เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1132

จวนเซียนบู๊กระบี่คลั่ง

ลู่ฝานยังเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในพื้นที่รกร้าง ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าด้านนอกมีคนรอให้เขาออกจากจวน ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าต้องรีบหาศพของเซียนบู๊กระบี่คลั่งบ้าบออะไรนั่นว่าอยู่ตรงไหน

ที่รกร้างแห่งนี้แทบจะไม่มีที่สิ้นสุด ลู่ฝานพุ่งไปด้านหน้าอย่างสุดชีวิต ก็ไม่เห็นที่สิ้นสุด

ใช้ย่ำก้าวยอดเมฆาฟ้าเหาะขึ้นบนฟ้า ก็เห็นแค่ศพนับไม่ถ้วนในพื้นที่รกร้าง

พูดตามหลักเหตุผล บนเขาวิถีบู๊ไม่ควรมีพื้นที่รกร้างขนาดนี้สิ ความเป็นไปได้ที่ลู่ฝานคิดออกเป็นอย่างแรก นั่นคือพื้นที่รกร้างแห่งนี้คือแดนมายา

แต่เจดีย์เสวียนเก้ามังกรกลับบอกเขาว่าไม่ใช่ เหตุผลก็ง่ายดายมาก เพราะมันยังอยู่

ถ้าเข้าไปในแดนมายา ไอ้เก้าไม่น่าจะอยู่ได้

ลู่ฝานยอมรับเหตุผลนี้ เขานึกถึงสภาพที่เข้าไปในแดนมายาบนเกาะผนึกวิญญาณครั้งก่อน เป็นอย่างที่ไอ้เก้าพูดจริงๆ เขาเข้าไปได้ แต่ไอ้เก้าเข้าไปไม่ได้

งั้นโลกจริงหรือเปล่า แล้วที่รกร้างแห่งนี้จริงหรือเปล่า

ลู่ฝานค่อยๆ ลอยลงจากฟ้า ยืนอยู่บนกองศพ ครุ่นคิดเงียบๆ

“เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ทุกการทดสอบผู้สืบทอด มีเพียงสองสถานการณ์เท่านั้น อย่างแรกคือพิจารณาจิตใจ นิสัย วิชาวิทยายุทธของคนที่มา อีกอย่างคือยึดตามความชอบและนิสัยของผู้อาวุโส ทำตามอำเภอใจ เจ้านายไม่ลองเริ่มคิดจากสองด้านนี้สักหน่อยเหรอ ไม่แน่อาจก้าวผ่านไปได้ก็ได้!”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรเสนอความคิดให้ลู่ฝาน ลู่ฝานกลับส่ายหน้า แล้วพูดในใจว่า “ไม่ใช่ ที่รกร้างแห่งนี้ต้องมีความหมายที่แฝงอยู่ เซียนบู๊ที่ยิ่งใหญ่คงไม่ทิ้งของไร้ประโยชน์ไว้ก่อนตายหรอก ถ้าบอกว่านิสัยและความชอบ ตอนเข้ามาก็ถือว่าผ่านการเลือกแล้ว ที่รกร้างแห่งนี้น่าจะอยากให้ฉันพบอะไรบางอย่าง แล้วมันคืออะไรกันแน่ล่ะ”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดว่า “เขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นศพของเขา”

ลู่ฝานพูดว่า “ถ้าแค่หาศพ หาที่นี่เป็นสิบปีก็คงหาไม่เจอ เซียนบู๊จะว่างจนเล่นเกมแบบนี้เหรอ ฉันว่าต้องอยู่ในที่ที่สะดุดตาแน่นอน น่าจะเห็นได้อย่างชัดเจน แต่แค่เราโดนบางอย่างบังตาเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็น ฉันพอเดาความคิดของเขาได้ นั่นก็คือให้ฉันเปิดหูเปิดตา”

ลู่ฝานเพิ่งพูดในใจจบ ตอนนี้จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นบนฟ้าอีกครั้ง “นายพูดถูก ฉันต้องการให้นายเปิดหูเปิดตา เด็กน้อยอย่างนายฉลาดมาก ฉลาดกว่าฉันเยอะเลย ในเมื่อนายเดาได้แล้ว งั้นหาเจอหรือเปล่าล่ะ”

ลู่ฝานพูดอย่างตกใจว่า “นายได้ยินคำพูดในใจฉันด้วยเหรอ”

แสงหนึ่งปรากฏข้างหน้าลู่ฝาน เป็นเงาของหวางเหมิ่ง เซียนบู๊กระบี่คลั่ง

“ถ้านายอยู่ที่อื่น ฉันไม่ได้ยินเสียงในใจนายหรอก แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ขอโทษด้วยนะ ฉันพูดได้เพียงว่าแค่นายอ้าปาก ฉันก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ!”

ลู่ฝานสีหน้ามีความอึมครึม เซียนบู๊กระบี่คลั่งคนนี้ หยาบคายใช้ได้เลย

แต่ลู่ฝานได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากคำพูดของเขา

“เขตวิถี ต้องเป็นเขตวิถีแน่ๆ นายได้ยินความคิดในใจฉัน ความเป็นไปได้เดียวคือเขตวิถี”

ลู่ฝานตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

เซียนบู๊กระบี่คลั่งหัวเราะแล้วพูดว่า “สมองไวจริงๆ ดูเหมือนฉันคุยกับนายอีกไม่ได้แล้ว ไม่งั้นอีกเดี๋ยวฉันคงจะเปิดเผยออกมา นายรีบหาให้เจอ นายยิ่งเข้าตาฉันขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นายเป็นผู้คัดเลือกการสืบทอดวิชาของฉันที่ใช้ได้เลย ฮ่าๆๆๆ”

เงาของเซียนบู๊กระบี่คลั่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง