ตอนที่ 1436 ก้าวข้ามตัวเอง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1436 ก้าวข้ามตัวเอง โดย Ink Stone_Fantasy

กระบวนการเชื่อมต่อนั้นราบรื่นกว่าที่คิดเอาไว้

หลังแกนพลังเวทมนตร์เชื่อมต่อเข้าด้วยกันแล้ว เซลีนก็ ‘มองเห็น’ ภายในเสาหินโอเบลิส พูดอีกอย่างก็คือที่คือศูนย์กลางที่ควบคุมทั้งระบบ มันคือระบบที่สร้างขึ้นมาอย่างชาญฉลาดจากแกนพลังเวทมนตร์สี่อัน เสาโอเบลิสและร่างแม่ที่อยู่ด้านล่าง พลังเวทมนตร์สะท้อนกลับไปกลับมากลายเป็นคลื่นที่สอดประสานกัน

หลังจากสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พอจะเข้าใจหลักการทำงานของระบบนี้อย่างคร่าวๆ แกนเวทมนตร์สี่อันใช้พลังที่ไม่เหมือนกันในการรักษาการทำงานของพระผู้สร้างเอาไว้ ส่วนคนที่ควบคุมพวกมันคือร่างแม่ที่อยู่ด้านล่างเสาหินโอเบลิส แต่แน่นอนว่าพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะเมื่อดูจากการไหลเวียนของพลังเวทมนตร์แล้ว ร่างแม่นั้นแค่ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนพลังเวทมนตร์เท่านั้น เหมือนกับคันบังคับของเฮฟเว่นเฟลม

ส่วนคันบังคับจะไปขับเคลื่อนเกียร์ วาล์วหรือสายเหล็กเป็นจำนวนเท่าไรนั้น นั่นล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีการออกแบบภายในเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่ว่ามันได้ทำให้ระดับความซับซ้อนของการบังคับมีความง่ายดายขึ้นมา ปกติเซลีนต้องใช้เวลานานมากในการบังคับแกนพลังเวทมนตร์ซักอัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบังคับพร้อมกัน 4 อันเลย แต่หลังผ่านการปรับเปลี่ยนพลังเวทมนตร์อันน่าเหลือเชื่อนี้แล้ว การบังคับแกนพลังเวทมนตร์พร้อมกันทั้ง 4 ตัวเหมือนจะเป็นไปได้

เธอต้องยอมรับเลยว่านาซเพลที่เป็นคิดระบบนี้ขึ้นมานั้นเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง

อย่าว่าแต่จะให้เธอสร้างระบบที่เหมือนกันแบบนี้ขึ้นมาเลย หากไม่มีความรู้จำนวนมากที่โรแลนด์ไปเรียนรู้มาจากโลกแห่งความฝัน เกรงว่าแม้แต่ทำความเข้าใจเธอก็คงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่นี่ก็ทำให้เซลีนเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นเดียวกัน

สมาพันธ์เคยตรวจสอบดูบันทึกของร่างแม่มาก่อน ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพียงปีศาจที่มีรูปร่างแปลกประหลาดชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับอสูรเลอะเลือนที่ทำหน้าที่ผลิตหินเวทมนตร์ออกมาเลย ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิต อย่างนั้นมันก็น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองถึงจะถูก ซึ่งการมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองนั้นคืออุปสรรคต่อการควบคุมอย่างไม่ต้องสงสัย ราชาปีศาจตัวนั้นมันทำยังไงถึงเปลี่ยนให้มันกลายเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่เชื่อฟังแบบนี้ได้

นอกจากนี้เมื่อดูจากระบบนี้แล้ว ตัวเสาโอเบลิสเหมือนจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด มันดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นตัวรับและตัวขยายมากกว่า ในฐานะที่เป็นสิ่งสำคัญที่ปีศาจที่ต้องพึ่งพาเพื่อความอยู่ แต่มันกลับไม่ได้ถูกเรียกว่าพระผู้สร้าง นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ก่อนที่จะทำการเชื่อมต่อเลย

เซลีนยื่นหนวดสำหรับรับรู้เข้าไปในร่างแม่ของปีศาจด้วยความสงสัย

พริบตานั้นเอง ภาพอันน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ —

‘พระเจ้า…’

เธอส่งเสียงอุทานตกใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

มันคือ ‘ตาข่าย’ ขนาดมหึมา

ภายในตาข่ายเครือข่ายที่สร้างขึ้นมาจากเส้นที่ส่องแสงสว่างจำนวนมากผืนนี้ มีจุดเชื่อมต่อจำนวนมากที่กำลังส่องแสงกะพริบอยู่ เธอรู้ว่านั่นคือเมืองของปีศาจ และพื้นที่ที่พวกมันกระจุกตัวอยู่ด้วยกันก็คือแผ่นดินที่อยู่ตรงข้ามกับดินแดนรุ่งอรุณ — แบล็คสโตน! ไม่ใช่เท่านี้ เซลีนยังมองเห็นจุดเชื่อมต่ออีกจำนวนมากที่อ่อนแสง พวกมันกระจายกระจายตัวอยู่รอบนอกตาข่ายเหมือนกับไข่มุกที่สูญเสียความแวววาว

สิ่งที่ทำให้เซลีนรู้สึกตกตะลึงภายในร่างแม่กลับมีความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดปรากฏขึ้นมา

เธอเข้ามาโดยไม่ถูกขัดขวาง เหมือนกับว่าที่นี่เป็นที่ๆ มีผู้มาเยี่ยมเยือนอยู่เป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น

ร่างเปลือก!

เซลีนรู้ตัวอย่างรวดเร็ว!

ใช่แล้ว ถึงแม้มันจะเป็นปีศาจประเภทหนึ่ง แต่การปรับเปลี่ยนได้ทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายร่างเปลือก ไม่มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ทำได้แค่เรื่องบางเรื่องตามสัญชาตญาณเท่านั้น นี่ต่างหากถึงจะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มันกลายเป็น ‘ศูนย์กลางของการควบคุม’ ได้!

เทคโนโลยีนี้เกี่ยวข้องกับอารยธรรมใต้ดินอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…ภายในใจเซลีนเกิดความรู้สึกสับสนอย่างรุนแรงขึ้นมา มันคือความรู้สึกตื่นเต้นจากการค้นพบเทคโนโลยีใหม่และความรู้สึกหนาวเย็นที่ได้เห็นมุมหนึ่งของความลับที่อยู่เบื้องหลัง

ด้วยเทคโนโลยีของเผ่าพันธุ์ที่ถูกทำลายไป สมาพันธ์แม่มดถึงได้ทำแผนการ ‘แม่มดอาญาสิทธิ์’ ให้เป็นจริงได้ แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่ปีศาจซึ่งเป็นผู้ดูดซับเอาชิ้นส่วนสืบทอดเข้าไปจะไม่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีตรงนี้

และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันเดินนำหน้าสมาพันธ์ไปไกลมาก

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เข้าใจก็คือการปรับเปลี่ยนให้เป็นร่างเปลือกแบบนี้น่าจเพื่อทำให้สามารถควบคุมแกนพลังเวทมนตร์ได้หลายอัน เพื่อที่จะได้แสดงผลลัพธ์อันน่าตกตะลึงออกมา นอกจากพระผู้สร้างแล้ว เมืองอื่นๆ น่าจะไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะการทำแบบนี้มันเต็มไปด้วยความเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเหมือนเป็นการช่วงชิงเอาจิตสำนึกของ ‘ผู้ที่ถูกปรับเปลี่ยนร่างกาย’ มาด้วย ซึ่งร่างแม่ที่รับผิดชอบในการทำให้หินโอเบลิสเติบโตนั้นย่อมต้องมีความสำคัญอย่างมากในเผ่าพันธุ์ปีศาจ สถานะของมันย่อมไม่มีทางต่ำแน่

แต่เธอกลับมองเห็นว่าร่างแม่ที่เป็นตัวแทนของจุดเชื่อมต่อของเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่ได้ถูกผ่านการปรับเปลี่ยนมาแล้ว และกำลังกลายสภาพเป็นภาชนะโดยสมบูรณ์ ซึ่งมันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไรเลย

หรือว่าจักรพรรดิจะไม่สนใจความเป็นความตายของปีศาจจำนวนมากภายในเมืองเลย?

‘ดื่มด่ำพอหรือยัง?’

ด้านหลังเธอพลันมีเสียงที่ไม่รู้จักดังขึ้นมา

เซลีนตกใจ เธอรีบ ‘หันหน้ากลับไป’ ทันที ก่อนจะเห็นปีศาจรูปร่างแปลกประหลาดตัวหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้มีรูปร่างภายนอกเป็นมนุษย์เหมือนอย่างปีศาจระดับสูงทั่วๆ ไป ร่างกายครึ่งร่างของมันเป็นเหมือนแมลง ด้านบนมีแขนอยู่สิบกว่าข้าง รูปร่างของมือเองก็มีหลากหลายรูปแบบ สิ่งที่ดูสะดุดตาที่สุดก็คือส่วนหัวของมันที่เป็นเหมือนเสารูปร่างแปลกประหลาด แถมยังมีหน้ากากแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก

ในเวลานี้เธอถึงได้สังเกตเห็นว่าตัวเองสามารถหมุนตัวอยู่ในจิตสำนึกได้! ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอไม่ได้เป็นวิญญาณที่แผ่วเบาอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นร่างกายที่มีน้ำหนัก

‘คิดไม่ถึงว่านอกจากข้าแล้วยังจะมีคนที่เข้ามาที่นี่ได้อีก’ เสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสุข ‘ดูเหมือนเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างข้านะ ทิ้งร่างกายเดิม ไม่รับการผูกมัดจากกฎเกณฑ์ใดๆ แสดงหาแต่เพียงความรู้และความจริงเท่านั้น! เป็นยังไง เจ้าพอใจผลงานพวกนี้ของข้าไหม?’

ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้ว ปีศาจตัวนี้จะต้องใช้เดอะแมสก์ที่สกายลอร์ดพูดถึงอย่างแน่นอน

‘ทำไมข้าถึงมองเห็นร่างกายของตัวเอง…เจ้าทำอะไรกันแน่?’

‘เจ้าน่าจะเดาได้แล้วไม่ใช่เหรอ’ เดอะแมสก์กางมือออกอย่างได้ใจ ‘นี่มันคล้ายกับโลกแห่งจิตสำนึกอย่างมากไม่ใช่เหรอ?’

เซลีนหน้าเปลี่ยนสีทันที ‘หรือว่าเจ้า—‘

‘ถูกต้อง ที่นี่คือ ‘โลกแห่งจิตสำนึก’ ที่ข้าสร้างขึ้นมา’ มันสงเสียงหัวเราะประหลาดขึ้นมา ‘ทำไมต้องมีพรสวรรค์ถึงจะสำรวจแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ได้? ทำไมถึงมีแค่บางคนที่สามารถเข้าออกมันได้ตามใจชอบ แต่บางคนแค่คิดจะสัมผัสมันก็ยังยาก? สิ่งที่ข้าเกลียดมากที่สุดก็คือพวกที่เกิดมาไม่ธรรมดาพวกนั้น’

‘ไม่สิ’ เซลีนสงบใจครุ่นคิดอย่างละเอียดถึงโลกแห่งความฝันที่เพื่อนของเธอบรรยายให้ฟัง ‘ถ้าอยากจะมองเห็นตัวเองล่ะก็ แค่ส่องกระจกก็ทำได้แล้ว ในโลกแห่งจิตสำนึกสามารถแสดงทุกสรรพสิ่งออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ที่นี่นอกจากตาข่ายเครือข่ายที่ส่องแสงสว่างแล้วก็ไม่มีอะไรอยู่ แถมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ข้ามองเห็นรูปร่างภายนอกของร่างเปลือกเท่านั้น หาใช่ตัวตนที่แท้จริงของข้าไม่!’

‘เหอะ ร่างเปลือกไม่ดีตรงไหน? ถ้าไม่มีร่างกายนี้ แม้แต่ควบคุมแกนพลังเวทมนตร์เจ้าก็ไม่มีวันที่จะทำมันได้’ เดอะแมสก์ส่งเสียงเหอะดูถูกออกมา ‘โลกแห่งจิตสำนึกมันก็เป็นแค่ชื่อๆ หนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครมากำหนดได้ว่ามันต้องมีหน้าตาเป็นอย่างไร — ถึงแม้นี่จะเป็นแค่ผลพลอยได้ของการทดลองก็จริง ส่วนเรื่องที่ว่าข้าทำอะไรนั่น แค่มองดูเจ้าก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอ?’

มันเดินเข้ามาหาเซลีน ก่อนจะเดิน ‘ทะลุ’ ตัวเธอไป ‘มันก็คือการหลุดพ้นจากการผูกมัดของร่างกายและอยู่เหนือทุกสิ่ง!’

เซลีนตกตะลึง

‘ทุกร่างกายล้วนแต่มีขีดจำกัด บนโลกนี้ไม่มีร่างกายไหนที่สมบูรณ์แบบ! ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมข้าต้องถูกกำหนดให้เดินอยู่บนถนนที่สิ้นหวังด้วย? เห็นเครือข่ายเชื่อมต่อผืนนี้ไหม?’ เสียงของเดอะแมสก์ดังขึ้นเรื่อยๆ ‘เมื่อมีมัน ข้าสามารถไปอยู่ได้ทุกที่ นี่มันยิ่งใหญ่กว่าร่างกายใดๆ ทั้งหมด — ในตอนที่มันพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ข้าจะสามารถไปอยู่ในหลายๆ ที่ได้พร้อมกัน หรือพูดอีกอย่างก็คือสร้าง ‘ตัวข้า’ ขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน!’

‘เมื่อมีตัวข้าพวกนี้ ข้าก็จะสามารถไปยังสถานที่ที่อันตรายที่สุดได้ ทำการทดลองที่อันตรายที่สุดได้ สามารถสำรวจความลี้ลับทุกอย่างบนโลกนี้ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล! เจ้าน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันหมายถึงอะไร!’ นาซเพลยกมือทั้งหมดขึ้นมา ‘การรับรู้ทุกอย่าง ประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดจะเป็นของข้า ประสิทธิภาพในการดูดซับความรู้แบบนี้จะทำให้ข้าเกิดการวิวัฒนาการขึ้นใหม่ — ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แล้วก็ไม่ต้องใช้หินเวทมนตร์ นี่คือความฝันที่ผู้ขวนขวายหาความรู้เฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ!’

เจ้านี่….บ้าไปแล้ว

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมร่างแม่ของเมืองที่ไม่ได้กลายเป็นพระผู้สร้างเหล่านั้นถึงต้องทำการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นร่างเปลือกด้วย

นี่ไม่ใช่ความต้องการของจักรพรรดิ

หากแต่เป็นสิ่งเดอะแมสก์แอบทำลับหลัง

‘ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้วสินะ’ นาซเพลถอดหน้ากากอันหนึ่งออก ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง — และบนใบหน้านั้น มุมปากของมันยิ้มแบบฝืนๆ ขึ้นมา ‘เมื่อออกจากโลกแห่งจิตสำนึก เหล่าราชาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย แล้วก็จักรพรรดิ…ถึงแม้จะอยู่ในหอเจ้าชีวิต มันก็ไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของข้ากับราชาตัวอื่นๆ เลย พวกมันพึ่งพาความสามารถมากเกินไป…แต่เจ้าคงไม่มีโอกาสได้เอาข่าวนี้ออกไปข้างนอกหรอก อยู่ที่นี่แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าดีกว่า’

พอพูดจบ แกนพลังเวทมนตร์ทั้งสี่ก็หยุดหมุนลงทันที

……………………………………………………………………