บทที่ 710 สามีภรรยาคู่ประหลาด + ตอนที่ 711 สำรวจตลาด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 710 สามีภรรยาคู่ประหลาด + ตอนที่ 711 สำรวจตลาด โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 710 สามีภรรยาคู่ประหลาด

ไทเฮาตัวนี้ยังมีงานอดิเรกที่ต่างจากพวกคือชอบเก็บสะสมหมวกเป็นพิเศษ หมวกที่มีความหลากหลาย รังของมันกองเต็มไปด้วยหมวกและสลับใส่ทุกวัน รักสวยรักงามที่แท้

นอกจากไทเฮาแล้ว กุ้ยเฟยก็เป็นแมงมุมทารันทูล่าตัวเต็มวัยสีสวยตัวหนึ่งที่มีขนาดตัวมหึมา  ขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือของมนุษย์ตัวเต็มวัย มีสีสันลวดลายทั่วตัว ลักษณะนิสัยเชื่องอ่อนโยนตามฉบับหวงกุ้ยเฟยผู้มีร่างกายอ่อนแอ้นผลักให้ล้มได้อย่างง่ายดาย

ฮ่องเต้กลับเป็นอิกัวนาตัวเต็มวัยที่มีช่วงตัวยาวถึงสองเมตร ปกติมักอยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิเนื่องจากฮ่องเต้ต้องการอุณหภูมิที่คงที่ อย่าเห็นแค่ว่าฮ่องเต้ตัวโตขนาดนั้นแต่มันกลับเป็นสัตว์มังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อสัตว์และนิสัยดีอีกด้วย

เพียงแต่เจ้าตัวโตพวกนี้ต่างกลัวฉาฉากันทุกตัว ต่อให้ต่อหน้าพวกมันจะมีฉาฉาขนาดตัวที่เล็กพอที่จะมองข้ามไปได้ แต่เจ้าพวกนี้กลับไม่เคยทำตัวโอหังต่อหน้าฉาฉา เชื่องยิ่งกว่ายามอยู่กับเจ้านายพวกมันอย่างเซียวเซ่อเสียอีก

จ้าวเสวียเอ๋อร์เบะปาก ปีศาจน้อยนั่นไม่มีอะไรทำชัดๆ ดีที่พ่อแม่ของเธอหาเงินเก่ง ไม่อย่างนั้นคงแบกรับค่าใช้จ่ายของเธอไม่ไหว เพียงแต่พ่อแม่ของเธอนั้น จุจุ!

ไม่มีสามีภรรยาคู่ไหนในเมืองหลวงประหลาดไปกว่าคู่นี้อีกแล้ว!

เซียวจิ่งหมิง คุณพ่อของเซียวเซ่อเป็นศิลปินภาพวาดสไตล์ตะวันตกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตกับมารดาที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก เพราะมีพรสวรรค์ด้านศิลปะเลยถูกนักศิลปินระดับโลกชาวตะวันตกรับไว้เป็นลูกศิษย์ และเป็นลูกศิษย์ชาวเอเชียเพียงคนเดียวของอาจารย์ท่านนี้ เห็นได้ชัดว่าเซียวจิ่งหมิงมีพรสวรรค์มากขนาดไหน

เซียวจิ่งหมิงเองก็พยายามแสดงศักยภาพออกมา ท่าทางคล้ายคลึงกับเหยียนตันชิงในวันวาน ประสบผลสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยกอบโกยชื่อเสียงในแวดวงศิลปะระดับนานาชาติ จัดนิทรรศการงานศิลปะขนาดใหญ่หลายครั้ง อีกทั้งเจ้าหมอนี่ดูดีมากเหมือนพันอันกลับชาติมาเกิด มีเสน่ห์ล้นเหลือจนถึงขั้นยอมพลีชีพ ได้รับความนิยมในสังคมชั้นสูงที่ฝั่งยุโรปอย่างมาก

แน่นอนว่าเซียวจิ่งหมิงมาจากตระกูลผู้ดีของอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะมารดาของเขามีตำแหน่งเป็นดยุค และเขาเป็นลูกเพียงคนเดียว หากถือตามขนบธรรมเนียมในการสืบทอดตำแหน่ง อนาคตเขาจะต้องเป็นผู้สืบตำแหน่งต่อไป

ทีนี้มาพูดถึงบิดาของเซียวจิ่งหมิงอย่างท่านอาจารย์เซียวเหยี่ยน อาจารย์ท่านนี้ก็เป็นอัจฉริยะอีกคนที่ไปร่ำเรียนตำราอยู่ประเทศฝรั่งเศส  นานวันเข้าก็ไปตกหลุมรักกับคุณหนูจากตระกูลผู้ดี ในวันที่เพิ่งคลอดเซียวจิ่งหมิงยังไม่ครบร้อยวันทั้งคู่ก็แยกทางกัน หนึ่งคนกลับประเทศอังกฤษ อีกคนกลับประเทศจีน เดินทางใครทางมัน

เซียวจิ่งหมิงใช้ชีวิตอยู่กับมารดามาแต่เด็ก แต่ยังติดต่อกับบิดาเซียวเหยี่ยนทางจดหมาย หลังบรรลุนิติภาวะเซียวจิ่งหมิงก็กลับมาหาครอบครัวที่ประเทศจีนอีกด้วย!

บอกได้แค่ว่าท่านอาจารย์เซียวเหยี่ยนมีความสามารถในการหลอกล่อสูงมาก วัยหนุ่มว่าหลอกล่อเอาตัวภรรยามาได้ ภายหลังก็หลอกล่อลูกชายมาได้อีก แถมยังหลอกล่อสำเร็จเสียด้วยสิ!

เหตุผลสำคัญที่ให้เซียวจิ่งหมิงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจีนคือคุณแม่ของเซียวเซ่อ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฝิงที่ไม่เคยน้อยหน้าใคร—เฝิงไห่ถัง หญิงประหลาดคนหนึ่งที่นิสัยตรงไปตรงมากล้ารักกล้าเกลียด และเป็นเพื่อนสนิทของคุณอาของเธออย่างจ้าวอิงหนานที่ตอนนี้ทั้งคู่ยังมีการติดต่อกันอยู่

ตระกูลเฝิงเป็นตระกูลที่ช่วยปฏิวัติประเทศเหมือนตระกูลจ้าว แต่เพราะท่านผู้เฒ่าเฝิงสุขภาพไม่ค่อยดี อยู่ในสภาพที่เหมือนใกล้หมดลมหายใจพร้อมจะจากไปเสมอ แต่อยู่ไปอยู่มาดันรอดพ้นจากสิบปีแห่งความวุ่นวาย ผู้ใหญ่และเด็กเล็กของตระกูลเฝิงเองก็อยู่รอดปลอดภัยไปตามๆ กัน

เฝิงไห่ถังกับเซียวจิ่งหมิงเป็นรักแรกพบกัน เมื่อเจอกันอีกทีก็ได้เสียกันจนได้ให้กำเนิดเซียวเซ่อออกมา สองคนนี้แต่งงานกันเพราะลูก รู้จักไม่ถึงสามเดือนก็แต่งงานกัน จากนั้นก็เกิดเรื่องทะเลาะกันไม่เคยขาด ยืดเยื้อมาได้หกปีก็หย่าขาดจากกัน

เหตุผลที่ทำไมคู่นี้ถึงประหลาดเพราะหลังจากพวกเขาหย่ากันแต่กลับยังตัดกันไม่ขาด เวลาที่ดีกันแทบจะให้คนทั้งโลกรู้ว่าพวกเขารักกัน ไม่ถึงสามวันดีก็เริ่มทะเลาะกันอีกจนได้ จากนั้นก็ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตสนุกสนานอย่างเปิดเผย เหมือนกลัวคนทั้งโลกจะไม่รู้ยังไงอย่างนั้น

…………………..

ตอนที่ 711 สำรวจตลาด

เหมยเหมยเคยได้ยินเรื่องพ่อแม่เซียวเซ่อมาบ้างจากปากของคุณอาจ้าวอิงหนาน เพราะจ้าวอิงหนานเป็นเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กของคุณหนูใหญ่เฝิงหรือก็คือคุณแม่ของเซียวเซ่อนั่นเอง ลูกอมและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพนำเข้าของบ้านสยงมู่มู่ล้วนได้มาจากคุณหนูใหญ่เฝิงคนนี้ให้มาทั้งนั้น

หากเอ่ยถึงคุณหนูใหญ่เฝิงสามวันสามคืนก็พูดไม่จบ ประวัติส่วนตัวยิ่งกว่าตำนานเล่าขานเสียอีก!

คุณหนูใหญ่เฝิงสมกับเป็นสตรีชื่อดังที่ไม่ยอมน้อยหน้าใครในเมืองหลวง กล้ารักกล้าเกลียดและกล้าทำ เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เปิดธุรกิจสีเทาในประเทศจีน

เพราะเธอใจกล้า มีมันสมอง ทั้งมีเบื้องหลังและเงินทุนคอยสนับสนุน อีคิวสูง เจอคนพูดภาษาคน เจอผีพูดภาษาผี

พูดได้เลยว่านอกจากอดีตสามีอย่างเซียวจิ่งหมิงแล้ว  ไม่ว่ากับใครคุณหนูใหญ่เฝิงก็คุยด้วยได้อย่างราบรื่น อีกทั้งเธอเป็นคนทำงานเก่งเลยเติบโตได้ดีในแวดวงธุรกิจ กิจการใหญ่โตทั้งธุรกิจสีขาวและสีเทา

สถานบันเทิงแห่งแรกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองหลวงถูกก่อตั้งโดยคุณหนูเฝิงไห่ถังคนนี้นี่เอง ในสถานที่ที่ใช้เงินซื้อเหล้าดื่มด่ำกับความฝันแห่งนี้มีคนจากทุกประเภทแฝงตัวอยู่แต่กลับไม่มีใครกล้าก่อเรื่องนอกเสียจากว่าพวกเขาเบื่อกับการมีชีวิตอยู่ต่อไป

คนเหล่านี้เห็นแก่คุณหนูใหญ่เฝิงทั้งสิ้น จากตรงนี้ก็เห็นได้แล้วว่าเฝิงไห่ถังฝีมือฉกาจมากขนาดไหน!

แม้เซียวจิ่งหมิงไม่ทำธุรกิจแต่ภาพวาดของเขามีค่าราคาสูง หมอนี่วาดภาพสไตล์ยุโรปซึ่งได้รับความนิยมสูงทางฝั่งยุโรป ราคาขายก็ถูกตั้งไว้สูงจนแม้แต่ราชวงศ์ยุโรปยังตามซื้อภาพวาดของเขา

มีสำนวนโบราณที่ว่าร้านขายโลงศพไม่เปิดร้านสามปี พอเปิดทีก็หาเงินกินไปได้อีกสามปี ประโยคนี้ใช้กับเซียวจิ่งหมิงได้ สามปีไม่แตะต้องดินสอ พอแตะดินสอเข้าหน่อยก็หาเงินกินได้อีกสามปี

อีกอย่างเซียวจิ่งหมิงเกิดจากตระกูลผู้ดีที่มีตำแหน่งเป็นถึงดยุค มารดาของเขาเดิมทีเป็นหญิงผู้แข็งแกร่งอยู่แล้วและเริ่มช่วยดูแลกิจการครอบครัวมาตั้งแต่วัยเยาว์ พออายุมากก็ไม่อยากสนใจปล่อยให้คนอื่นมาดูแลบริษัทแทน เงินกำไรแต่ละปีมากจนน่าตกใจ

บอกได้แค่ว่าต่อให้เซียวจิ่งหมิงไม่วาดรูปเขาก็ใช้ชีวิตเป็นลูกมหาเศรษฐีได้อย่างสบายๆ มีเงินไม่ขาดมือ!

คู่นี้ใจป้ำกับลูกสาวเพียงหนึ่งเดียวอย่างเซียวเซ่อพอสมควร ไม่อย่างนั้นเซียวเซ่อคงไม่มีปัญญาเลี้ยงสัตว์ผลาญเงินเหล่านั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นหรอก แค่งูเหลือมทองกับอิกัวนาก็ไม่ใช่สัตว์ที่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปจะเลี้ยงไหว แค่ค่าอาหารทุกวันกับกล่องเก็บอุณหภูมิก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ แล้ว  หากไม่มีเงินก็คงเลี้ยงไม่ไหว

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเซ่อกับพ่อแม่ไม่ค่อยดีนัก เธอไม่อยู่กับใครทั้งนั้น แต่เลือกใช้ชีวิตอยู่คฤหาสน์หลังโตเพียงลำพัง ข้างกายมีคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลที่คุณย่าส่งมาจึงได้มีชีวิตที่สะดวกสบาย ทว่าดันไม่มีคนให้คุยเป็นเพื่อนแม้แต่คนเดียว วันๆ ได้แต่เผชิญหน้ากับคฤหาสน์ที่แสนหนาวเหน็บกับสัตว์เลี้ยงฝูงหนึ่งที่พูดไม่ได้ มิน่าสาวน้อยผู้นี้ถึงดูหยิ่งผยองนัก

ทั้งที่เป็นหญิงสาวที่เข้าหาง่ายแท้ๆ!

จ้าวเสวียเอ๋อร์ทานไอศกรีมในมือหมดไปหนึ่งแท่งก็ยื่นมือล้วงถุงต่อ หยิบปีกไก่ทอดออกมาหนึ่งชิ้นก่อนจะเริ่มแทะเสียงดังสวบสาบ ใช้มือรองด้านล่างไว้ด้วย อย่าให้ต้องพูดเลยว่ามีความสุขแค่ไหน!

ปีกไก่ทอดหนึ่งชิ้นถูกแทะหมดภายในชั่วพริบตา จ้าวเสวียเอ๋อร์ยื่นมือล้วงเข้าไปต่อแต่โดนฝ่ามือเหมยเหมยซัดกลับไป จงใจหยอกล้อขึ้นว่า “พี่สาม ไหนว่าเป็นอาหารขยะของชาวตะวันตกไง? ทำไมถึงกินล่ะ?”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ตอบกลับหน้าตายอย่างใจเย็น “พี่กำลังสำรวจตลาดอยู่ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เพื่อที่พี่จะได้ประสบความสำเร็จต่อให้ต้องกินอาหารขยะมากแค่ไหนก็ยอม สมัยนี้คนที่ยอมสละตัวเองอย่างพี่น้อยลงจริงๆ แล้วนะ!”

สายตาสี่คู่หันมามองอย่างเหยียดหยาม  แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับทำเป็นไม่เห็น หยิบปีกไก่ทอดอีกชิ้นมาวิเคราะห์ตลาดต่อ เหมยเหมยคร้านจะสนใจเขาพลางหยิบไอศกรีมในถุงให้ฉิวฉิวกับฉาฉาอีกแท่ง สองตัวนี้กระเพาะใหญ่ไม่น้อย ทุกครั้งต้องทานไอศกรีมสองแท่งถึงจะพอ

……………………