ตอนที่ 1976 เริ่มกันเถอะ!”

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1976 เริ่มกันเถอะ!”

“อะ-อะไรกัน…”

หวังเจี้ยนตงมองโลกที่หมุนติ้วอยู่รอบตัว ทั้งหมดที่อยู่ในสมองของเขาคือความไม่อยากเชื่อ

แม้แต่ตอนที่กำลังจะตาย เขาก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบ ขัดเกลามันจนเข้มข้นถึงขีดสุด เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่ขวางทาง เขาตั้งใจจะยื้อการดวลออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้เล่นงานอีกฝ่ายและเกิดเป็นการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ

แต่ทันทีที่หมอนั่นเคลื่อนไหว โลกก็หมุนติ้วรอบตัวเขา ทุกอย่างจบลงโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว

หมอนั่นสำแดงกระบวนท่าตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำได้อย่างไร? เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง!

ศิลปะเพลงดาบของมนุษย์สามารถรวดเร็วว่องไวได้ขนาดนี้หรือ?

ลู่จี่*, ผมขอโทษ ผมคิดจะหยั่งกระบวนท่าของเขาเพื่อเป็นข้อมูลให้คุณ แต่พละกำลังของผมมีจำกัด สำหรับหมอนั่น ผมไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่เป็นเป้านิ่ง…*

หวังเจี้ยนตงเสียใจสุดขีด ร่างของเขาแหลกสลายไป

ที่ด้านล่างสังเวียนประลอง หลิวลู่จี่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตา เขาแทบลมจับ

นั่นคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในนะ!

แต่กลับถูกสังหารในกระบวนท่าเดียวแบบไม่มีทางสู้

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?

แล้วเราจะสู้กับศิลปะเพลงดาบที่รวดเร็วขนาดนั้นได้หรือ?

หลิวลู่จี่ครุ่นคิดหนัก ในใจลึกๆเขารู้คำตอบ ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานการโจมตีนั้นได้เลย

แต่เขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้ ความดื้อดึงไม่ปล่อยให้เขาถอดใจเพียงเพราะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่ายืนอยู่ตรงหน้า ไม่เคยมีอุปสรรคใดทำลายความตั้งใจของเขาได้ และเขาก็ไม่คิดว่าครั้งนี้จะแตกต่าง

ทันใดนั้น สัญชาตญาณการต่อสู้ในดวงตาของหลิวลู่จี่ก็เปล่งประกายขึ้นอีกรอบ “เรารู้…เรารู้แล้ว! เจี้ยนตง ความตายของคุณไม่สูญเปล่าแน่”

“คุณไม่สามารถบีบให้เขาเปิดเผยไม้ตายสุดยอดออกมาได้ แต่ผมพบข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของเขาแล้ว!”

หลิวลู่จี่กำหมัดแน่นขณะพลังปราณพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย ในที่สุดเขาก็พบทางออก

จากการวิเคราะห์ของเขา สิ่งที่เรียกว่าไม้ตายของอีกฝ่ายนั้นเรียบง่ายกว่าที่พวกเขาคาดเดาไว้มาก ซึ่งนั่นก็คือความว่องไว!

ศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายรวดเร็วว่องไวเสียจนคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ไม่อาจตอบโต้การโจมตีของเขาได้

เป็นไปได้ว่าหมอนั่นน่าจะสำเร็จความเข้าใจแก่นสารของเพลงดาบที่เน้นความเร็ว

พละกำลังมหาศาลอาจถูกเอาชนะได้ แต่ความเร็วนั้นไม่อาจถูกทำลายได้เลย

เขามัวแต่วุ่นกับการค้นหาชนิดของกระบวนท่าที่อีกฝ่ายสำแดงออกมาจนหลงลืมข้อเท็จจริงง่ายๆข้อนี้ไป อันที่จริง หมอนั่นแค่สำแดงกระบวนท่าง่ายๆ และนั่นก็คือความรวดเร็วว่องไวของเขา

ขอแค่ศิลปะเพลงดาบของใครคนหนึ่งรวดเร็วพอ ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับหวังเจี้ยนตงก็ต้องพ่ายแพ้

“มีทางเดียวที่จะหลบเลี่ยงศิลปะเพลงดาบอันว่องไวได้ นั่นก็คือต้องเปิดฉากก่อน หรือพูดอีกอย่างก็คือเราต้องไวกว่านี้”

เมื่อเข้าใจแก่นสารของพละกำลังของอีกฝ่าย หลิวลู่จี่ได้คำตอบในการเอาชนะศิลปะเพลงดาบของคู่ต่อสู้ขึ้นมาทันที

การป้องกันตัวถือว่าไม่เพียงพอจะกดข่มความรวดเร็วของศิลปะเพลงดาบได้ วิธีเดียวที่ใช้ได้ก็คือต้องปรับความเร็วให้ทัดเทียมกัน มีแต่การโจมตีอีกฝ่ายเท่านั้นที่จะทำให้เขาบีบบังคับให้ผมน่ะถ่อมตัวเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมาได้สำเร็จ!

หลิวลู่จี่หลับตา เขาคิดคำนวณกระบวนท่าโจมตีอยู่ในใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ เขารู้สึกว่าขอแค่สำแดงมันออกมาได้อย่างถูกต้อง ก็มีโอกาสเอาชนะได้เกินกว่า 70%

ขณะที่หลิวลู่จี่กำลังครุ่นคิดหนัก ศิษย์สายตรงฝ่ายในอีก 20 คนก็กระโจนขึ้นสู่สังเวียนประลองทีละคน ซึ่งก็เหมือนกับผู้ที่ขึ้นไปก่อนหน้า ศีรษะของทุกคนกระเด็นหลุดจากบ่า ไม่มีใครอยู่ได้เกินกว่าหนึ่งอึดใจ

ถึงตอนนี้ ฝูงชนพากันตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงต่อพละกำลังของผมน่ะถ่อมตัว ทุกคนเริ่มรู้ซึ้งแก่ใจ

ภายในไม่ถึงสามนาที ผมน่ะถ่อมตัวก็สังหารคู่ต่อสู้ไปถึง 40 คนแล้ว ซึ่ง 7 คนในนั้นรั้งอันดับ 100 คนแรกในการประลองศิษย์สายตรงฝ่ายในด้วย มีแม้กระทั่งผู้รั้งอันดับ 3 อย่างหวังเจี้ยนตง!

แต่ก็ไม่มีใครเล่นงานผมน่ะถ่อมตัวได้เลยสักกระบวนท่า ไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายสังหารพวกเขาได้อย่างไร

ตอนแรก ทุกคนต่างคิดว่าสุดท้ายก็คงเอาชนะหมอนี่ได้ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า แต่ตอนนี้ ความมั่นใจของพวกเขากำลังถูกสั่นคลอน

ในความคิดของแต่ละคน ‘ผมน่ะถ่อมตัว’ ได้แปรสภาพจากคนธรรมดาสามัญไปเป็นมือสังหารผู้โหดเหี้ยมแล้ว

ทุกการเคลื่อนไหวของเขาก่อเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่

ราวกับว่าสิ่งนี้ได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ของการประลองไปแล้ว ไม่ได้สำคัญเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีจำนวนมากแค่ไหนหรือทรงพลังอย่างไร

เห็นฝูงชนเริ่มใจเสีย หลิวลู่จี่ตะโกน “ทุกคน อย่าตื่นตระหนก เขาเป็นแค่คนธรรมดา กำลังคนของเรามีมากพอจะโค่นเขาได้ ถ้าเราปล่อยให้เขาฆ่าเราอยู่แบบนี้ จะต้องมีพวกเราสักกี่คนที่ล้มตาย?”

“ก็จริง…เขาอาจทรงพลัง แต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”

“เราจะแพ้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น…คนอื่นจะมองพวกเราอย่างไร?”

“เสียเงินน่ะเรื่องเล็ก ที่สำคัญกว่าคือทางสำนักจะต้องลงโทษเราอย่างหนักแน่โทษฐานที่อ่อนด้อย”

เสียงตะโกนของหลิวลู่จี่ทำให้ทุกคนคลายความหวาดหวั่น นัยน์ตาของพวกเขาฉายประกายของจิตวิญญาณการต่อสู้อีกครั้ง

“พวกเรา ผมวิเคราะห์ศิลปะเพลงดาบของเขาแล้ว หัวใจของมันอยู่ที่ความเร็ว ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่พวกคุณคิดหรอก ขอแค่เราเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเขา เขาก็ทำอะไรไม่ได้!” หลิวลู่จี่พูดขณะออกเดินช้าๆไปยังสังเวียนประลอง

“ผมจะฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อแสดงให้พวกคุณเห็นว่ายังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน!”

ได้ฟังคำพูดของหลิวลู่จี่ ทุกคนพากันตาโต

จริงด้วย! เพราะพวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจการโจมตีของผมน่ะถ่อมตัวได้ อีกฝ่ายจึงดูน่าสะพรึงกว่าความเป็นจริง แต่ถ้าสิ่งที่หมอนั่นมีเป็นแค่ความเร็ว…ขอแค่พวกเขาเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า หมอนั่นก็ทำอะไรไม่ได้!

ศิลปะเพลงดาบที่รวดเร็วนั้นถือว่าไร้เทียมทาน แต่ก็ต้องใช้ทั้งพลังชีวิตและพลังปราณในปริมาณมาก ด้วยขีดจำกัดของระดับวรยุทธที่หอนิรันดร์กำหนดมา ผมน่ะถ่อมตัวจะรักษาความเร็วระดับนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน?

“มองเห็นทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ ดูเหมือนสหายคนนั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงนะ”

“ผมว่าเขาน่าจะเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวได้!”

“ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวได้หรือไม่ ความรู้ที่ว่าหมอนั่นใช้ความเร็วเพื่อโค่นคู่ต่อสู้ของเขาถือเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าการเสียสละของพวกเราที่ลงแรงไปก่อนหน้านี้ไม่ได้สูญเปล่า ขอแค่พวกเราเล่นงานเขาอย่างไม่ลดละ ในที่สุดเขาก็ต้องแพ้!”

ขณะที่หลิวลู่จี่มุ่งหน้าไปยังสังเวียนประลอง ฝูงชนก็เปิดทางให้เขาโดยอัตโนมัติพร้อมส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง

ตอนนี้หลิวลู่จี่ใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันใหม่ สมญานามที่เขาใช้ก็ต่างไปจากเดิม ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคืออัจฉริยะหมายเลข 1 ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน!

ได้ยินคำประกาศอย่างมั่นใจจากผู้รับคำท้า จางเซวียนอดหัวเราะหึๆไม่ได้ “คุณบอกว่าความเร็วคือหัวใจของพละกำลังของผมหรือ?”

การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วที่ไหนกัน*?*

มันไม่มีอะไรเลยนอกจากการกวัดแกว่งดาบแบบธรรมดาๆหลังจากที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบแล้ว

ยิ่งเจตจำนงเพลงดาบของนักรบผู้หนึ่งมีความทรงพลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นภาระหนักของพลังปราณ กายเนื้อ และจิตวิญญาณของผู้นั้นมากขึ้น วรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 ของเขาในตอนนี้ไม่อาจทำให้เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบที่รวดเร็วขนาดนั้นออกมาได้

อันที่จริง ต่อให้กายเนื้อที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 โลกจารึกของเขาก็ยังต้านทานแรงกดดันจากการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบที่ได้มาจากหน้าหนังสือสีทองไม่ได้เลย

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เขาแสดงออกไปจึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความสามารถที่เขามีเท่านั้น!

ถึงการวิเคราะห์ของอีกฝ่ายจะไม่ได้ถูกต้องแม่นยำเท่าไหร่ แต่ก็เป็นความพยายามที่ดี เท่าที่เห็น ดูเหมือนผู้รับคำท้าคนใหม่จะเป็นนักดาบที่เก่งกาจไม่เบา

โดยทั่วไป เขามักสนใจใคร่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะมีความสามารถขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาตอนนี้ออกจะอ่อนแรงไปสักหน่อย ไม่อาจใช้พละกำลังอย่างสิ้นเปลืองได้ แถมเวลาก็ไม่คอยท่า

จึงต้องจบทุกอย่างให้เร็วที่สุด

“เริ่มกันเถอะ!”

ขณะที่ความคิดต่างๆวิ่งพล่านอยู่ในสมองของจางเซวียน หลิวลู่จี่ก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองและเตรียมพร้อม

ฟึ่บ!

หลิวลู่จี่หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับดาบ และพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายด้วยความเร็วอันน่าทึ่งราวกับพายุใหญ่ เพราะความเร็วที่ใช้ ปลายดาบที่พุ่งแหวกอากาศมาจึงส่งเสียงคำรามราวกับฟ้าร้อง

“รวดเร็วเหลือเกิน!”

“กระบวนท่านี้ดูคุ้นตานะ ผมรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง…”

“มันคือเพลงดาบเสียงเรียกของพายุ!”

“ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้อาวุโสที่คิดค้นเทคนิคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสายฟ้าที่ฟาดอยู่กลางอากาศ ศิลปะเพลงดาบนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับสายฟ้าและมีพละกำลังน่าสะพรึงเหมือนพายุ มันเป็น 1 ใน 3 ศิลปะเพลงดาบชั้นยอดที่อยู่ในหอสมุดของศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่ก็ฝึกยากฝึกเย็นเสียจนคนส่วนใหญ่ถอดใจไปก่อน ดังนั้น ในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน จึงมีเพียงคนเดียวที่ประสบความสำเร็จ…เดี๋ยวก่อน คุณคงไม่ได้จะบอกว่าผู้ที่อยู่บนสังเวียนประลองคือ…”

ผู้รับคำท้าคนใหม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเสียจนฝูงชนมองตามไม่ทัน เกิดเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่

เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีแต่ศิษย์พี่หลิวลู่จี่เท่านั้นที่เชี่ยวชาญกระบวนท่านี้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอจะยืนยันตัวตนของผู้รับคำท้าคนใหม่แล้ว!

ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของศิษย์สายตรงฝ่ายในก็ตัดสินใจรับคำท้าเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าคนอวดดีนั่น!

“เจ้านั่นจบเห่แน่!”

“กลยุทธของเขาถูกความเฉลียวฉลาดของศิษย์พี่หลิวปราบราบคาบ!”

ทุกคนตาโตด้วยความตื่นเต้นขณะส่งเสียงเชียร์หลิวลู่จี่

ในหัวใจของพวกเขา หลิวลู่จี่คือตำนานที่ไม่มีใครปราบได้ เขาเป็นที่ 1 มาถึง 7 ปีแล้ว และยังไม่มีใครเก่งกาจพอจะเขย่าตำแหน่งของเขาได้เลย

เมื่อผู้เชี่ยวชาญออกโรงเอง ผมน่ะถ่อมตัวยอมพ่ายแพ้แน่ ไม่มีทางที่เขาจะเชิดหน้าอวดดีได้อีก!

บนสังเวียนประลอง หลิวลู่จี่ไม่รู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ในตอนนั้น ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ศิลปะเพลงดาบ

รู้ดีว่าคู่ต่อสู้สามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ผิดจากมนุษย์ทั่วไป หลิวลู่จี่จึงไม่กล้าปล่อยให้การ์ดตกแม้แต่เสี้ยววินาที การเปิดเผยจุดอ่อนใดๆก็ตามย่อมหมายถึงความผิดพลาด

ด้วยความรวดเร็วอันเหลือเชื่อของเขา เขารุดหน้าไปได้เกินกว่า 12 เมตรในชั่วพริบตา แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง บางทีอาจเป็นเพราะผมน่ะถ่อมตัวไม่ทันระวัง หรือไม่ก็มั่นใจในความเก่งกาจ จนเกินไป อีกฝ่ายจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

“คุณไม่คิดจะเคลื่อนไหว หรือคุณเคลื่อนไหวไม่ได้?”

ดูเหมือนการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง สิ่งเดียวที่หมอนั่นมีก็คือความเร็ว เมื่อเขาเอาชนะความเร็วของหมอนั่นได้ ก็ไม่มีอะไรที่อีกฝ่ายจะทำได้อีก

ชัยชนะอยู่ในมือของเขาแล้ว!