บทที่ 538 เสียแรงที่เลี้ยงดูเธอมาจนโตขนาดนี้

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 538 เสียแรงที่เลี้ยงดูเธอมาจนโตขนาดนี้

พอท่านพ่อหลินพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของน้องชายสามหลินก็เปลี่ยนไปทันที “พ่อครับ พ่อพูดอะไรน่ะ!”

“ฉันพูดอะไรแกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันต้องการไปปักกิ่ง!” ท่านพ่อหลินมองโจวชิงไป๋ และพูดกับหลินชิงเหอ

โจวชิงไป๋ปรายตามองพ่อตาของตัวเองก่อนพูดขึ้น “ที่บ้านทางนี้ยังมีคนคอยดูแลอยู่นะครับ”

“มีคนดูแลอะไร? ถ้ามีคนดูแลฉันจะมีสภาพกลายเป็นอย่างนี้เหรอ แม่ยายของเธอจะถูกทับจนตายไหม?” ท่านพ่อหลินพูด

เขารู้ว่าหากติดตามลูกสาวคนนี้กลับไปที่ปักกิ่ง ตัวเองถึงจะมีชีวิตที่ดีได้ ดูชุดที่พวกเขาทั้งสองสวมสิ แทบไม่ต่างอะไรกับเจ้าของที่ดินสมัยก่อนนี้เลย

ถ้าได้ไปเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งนั่น เขาจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นอีกหลายปีอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่อยากจะอยู่ในชนบทอีกแล้ว

“ฉันมาเยี่ยมพอแล้ว ถึงเวลาต้องกลับแล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอไม่อยากพูดกับชายแก่คนนี้เลยสักนิด เธอถึงกับคิดไปว่าเขาต้องการเงิน ขอเพียงไม่เกินจำนวนที่คิดไว้ในใจ เธอก็จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับต้องการที่จะตามไปปักกิ่ง?

หลินชิงเหอไม่อยากจะเสวนากับเขาอีกเลยสักประโยคเดียว จึงเดินออกมาในทันที

“แกมันลูกเนรคุณ เสียแรงที่เลี้ยงดูแกมาจนโตขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าแกจะเนรคุณแบบนี้ฉันน่าจะฆ่าแกทิ้งตั้งแต่เกิดแล้ว!” ท่านพ่อหลินก่นด่าออกมา

“คุณเห็นฉันเป็นลูกสาวตระกูลหลินที่หาได้ยากหรือไงคะ ไม่รู้ว่าต้องทำบาปกรรมกี่ชาติกันนะถึงได้มาเกิดในครอบครัวนี้ แต่ตอนนี้ฉันออกมาจากบ่อโคลนของพวกคุณได้แล้วโดยไม่ยุ่งกับเงินของตระกูลหลินเลยสักแดงเดียว ส่วนเรื่องเงินอันน้อยนิดของพวกคุณที่เลี้ยงฉันมาจนโตขนาดนี้น่ะ ไม่ทราบว่าเลี้ยงมากี่ปี เพียงพอกับค่าสินสอดของฉันหรือเปล่าคะ?” หลินชิงเหอพูดตอกหน้าเฒ่าหลินต่อหน้าคนจำนวนมาก ส่งความแค้นกลับไปยังชายแก่คนนี้

ท่านพ่อหลินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“น้องหญิงเล็ก เธออย่าเพิ่งโกรธ…..” สะใภ้ใหญ่หลินพูดแทรกขึ้น

“ใครเป็นน้องของคุณคะ สายตาไม่ดีหรือว่าเป็นอะไร?” หลินชิงเหอปรายมองหล่อนด้วยหางตา หลังจากนั้นก็มองไปที่ทุกคนแล้วพูด “พรุ่งนี้ฉันจะมาส่งยายเฒ่าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฉันได้ยินตาแก่คนนี้พูดอะไรไม่น่าฟังอีก เงินของยายเฒ่าฉันจะไม่แบ่งให้เลยสักหยวนเดียว แล้วก็ถ้าตาแก่คนนี้ลาโลกแล้ว ก็ไม่ต้องติดต่อฉันมาอีก”

“อาหญิงสามทำไมถึงทำแบบนี้?” หลินอันพูดด้วยความโกรธ

อาหญิงคนนี้บ้าและหยิ่งยโสเกินไปแล้ว หล่อนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย

“ตอนนั้นก็เป็นแบบนี้ พอตอนนี้มีเงินและกลายเป็นคนปักกิ่งแล้ว ความหยิ่งยโสถึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นสินะ” สะใภ้รองหลินแค่นเสียงหึเย็นชา

“เพราะเธอมีเงินแล้ว ก็เลยไม่ไว้หน้าใครก็ได้งั้นสิ!” พี่ชายรองหลินก็พูดอย่างโมโหเช่นกัน

พี่ชายใหญ่หลินก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก

ส่วนสะใภ้ใหญ่หลินด่าลูกชายตัวเอง “ลูกเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน เรียกอาหญิงสามของลูกให้มีมารยาทหน่อย ลูกพูดมากขนาดนั้นเพื่ออะไรกัน?”

“แม่เลิกหวังว่าอาเขาจะพาผมไปปักกิ่งได้แล้ว ผมมองก็รู้แล้วว่าในใจหล่อนไม่มีตระกูลหลินอยู่เลย” หลินอันพูดตรง ๆ

สะใภ้ใหญ่หลินจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าถ้าในใจเธอมีตระกูลหลินจริงแล้วทำไมหลายปีมานี้เธอถึงไม่เคยกลับมาบ้านหลินเลยสักก้าวเดียว? จนกระทั่งตอนที่พี่ชายรองหลินถูกจับไปที่สถานีตำรวจ ถ้าไม่ใช่เพราะโจวชิงไป๋ประกันตัวออกมา เธอก็คงจะเมินเฉยแล้วปล่อยให้ผู้เฒ่าทั้งสองวิ่งวุ่นไปทั่วแล้ว

โหดร้ายอำมหิตยิ่งนัก

แต่หล่อนก็ยังคงมีความหวังว่าถ้าสามารถส่งลูกชายที่รักเรียนคนนี้ไปเรียนที่เมืองหลวงได้ เขาจะต้องเปลี่ยนเป็นมังกรเป็นหงส์ได้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความหวังนั้นแล้ว

“แต่ฉันได้ยินพอดีว่าคุณพ่อต้องการไปปักกิ่งอย่างนั้นเหรอ?” พี่รองหลินพูด

“เขาฝันหวานอยากจะไปมีชีวิตที่ดีที่ปักกิ่งน่ะ แต่ตัวคนพาสามีไปได้กลับไม่ยอมพาพ่อแท้ ๆ ไปด้วย!” สะใภ้รองหลินแค่นเสียงเย็นชา

“คุณพ่อไม่มีลูกชาย ไม่มีลูกสะใภ้เลยหรืออย่างไรครับ จะไปกินอยู่กับลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วเนี่ยนะ ถามจริงว่าพี่อายบ้างไหม” น้องสามหลินหันไปพูดกับสะใภ้รอง

“น้องสามตอนนี้พอมีเงินแล้ว ก็สั่งสอนฉันได้แล้วสินะ” สะใภ้รองส่งเสียงฮึ

“สองผู้เฒ่าโจวต่างได้รับความกตัญญูจากบรรดาสะใภ้ของพวกเขา แล้วทำไมพวกพี่ไม่กตัญญูกับพ่อและแม่ของพวกเราบ้างล่ะครับ?” น้องชายสามหลินถามอีกครั้ง

“ก็ได้ ๆ พวกเราไม่มีความสามารถเท่าพี่สาวของนาย พอใจไหม? พวกฉันยอมรับ แต่ว่านายกับภรรยาของนาย ถ้าเก่งจริงทำไมถึงไม่พาคุณพ่อไปในเมืองล่ะ? คุณพ่อกับคุณแม่เคยบอกว่าอยากจะไปอยู่กับพวกนาย แต่พวกนายก็ไม่ให้พวกเขาอยู่!” สะใภ้รองแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา

น้องชายสามหลินมองหล่อนนิ่ง และหันไปมองคนอื่น ๆ ด้วย แม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ดูสายตาเหล่านั้นออกว่ากำลังตำหนิเขา

เห็นอยู่คาตาว่าเขามีความสามารถมีเงิน แต่กลับไม่พาพ่อกับแม่ไปเสวยสุขด้วย ยังให้พวกเขาอยู่ที่ชนบท จนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คิดว่าคนต้นเหตุจะเป็นใคร?

น้องชายสามหลินไม่พูดอธิบายสักประโยค แต่ในใจก็รู้สึกผิดหวังในตัวพี่น้องตัวเองไปแล้ว

ทางด้านหลินชิงเหอในตอนนี้ได้กลับไปที่บ้านตระกูลโจวแล้ว

“อย่าโกรธเลยนะครับ” โจวชิงไป๋พูด

“ฉันไม่ได้โกรธ บ้านนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักนิด มีอะไรให้ฉันต้องโกรธกันคะ” หลินชิงเหอพูด

เธอเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีคนที่หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้อยู่ด้วย ลูกชายทุกคนก็ยังอยู่ กลับอยากให้ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วเลี้ยงดูแทน?

ลูกชายของเขาเสียชีวิตหมดแล้วหรืออย่างไร บ้านใหญ่บ้านรองมีก็เหมือนไม่มี แต่ความกตัญญูของน้องชายหล่อนล่ะ เขามองความกตัญญูของน้องชายหล่อนเป็นอะไรไปแล้ว?

เขาคิดอยากจะไปปักกิ่งกับหล่อน แต่เดาว่าคงไม่ได้มีชีวิตที่ดีขนาดนั้นหรอก

เมื่อสมควรแก่เวลา พวกเขาก็มากินข้าวเที่ยงที่บ้านสะใภ้ใหญ่กับพี่ชายใหญ่โจว

“พี่สะใภ้คะ ฝีมือการทำไข่เค็มของพี่ดีมากจริง ๆ ค่ะ” หลินชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่เอาตะกร้าไข่ใบหนึ่งไปแลกกับคุณยายท่านหนึ่งที่บ้านแม่น่ะจ้ะ ถ้าเธออยากเรียนพี่จะสอนให้” สะใภ้ใหญ่โจวพูดไปยิ้มไป

ปีนี้หล่อนเลี้ยงเป็ดเอาไว้ไม่น้อย แถมไข่เค็มเหล่านี้ยังขายดีโดยเฉพาะด้วย

“ฉันเองก็มีวิธีดองไข่เค็มเหมือนกัน แล้วก็ได้ไข่แดงออกมามันเยิ้มทีเดียว พวกเรามาแลกวิธีทำกันเถอะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยตอบเช่นกัน

สะใภ้ใหญ่โจวหัวเราะ หลังจากนั้นก็พูด “เมื่อครู่บ้านรองมาหา”

“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” หลินชิงเหอได้ยินหล่อนพูดเน้นก็เอ่ยถาม

“มานั่งเล่นที่นี่พักหนึ่ง และก็พูดไร้สาระอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่พี่ก็พอจะฟังออกว่าพวกเขายังขาดเงินค่าสร้างบ้านที่พวกเขาจะทำปีหน้าอยู่นิดหน่อย เลยอยากจะให้โจวซานนีส่งเงินกลับมาให้ เมื่อเช้าน้องชายรองมาที่นี่ พี่นึกว่าเขาจะรีบเรียกหล่อนมาด้วย แต่น้องชายรองกลับไม่ทำ” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

“บอกให้เซี่ยเซี่ยส่งเงินกลับมาให้เถอะค่ะ ซานนีกับอ้ายกั๋วไม่มีเงินแล้ว ตอนนี้พวกเขาสองคนต้องเก็บเงินมาซื้อหน้าร้าน ตัวเองขาดเงินจนแทบจะจวนตัวแล้ว พวกเขาจะมีเงินส่งกลับมาได้ยังไงคะ” หลินชิงเหอพูด

“ซื้อหน้าร้านเหรอ?” สะใภ้ใหญ่โจวถามอย่างแปลกใจ

“ใช่ค่ะ พวกเขาสองสามีภรรยาพอไปปักกิ่งก็ไม่คิดจะกลับชนบทแล้ว และถ้ามีโอกาสย้ายทะเบียนบ้านได้พวกเขาก็จะย้าย ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เงิน เสี่ยวเหมยกับต้าหลินเองก็ย้ายทะเบียนบ้านแล้วเหมือนกันค่ะ ต้องจ่ายไปตั้ง 2,000 หยวน ยังดีที่ลูกชายของเพื่อนฉันทำงานที่หน่วยงานนั้น ไม่อย่างนั้นคงต้องจ่าย 3,000 หยวนขึ้นไปแน่เลยค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“แพงขนาดนี้เลยเหรอ?” สะใภ้ใหญ่โจวตกใจ ค่าย้ายทะเบียนบ้านมากเพียงพอที่จะสร้างบ้านใหญ่ ๆ ในชนบทได้สักหลังหนึ่งเลย

“ใช่ค่ะ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาสองคนไม่มีเงินจริง ๆ ค่ะ ถ้าพี่สะใภ้ใหญ่มีเวลาก็ช่วยไปอธิบายให้พี่ชายรองฟังทีนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้าพูด

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องชายสามหลินอย่าไปยอมคนพวกนี้ค่ะ มีพี่น้องแบบนี้ก็เหมือนไม่มี ส่วนเรื่องท่านพ่อหลินก็สุดแท้แต่จะเป็นไปตามกรรมล่ะค่ะ

พี่ชายรองจะหาเงินรีโนเวทบ้านได้จากที่ไหน ติดตามต่อไปค่ะ

ไหหม่า(海馬)