ตอนที่ 820: การต่อสู้ที่ป่าเถื่อนกับศพมีชีวิต (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 820: การต่อสู้ที่ป่าเถื่อนกับศพมีชีวิต (2)

ทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์รู้ผลลัพธ์อย่างดีถ้าพวกเขาเจอกับศพมีชีวิต แม้ว่าการมีอยู่ของพวกเขาจะถูกซ่อนอยู่ แต่ศพมีชีวิตก็สามารถรับรู้ได้ถ้าพวกเขาเข้าใกล้พวกมันมากเกินไป

ทั้งสองรีบออกมาจากถ้ำ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ โดยไม่เกิดเสียงใดใดเลย ทั้งคู่เปลี่ยนท่าทางเมื่อพวกเขามาถึงที่ปากทางเข้าของถ้ำ มีศพมนุษย์มีชีวิต 7 ศพ และพวกมันได้มาถึงระยะ 50 เมตรห่างจากถ้ำแล้ว พวกมันไม่มีความรู้สึกและดวงตาไร้แวว และการเคลื่อนไหวของมันแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์

เมื่อเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มาถึงที่ทางเข้าถ้ำ เซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดที่กำลังเข้ามาก็หยุดพร้อมกัน ออร่าที่ทรงพลังเริ่มที่จะเปล่งออกจากร่างกายของพวกมันในขณะที่พลังงานที่กำลังพุ่งขึ้นได้สั่นไหวร่างของพวกมัน บริเวณนั้นกลายเป็นพายุแห่งพลังทันที

ทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มีท่าทีเคร่งเครียด พวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกพบแล้วจากเซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ด โดยไม่ลังเล พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เจี้ยนเฉินเอากระบี่สังหารมังกรออกมาจากแหวนมิติของเขา

โฮก !

เซียนผู้คุมกฎที่เป็นศพมีชีวิตได้คำรามเสียงที่เหมือนสัตว์ประหลาดออกมาพร้อมกัน พวกมันไม่เหมือนก่อนหน้าที่พวกมันคำราม พวกมันว่องไวและคล่องแคล่วกว่าเดิม เซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดพุ่งเข้ามาเหมือนร่างราง ๆ ที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์

พลังบรรพกาลในร่างกายของเจี้ยนเฉินไหลออกมาอย่างคงที่ไปที่กระบี่สังหารมังกร เขาถือมันด้วยมือขวา เขาใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อไปถึงยังเซียนผู้คุมกฎคนหนึ่ง เขาแทงกระบี่ซึ่งเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างที่ที่หน้าอกของศพด้วยความเร็วแสง

ศพมีชีวิตไม่ได้แสดงท่าทีที่จะหลบเลยในขณะที่มันเผชิญหน้ากับการโจมตีของเจี้ยนเฉิน มันไม่สนใจกระบี่ของเจี้ยนเฉินและเหวี่ยงหมัดไปที่เขา

ฟุบ ! กระบี่สังหารมังกรผ่านเข้าที่หน้าอกของมันอย่างไม่ติดขัดและโผล่ออกมาอีกด้าน และเป็นอีกครั้งที่ไม่มีเลือดเลยและไม่มีแม้แต่สัญญาณบอกความเจ็บปวดจากใบหน้าของศพนั่น ขณะเดียวกัน หมัดของมันก็พุ่งตรงมาที่เจี้ยนเฉินอย่างรุนแรง

เจีนยเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อหลบหมัดของเซียนผู้คุมกฎด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และเขาก็ผ่าครึ่งหน้าอกของศพด้วยกระบี่สังหารมังกรอย่างฉับพลัน เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ครึ่งของร่างกายของมัน

ในตอนนี้เอง เซียนผู้คุมกฎอีก 2 คนได้โจมตีเจี้ยนเฉินพร้อมกันจากด้านข้าง การโจมตีของพวกมันนั้นธรรมดา พวกมันเหวี่ยงหมัดอย่างโผงผางโดยไม่มีกลวิธีอะไร

เจี้ยนเฉินหลบการโจมตีด้วยทักษะมายาพริบตา กระบี่สังหารมังกรตัดผ่านอากาศ ในขณะที่แสงสีดำที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งการทำลายล้างได้ตัดผ่านครึ่งตัวของร่างของเซียนผู้คุมกฎ

อย่างไรก็ตาม เซียนผู้คุมกฎคนนั้นก็ไม่ตาย อีกครึ่งหนึ่งของเขาที่มีขาได้เข้ามาใกล้เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วและเตะเข้าไปที่เขา ในเวลาเดียวกันนั้น มือของมันที่ส่วนบนของร่างกายได้ขย่มลงกันพื้นและเหวี่ยงตัวเองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว และเหวี่ยงหมัดทั้งสองที่ทรงพลังไปที่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดใด มือขวาของเขาขยับและกระบี่สังหารมังกรก็ถูกแทงออกไปนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความเร็วที่สุดยอด ภาพพร่ามัวของกระบี่จำนวนมากที่หนาแน่นดูเหมือนจะเกิดเป็นทรงตาข่ายสานขึ้นมา และปกคลุมไปทั่วทั้งตัวเซียนผู้คุมกฎ

กระบี่ของเจี้ยนเฉินนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความเร็ว ในตอนนั้นเอง เขาแทงกระบี่ออกไปมากกว่าร้อยครั้งด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ตอนนี้ตาข่ายสานดูเหมือนจะกลายเป็นเครื่องบดเนื้อและบดร่างทั้งสองส่วนของเซียนผู้คุมกฎไปเป็นชิ้นเนื้อนับไม่ถ้วน

แม้ว่าศพมีชีวิตจะเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎ แต่พวกมันก็สูญเสียความสามารถของเซียนผู้คุมกฎไปและสูญเสียประสบการณ์ในการณ์ต่อสู้ไป ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะยังอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎอยู่ พวกมันไม่มีอาวุธเซียนและไม่สามารถที่จะใช้พลังแห่งความลึกลับของธรรมชาติได้ และไม่มีแม้แต่การระวังตัวพื้นฐานที่จะหลบหรือต่อต้านการโจมตี พวกมันรู้แต่เพียงการโจมตีคนนอกด้วยหมัดล้วน ๆ เพื่อที่จะสังหารคนนอก

ดังนั้น ความแข็งแกร่งของศพทีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎที่พลาดพลั้งจึงห่างไกลจากที่มันเคยเป็นตอนมีชีวิต และสามารถที่จะถูกตัดเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนโดยเจี้ยนเฉิน

หลังจากที่จัดการเซียนผู้คุมกฎไป เจี้ยนเฉินก็ใช้ทักษะมายาพริบตาและหายไปทันที

ตอนที่เจี้ยนเฉินหายไป หมัดสองหมัดที่เลือดเย็นก็ได้แทนที่ตรงที่ที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ พลังของหมัดทำให้เกิดเสียงอัดอากาศ

ฟุ่บ !

ทันใดนั้นเอง แสงไฟสีดำก็เกิดขึ้นและแขนของเซียนผู้คุมกฎก็หลุดออกมา เจี้ยนเฉินปรากฏตัวขึ้นที่ข้าง ๆเขาเหมือนภูตผี และตัดแขนของมันออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยกระบี่สังหารมังกร

ในเวลาเดียวกันนั้น เซียนผู้คุมกฎที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากเจี้ยนเฉินก็กำลังเริ่มที่จะรวมร่าง และพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินโดยมันไม่มีอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์

ณ อีกฝั่ง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้สู้กับเซียนผู้คุมกฎอีก 4 คน นางถือพิณไว้ที่มือข้างซ้ายในขณะที่มือขวาของนางก็กำลังโลดแล่นไปด้านบนของพิณอย่างต่อเนื่อง คลื่นเสียงปะทะกับเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่คนครั้งแล้วครั้งเล่า ทุก ๆ คลื่นเสียงได้ทำให้เกิดรูใหญ่ตอนปะทะและทำให้พวกมันกระเด็นถอยหลังไปเพราะความทรงพลังในการโจมตีจึงทำให้พวกไม่สามารถเคลื่อนที่มาข้างหน้าได้

แม้ว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จะฝึกฝนในทางคนละสายกับเจี้ยนเฉิน แต่ความแข็งแกร่งของนางนั้นเห็นได้ชัดว่ายอดเยี่ยมกว่าเจี้ยนเฉิน การโจมตีจากคลื่นเสียงพิเศษมีพลังมากมาย และสามารถที่จะหยุดการเข้ามาของเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่ได้อย่างไม่ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย มันยังทำให้พวกมันทั้งสี่ถอยกลับไปและไม่สามารถที่จะเข้าใกล้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้เลยไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เล่นทำนองเพลงด้วยสายทั้งยี่สิบสาย แต่ละคลื่นเสียงถูกยิงออกไปจากพิณปีศาจร่ำให้ในขณะที่นิ้วของนางขยับและตอนที่คลื่นเสียงปะทะกับเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่ มันก็ได้ทิ้งพลังงานของพิณเอาไว้ในอากาศ พลังที่ตกค้างสะสมและหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อมันถึงระดับแล้ว หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็หยุดเล่น นางมองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตะโกนออกมา “ถอยออกมาเร็ว ! “

เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเลิกต่อสู้และกลายเป็นร่างพร่ามัวและถอยไปที่ข้าง ๆ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์

นิ้วของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ขยับไปที่สายที่ 21 อย่างช้า ๆ ซึ่งทำให้มันสั่นขึ้นขึ้นลงลงอย่างนุ่มนวล

สายที่ 21 ของพิณทำให้เกิดเสียงชัด มันเริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรงและหลังจากนั้นไม่นาน พลังงานของพิณที่สะสมอยู่ในอากาศก็เริ่มรุนแรงขึ้น เกิดเสียงระเบิดเพราะพลังงานของพิณระเบิดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด ในขณะที่คลื่นพลังที่รุนแรงได้พุ่งเข้าฉีกร่างของเซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดคน

โฮก ! โฮก ! โฮก..

ความโกลาหลที่เกิดจากการต่อสู้ได้ทำให้จอมยุทธที่อยู่แต่ไกลรู้ตัว ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามเหมือนสัตว์ป่าสิบกว่าเสียงก็ได้ดังมาแต่ไกลทั่วทิศทาง เสียงคำรามปกคลุมท้องฟ้า โดยเฉพาะท้องฟ้าสีดำสนิทของมหาสมุทรดวงดาว ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่สิบกว่าดวงก็ได้เปล่งรัศมีเข้ามาจากหลายทิศทางที่ไกลออกไป และพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังก็ปรากฎขึ้นมารางราง

“ไปจากที่นี่เร็ว” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดด้วยเสียงแหบห้าว นางสามารถสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของพลังที่น่ากลัวอย่างที่ทำให้แม้แต่นางยังกลัว มันคือศพมีชีวิตที่เป็นเซียนราชา

เจี้ยนเฉินรู้สึกตึงเครียด แม้ว่าความสามารถในการสัมผัสของเขาจะถูกข่มเอาไว้ที่มหาสมุทรดวงดาว แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเซียนผู้คุมกฎได้อย่างชัดเจน เขาพบว่ามีเซียนผู้คุมกฎอย่างน้อยหลายสิบคนที่กำลังขนาบเข้ามาจากทุกทิศทาง เมื่อพวกเขาติดอยู่ที่นี่แล้ว ผลลัพธ์คงจะเป็นหายนะ มันจะยิ่งทำให้จอมยุทธคนอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มอีก

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และเจี้ยนเฉินหนีด้วยคาวมเร็วสูงสุดไปไกลให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะไปได้ไกล เซียนผู้คุมกฎที่ถูกฉีกร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากคลื่นเสียงก็เริ่มรวมร่าง พวกมันคำรามไปที่พวกเขาทั้งสอง คนที่ยังหนีไปได้ไม่ไกล

แววตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นประกายเย็นชา นางวางพิณปีศาจร่ำให้ไว้ตรงหน้านางและเริ่มเล่นทันที

อย่างไรก็ตาม แสงแวบปรากฏขึ้นที่ข้างข้างนาง เจี้ยนเฉินได้พุ่งเข้าไปที่เซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดด้วยทักษะมายาพริบตาพร้อมกับกระบี่สังหารมังกรที่อยู่ในมือของเขา เขาตะโกนออกมา “ข้าจะถ่วงพวกมันไว้ ท่านรีบหนีไป”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปรอบ ๆ นางสามารถรู้สึกได้ว่าจอมยุทธกำลังพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ นางพูดเสียงทุ้ม “มันยากมากสำหรับเจ้าที่จะเอาชนะพวกมันได้ภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้ด้วยกำลังของเจ้า เมื่อศพมีชีวิตมาถึงและล้อมเจ้าไว้ มันก็จะเป็นการยากที่เจ้าจะรอดไปได้”

เจี้ยนเฉินใช้กระบี่สังหารมังกรและแทงออกไปหลายสิบครั้งด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง และสับพวกที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นชิ้น ๆ เขาตะโกนออกมา “ไม่ต้องห่วงข้า ความสามารถของเซียนผู้คุมกฎถูกผนึกที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถที่จะให้พลังมิติเพื่อที่จะหนีได้ เมื่อพวกเราทั้งสองคนถูกล้อม มันจะยากมากสำหรับท่านที่จะหนี ข้ามีทักษะการเคลื่อนไหวระดับสูง ดังนั้นแม้ว่าข้าจะถูกล้อม แต่ข้าก็ยังมีความสามารถที่จะถ่วงพวกมันเอาไว้ ข้าจะหาทางสลัดพวกมันให้หลุดเอง”

เสียงของเจี้ยนเฉินดังไปถึงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ในตอนนั้น แววตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มสับสน นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างลังเลและไม่ได้จากไปทันที สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดออกมานั้นจับใจของนางมาก

นางไม่คิดมาก่อนว่าในทวีปที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างทวีปเทียนหยวนที่เต็มไปด้วยคนที่คิดร้าย จะยังมีบางคนที่โง่พอที่จะเสี่ยงถึงชีวิตเพื่อที่จะป้องกันเซียนผู้คุมกฎหลายสิบคนเอาไว้ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันไม่กี่วันก่อนเพื่อที่จะหนี

ในสถานการณ์ที่เป็นตายเช่นนี้ แม้แต่พี่น้องแท้ ๆ ยังสามารถที่จะทรยศกันได้ อย่าว่าแต่คนแปลกหน้าเลย

การกระทำของเจี้ยนเฉินทำให้มุมมองของนางที่มีต่อเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก นางยืนอยู่และสายตาของนางเป็นประกายอย่างไม่สบายใจ นางไม่รู้ว่านางควรที่จะทิ้งเจี้ยนเฉินแล้วหนีไปหรือควรอยู่ต่อเพื่อที่จะต่อสู้ร่วมกับเขา

ตอนนี้ พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่จากทุกทิศทางได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังไม่ได้จากไป เจี้ยนเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะโวยออกมา เขาตะโกนขึ้น “ท่านยังอยู่ที่นี่ทำไม ! ? รีบไปซะก่อนที่มันจะสายเกินไป ! “

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เจี้ยนเฉินที่กำลังต่อสู้อยู่กับเซียนผู้คุมกฎหลายคนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ท้ายที่สุด นางก็กัดฟันแล้วตัดสินใจหันกลับไปและจากไป นางหายไปในความมืดในพริบตา

แม้ว่าความสามารถในด้านพิณของนางจะยอดเยี่ยมมาก นางก็ไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะเซียนผู้คุมกฎสิบกว่าคนได้และยังมีเซียนราชาอีก ความสามารถของเซียนผู้คุมกฎยังถูกข่มอีกที่นี่ นางไม่สามารถใช้ทักษะการเคลื่อนที่ในการต่อสู้ได้เหมือนเจี้ยนเฉิน เมื่อนางโดนล้อม มันจะเป็นอันตรายกับนางมากกว่าที่จะเป็นกับเจี้ยนเฉิน อีกทั้งจำนวนของเซียนผู้คุมกฎในตอนนี้ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีในมหาสมุทรดวงดาว นางรู้ว่าถ้าเกิดความโกลาหลมากขึ้นกว่านี้ มันจะดึงดูดให้จอมยุทธคนอื่นเข้ามาจากที่ไกลไกล แบบนั้นจำนวนเซียนผู้คุมกฎที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้าก็จะมากขึ้นไปด้วย