไปหาโจวเสี่ยวเหมยน่ะจ้ะ” สะใภ้สามพูด

“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะ” หลินชิงเหอถาม

“บ้านนั้นเก่ามากแล้ว ตกกลางดึกถูกหิมะตกทับถมจนบ้านถล่ม คุณพ่อหลินบอกว่าเขาโชคดีที่วิ่งออกไปได้ทัน แต่คุณแม่หลินถูกทับไปแล้ว” สะใภ้สามพูด

นี่แสดงให้เห็นว่าพอเกิดเรื่องร้ายก็ลอยตัวหนี*สินะ?

*ใช้กับสามีภรรยาที่เมื่อเกิดเรื่องก็จะหนีเอาตัวเองให้รอด โดยทิ้งสามีหรือภรรยาไว้

หลินชิงเหอเงียบสักพักก่อนพูดขึ้น “งั้นวันนี้พวกฉันจะกลับไปค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่บอกน้องชายสามของเธอให้นะ” สะใภ้สามตอบเธอ

หลินชิงเหอวางสาย หลังจากนั้นก็ขับรถจากที่บ้านเดินทางไปสถานีรถไฟกับโจวชิงไป๋ ส่วนเรื่องในบ้านก็ยกให้ลูก ๆ สามคนดูแล

เดินทางไม่กี่วันพวกเขาก็มาถึงชนบทแล้ว

เธอกับโจวชิงไป๋ไปที่ร้านของน้องชายสามก่อน น้องสามของเธอไม่อยู่ในร้านแต่เป็นสะใภ้สามตระกูลหลินที่ยังอยู่

พอเห็นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋มา สะใภ้สามตระกูลหลินก็ร้องทักด้วยความยินดี

“คนอยู่ไหนเหรอ? อยู่โรงพยาบาลหรือว่าที่บ้านนั้น?” หลินชิงเหอพูด

“กลับบ้านนั้นไปตั้งแต่ว่าเมื่อวานซืนแล้วค่ะ พอถึงเย็นเมื่อวานท่านก็เสียแล้ว” สะใภ้สามตระกูลหลินพูด

หลินชิงเหอได้ยินแล้วไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร กลับพูดขึ้น “น้องสามล่ะ?”

“เขาอยู่ในหมู่บ้านค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินพูด ทั้งยังบ่นด้วยความอึดอัดใจ “บ้านใหญ่กับบ้านรองไม่ใช่คนแล้วล่ะค่ะ ตอนที่หน้าหนาวปีนี้มาถึง อาซิ่วกับพ่อของหล่อนได้กลับไปเยี่ยมบ้านนั้นที่หมู่บ้านแล้วก็รู้สึกว่าหลังคาบ้านมันไม่แข็งแรง เลยให้รถบรรทุกนำของเต็มหนึ่งคันรถกลับไปซ่อม แต่ของพวกนั้นก็ถูกบ้านใหญ่กับบ้านรองเอาไปแบ่งกันหมด บ้านนั้นเลยไม่ได้ซ่อมแซมอะไรเลย พอหิมะตกหนักเข้าหน่อยเลยถล่มลงมา”

หลินชิงเหอขมวดคิ้ว

“หลังเข้าหน้าหนาวปีนี้ พวกเราก็ส่งข้าวกลับไปไม่น้อย ไข่ไก่กับเนื้อก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ของเหล่านี้กลับถูกบ้านใหญ่และบ้านรองแบ่งไปเกือบหมด เรื่องนั้นพวกฉันไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แต่มันน่าโมโหตรงที่แม้กระทั่งของใช้ซ่อมหลังคาพวกเขาก็ยังขโมยไปด้วย!” สะใภ้สามตระกูลหลินพูดด้วยความโมโห

“จะจัดงานศพตอนไหน?” หลินชิงเหอพูด

สะใภ้สามตระกูลหลินทำได้เพียงพูดบ่นกับเธอ หล่อนไม่อยากให้พี่สาวสามีเข้าใจว่าครอบครัวหล่อนไม่ได้ดูแลคุณพ่อกับคุณแม่ ทั้งที่จริงหล่อนดูแลพวกเขาไม่น้อยเลย

แต่ลูกชายของท่านทั้งสองไม่ได้มีแค่สามีของหล่อนคนเดียว ยังมีลูกชายอายุมากกว่าอีก 2 คน

“มะรืนนี้ก็ฌาปนกิจแล้วค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินพูด

หลินชิงเหอพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “พวกเราจะไปที่นั่นก่อน สักพักค่อยกลับไปที่หมู่บ้าน น้องสามของฉันกลับมาหรือยัง?”

“ตอนเย็นก็น่าจะถึงบ้านค่ะ” สะใภ้สามหลินพูด

หลินชิงเหอพยักหน้า จากนั้นก็ไปที่ร้านของพี่ชายสามโจวพร้อมกับโจวชิงไป๋

“เย็นขนาดนี้อยู่กินข้าวที่บ้านก่อนแล้วค่อยกลับไปดีไหมจ๊ะ?” สะใภ้สามโจวพูด

“พวกเราจะกลับไปกินข้าวที่หมู่บ้านค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

พวกเขาขี่จักรยานของทางร้านกลับมาที่หมู่บ้าน

พวกเขาฝากกุญแจบ้านไว้ที่บ้านใหญ่โจว ซึ่งสะใภ้ใหญ่ได้เก็บกวาดทำความสะอาดบ้านให้พวกเขาแล้ว หล่อนพูดขึ้น “พี่คิดไว้แล้วว่าพวกเธอต้องกลับมา”

ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของท่านแม่หลินได้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่อให้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน แต่เรื่องคนตายเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ต้องกลับมาส่งศพอยู่ดี

“ปีใหม่ใหญ่เสียด้วย” หลินชิงเหอถอนหายใจเบา ๆ

“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมจะไปให้” โจวชิงไป๋พูด

“พรุ่งนี้จะไปทำไมคะ มะรืนค่อยไปด้วยกันดีกว่า” หลินชิงเหอตอบกลับ นานแล้วที่เธอไม่ได้กลับไปที่นั่น แม้จะกลับมาส่งศพ แต่ก็ทำเพียงแค่มาส่งเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ ล้วนเป็นหน้าที่ของลูกชายที่ต้องจัดการ ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วอย่างเธอจะไปทำอะไรได้

มะรืนนี้ค่อยไปพร้อมกันดีกว่า

สะใภ้ใหญ่เริ่มเตรียมอาหารมื้อเย็นแล้วเอ่ยกับหลินชิงเหอ “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต้องด่าบ้านใหญ่หลินกับบ้านรองหลินที่ไม่กตัญญู”

ทางนั้นกับทางนี้ไม่ได้ไกลกันมากนัก โดยเฉพาะเรื่องที่หิมะตกหนักจนทับคนเสียชีวิต อย่างไรก็มีคนพูดถึง

โดยเฉพาะบ้านนั้นเป็นบ้านแม่ของหลินชิงเหอผู้โด่งดัง

หลังจากเรื่องของทางนั้นถูกเล่าออกมาแล้ว ก็ได้ยินว่าก่อนหน้านั้นบ้านสามหลินได้ส่งของกลับมาไม่น้อย เพื่อมาซ่อมแซมหลังคาบ้านพ่อกับแม่ของเขา

และปกติบ้านสามหลินก็มักจะส่งสิ่งของกลับมาให้ไม่น้อยเช่นกัน ทุกเดือนยังคอยให้เงินพ่อกับแม่ตัวเองไว้ใช้จ่าย ซึ่งทางตระกูลโจวฝั่งนี้ก็ทราบกันดี

ของที่ส่งกลับมาซ่อมบ้านรอบนี้เขาก็ได้ส่งมาแล้ว แต่กลับถูกบ้านใหญ่กับบ้านรองหลินแบ่งกันไปซ่อมบ้านของตัวเอง

จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

เดิมทีอายุของท่านแม่หลินก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นล่ะก็ นางสามารถมีอายุอยู่ต่อได้ 5-6 ปีแบบไม่มีปัญหาเลย แต่นางกลับถูกหลังคาบ้านพังลงมาทับที่ศีรษะทำให้หมดสติไปในทันที ส่วนขาก็ถูกทับจนขาด

แม้ต่อมาจะส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ทันท่วงที แต่ก็เรียกว่าเตรียมตัวรับข่าวร้ายไว้ได้เลย เพราะผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวแล้ว

เรื่องนี้ส่งมาจากบ้านตระกูลหลิน และก็ถูกพูดถึงออกไปอย่างรวดเร็ว คนไม่น้อยพากันรุมประณามว่าบ้านใหญ่หลินกับบ้านรองหลินไม่ใช่คน

พี่ใหญ่หลินรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก จริง ๆ เขาไม่คิดอยากได้เลย แต่พอบ้านรองอยากได้ภรรยาของเขาก็อยากได้ด้วย จนทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้น

เรื่องเหล่านี้ก็ได้ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งชนบททั้งใกล้และไกลแล้ว

หลังจากน้องชายสามหลินจัดการธุระเสร็จสิ้นเพียงไม่นาน เขาก็กลับมาที่หมู่บ้าน เมื่อกลับมาถึงจึงเพิ่งรู้ว่าพี่สาวกับพี่เขยกลับมาแล้วและอยู่ที่บ้านตระกูลโจว

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปอีก” น้องชายสามหลินพูด

รอจนถึงวันฌาปนกิจศพ ภรรยาและลูกของเขาก็คงต้องกลับกันแล้ว

“ฉันพูดกับพี่สาวสามแล้ว นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่กตัญญูนะ” สะใภ้สามหลินพูด

“พูดเรื่องพวกนั้นให้ได้อะไร” น้องสามหลินขมวดคิ้ว

“ไม่สมควรพูดหรือคะ ไม่อย่างนั้นพี่สาวสามจะคิดว่าพวกเราไม่ดูแลคุณพ่อคุณแม่น่ะสิ” สะใภ้สามหลินพูด

น้องสามหลินจึงไม่พูดอะไรแล้ว

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋กลับมาที่หมู่บ้านและแวะกินข้าวที่บ้านของพี่ชายใหญ่กับสะใภ้ใหญ่โจว ก่อนจะกลับบ้านตัวเอง

พวกเขารีบเดินทางกลับมาย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา พอสองสามีภรรยาอาบน้ำเสร็จ พวกเขาก็หลับไปในทันที

เช้าวันถัดมาพวกเขาก็ไปกินข้าวกันที่บ้านของพี่ชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่โจว

“อาสี่ เมื่อวานพอฉันมาถึงพวกนายก็หลับไปหมดแล้ว” พี่ชายรองโจวเอ่ยขณะแวะมาหาที่บ้านพี่ใหญ่

“น้องรองกินข้าวหรือยังคะ? กินด้วยกันไหมคะ?” สะใภ้ใหญ่โจวถาม

“ผมกินมาแล้วครับ” พี่รองโจวพูดตอบ

สะใภ้ใหญ่โจวพยักหน้า และตักข้าวให้พี่ชายใหญ่หนึ่งชาม ก่อนพูดขึ้น “หน้าหนาวปีนี้หนาวเหมือนตอนนั้นเลยนะคะ”

“ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว ยังกินอิ่มท้องได้ เมื่อก่อนกินก็อิ่มได้แค่ห้าหกส่วน” พี่ชายใหญ่โจวพูด

พี่ชายรองหัวเราะ หลังจากนั้นก็มองหลินชิงเหอถาม “น้องสะใภ้สี่ ชีวิตของซานนีกับอ้ายกั๋วที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง? พี่ได้ยินว่าคลอดเด็กตัวอ้วนกลมมาคนหนึ่งใช่ไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

RIP ท่านแม่หลินนะคะ ขอให้ไปสู่สุคติค่ะ

ซานนีอยู่สบายดีมีความสุขแล้วค่ะพี่ชายรอง หมดห่วงได้

ไหหม่า(海馬)