ตอนที่ 1438 ไม่ใช่แค่คนเดียว โดย Ink Stone_Fantasy
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
สแคทเทอร์สตาร์กำลังคำนวณแปลนออกแบบที่ทางกองอุตสาหกรรมส่งมาให้เหมือนอย่างทุกที
นี่เหมือนเป็นงานที่ไม่มีวันทำเสร็จ แต่มันกลับเติมเต็มเขาได้อย่างน่าประหลาด — มันไม่เหมือนกับการสำรวจดวงดาว ทุกๆ ผลลัพธ์ที่พวกเขาคำนวณออกมาได้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของการออกแบบ ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นผลงานที่จับต้องได้ออกมา ถึงแม้ในเวลาว่างเขามักจะใช้กล้องดูดาวอันใหม่ส่องมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่บ่อยๆ แต่ในช่วงสองปีมานี้เขายังทุ่มเวลาส่วนใหญ่ไปที่สถาบันคณิตศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคำนวณมากขึ้น เขาก็ยิ่งเข้าใจคำพูดของฝ่าบาทที่ตรัสว่า ‘ใช้ตัวเลขในการอธิบายทุกสิ่ง’ ได้มากขึ้น นักโหราศาสตร์ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการสร้าง แต่ถ้าหากเส้นโค้งหรือส่วนของเส้นตรงที่วาดออกมาจากตัวเลขเหล่านั้นมีความสอดคล้องกัน มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผลการออกแบบนั้นจะใช้งานได้ ทั้งสองอย่างเหมือนมีความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างกันอยู่ บางครั้งเขาแยกไม่ออกว่าการสร้างสรรค์เหล่านั้นเป็นตัวกำหนดตัวเลข หรือว่าตัวเลขเป็นตัวกำหนดการสร้างสรรค์เหล่านั้น
ถ้าหากเขาเข้าใจไปถึงระดับหนึ่งแล้ว มันจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะระบุคุณลักษณะพิเศษของวัตถุอย่างหนึ่งได้ด้วยตัวเลขและสมการโดยไม่จำเป็นต้องสร้างมันออกมาจริงๆ
และเป็นเพราะความคิดเชื่อมโยงอันน่ามหัศจรรย์นี้ที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเฝ้ารอคอยที่จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ อยู่ทุกวัน
‘ผลการคำนวณสมการที่ 26 คือ 3475…เกินขีดจำกัดแล้วขอรับ” ผู้ช่วยกดปุ่มปุ่มหนึ่งบนเครื่องจักรคำนวณอย่างระมัดระวังพร้อมกับกล่าวรายงาน
เจ้าเครื่องคำนวณนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ฝ่าบาทอันนาทรงสร้างมันขึ้นมากับมือ ในเมื่อเนเวอร์วินเทอร์มีอยู่ไม่เกิน 10 เครื่อง ส่วนใหญ่จะให้ทางสำนักบริหารและสถาบันคณิตศาสตร์เอาไว้ใช้
สแคทเทอร์สตาร์พยักหน้า ในตอนที่เขากำลังจะหยิบปากกาขึ้นเตรียมจดข้อมูลลงไปในสมุด บนหัวเขาพลันมีแสงสว่างสว่างวาบขึ้นมา หลอดไฟส่งเสียงแปลบๆ เหมือนกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง
ทุกคนต่างหยุดงานที่อยู่ในมือเพื่อรอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
“เพล้ง!”
อีกด้านหนึ่งของกำแพงมีเสียงดังขึ้นมา เหมือนมีของบางอย่างตกลงไปบนพื้น
นักปราชญ์ขมวดคิ้วขึ้นมา เขารู้ว่าภายในห้องนั้นมีเครื่องมือที่สำคัญของแม่มดโบราณวางเอาไว้อยู่ แล้วเขาก็ได้กำชับลูกศิษย์เอาไว้หลายครั้งแล้วว่าให้ระวังตอนที่เก็บกวาด ทำไมถึงยังไม่ระวังอีก?
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลูกศิษย์ที่อยู่ภายในห้องจะวิ่งออกมานอกห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ทะ ทะ ท่านอาจารย์! โครงกระดูกอันนั้นมันลอยขึ้นมาขอรับ!”
“อะไรนะ?” สแคทเทอร์สตาร์เลิกคิ้วขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูห้อง จากนั้นเขาก็ต้องลืมตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจ
โครงกระดูกที่เดิมหุบสนิทพลันเปิดกางออกมาเหมือนว่ามันกำลังเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น ส่วนตรงกึ่งกลางของมันก็มีลำแสงที่เจิดจ้าสว่างขึ้นมา ราวกับว่ามันตื่นขึ้นมาจากความฝัน!
เป็นไปได้ยังไง!?
ในสถาบันคณิตศาสตร์มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงการมีอยู่ของร่างเปลือก — นอกจากแม่มดโบราณที่อยู่ในรูปร่างของก้อนเนื้อแล้วก็ไม่มีใครที่จะใช้วัตถุเวทมนตร์นี้ได้อีก พวกเธอขุดทางลับเอาไว้เส้นหนึ่งทางด้านล้างสถาบันคณิตศาสตร์เพื่อเอาไว้เก็บร่างเปลือกศูนย์กลาง และก็เป็นเพราะเหตุนี้ ภายในสถาบันคณิตศาสตร์ถึงมีเจ้าสิ่งนี้วางเอาไว้อยู่
ลำแสงคงอยู่ไม่นาน หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ โครงกระดูก็หุบกลับไปเหมือนเดิม ก่อนจะค่อยๆ ลอยบตกลงมาบนพื้น
“ท่านอาจารย์ ข้าแค่ใช้ผ้าเช็ดฝุ่นที่อยู่บนนั้นเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรมันเลยนะขอรับ!” ลูกศิษย์คนนั้นรีบอธิบายอย่างลนลาน
“ที่นี่หมดธุระของเจ้าแล้ว ออกไปเถอะ” สแคทเทอร์สตาร์แสร้งทำสีหน้าสุขุม
เมื่อประตูห้องปิดลง เขาจึงหยิบเอากุญแจที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
นี่คือวิธีเดียวที่จะลงไปยังใต้ดินได้
แม่มดโบราณที่อยู่ในรูปลักษณ์ก้อนเนื้อนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่สิ่งที่อยู่ใต้ดินนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ — ได้ยินว่าเธอไม่มีจิตใจ มีเพียงแค่ความสามารถในการตอบคำถามเท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้โซ่ล่ามเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เหล่านักปราชญ์นั้นคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างนี้ ที่ผ่านมาเธอให้การช่วยเหลือในด้านการตรวจคำตอบเอาไว้เยอะมาก แต่เขาก็ไม่ได้ลืมที่พาซาร์เคยเตือนเอาไว้ว่าถ้าอีกฝ่ายหลุดออกมาจากการคุมขังได้ เรี่ยวแรงอันมหาศาลของร่างเปลือกนั้นสามารถบดขยี้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้สบายๆ
เขาจำเป็นต้องลงไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอีกฝ่าย
แต่สิ่งที่ทำให้สแคทเทอร์สตาร์ต้องตกใจก็คือร่างเปลือกศูนย์กลางนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนออกจากตำแหน่งเดิมของมัน หากแต่ทั้งร่างกายของมันหยุดนิ่ง หนวดบิดม้วนเข้าด้วยกัน ไม่มีร่องรอยของการขยับเขยื้อนอีก
เวรแล้ว…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้…
สแคทเทอร์สตาร์รู้ว่าปัญหานี้มันอยู่เหนือความสามารถของเขาที่จะแก้ไขได้แล้ว
เขารีบหมุนตัววิ่งขึ้นไปข้างบน ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังว่า “ใครก็ได้ รีบไปตามท่านบุ๊คที่ปราสาทมาเร็ว!”
…..
ลำแสงส่องสว่างขึ้นมาก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว จุดสีเทาสว่างขึ้นมาแค่ไม่กี่วินาทีก็ดับลงไปเหมือนกับดาวตก
ล้มเหลว…งั้นเหรอ?
เซลีนมองไปทางตาข่ายเครือข่ายผืนนั้นโดยไม่พูดอะไร มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นๆ อยู่เธอเชื่อมต่อเข้ากับแกนพลังเวทมนตร์ แต่แสงสว่างกลับไม่ยอมส่องสว่างต่อ?
เดิมเธอคิดจะใช้รูปแบบสมดุลในการเชื่อมต่อกับทั้งสองฝ่ายเอาไว้ จากนั้นค่อยให้ท่านเอเลนอร์เป็นคนวิเคราะห์แกนเวทมนตร์ทั้งสี่นี้ แต่ตอนนี้ความหวังเธอเหมือนจะแตกสลายไปเสียแล้ว
ถึงแม้คิดอยากจะลองอีกครั้ง แต่เธอก็ยากที่จะรวบรวมสมาธิขึ้นมาได้อีก — การรุกล้ำของเดอะแมสก์ค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอ
‘ถ้าไม่มีสายแร่หินอาญาสิทธิ์คอยค้ำจุน เครือข่ายก็ไม่สามารถคงอยู่ได้…ยังไงมันก็ต้องการพลังเวทมนตร์ในการทำงาน ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าทำไมถึงต้องปล่อยให้แกนพลังเวทมนตร์เหล่านั้นออกไปอยู่ด้านนอกด้วยล่ะ?’ นาซเพลยักไหล่ ‘ถึงแม้เจ้าจะไม่เข้าใจ แต่ความใจสู้ของเจ้านั้นคู่ควรแก่การยกย่องทีเดียว วิญญาณและความรู้ของเจ้า ข้ารับเอาไว้แล้ว’
‘อย่างนั้นข้าไม่มีทางอนุญาตหรอกนะ’
ทันใดนั้น เสียงๆ หนึ่งที่ไม่ใช่เสียงของทั้งสองคนพลันดังขึ้นมา
เซลีนตกตะลึง เสียงๆ นี้เหมือนเคยได้ยินที่ได้มาก่อน ความรู้สึกคุ้นเคยที่อยู่ในความรู้สึกแปลกหน้ามันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เธอหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังนาซเพล ผมของเธอยาวลงมาจนถึงข้อเข้า ใบหน้าของเธองดงามราวกับภาพวาด ดวงตาสีเทาที่ลืมตาอยู่ครึ่งหนึ่งให้ความรู้สึกเฉื่อยชาที่สลัดออกไปไม่ได้ แล้วก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอดูแตกต่างจากสามผู้นำอีกสองคนอย่างเห็นได้ชัด
“ท่าน…เอเลนอร์!’
เซลีนอุทานออกมา
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง! หลังผ่านไป 400 กว่าปี เธอจะได้เจอกับผู้นำของสมาพันธ์อีกครั้ง
‘เจ้าคือเซลีนใช่ไหม? ข้าจำเสียงของเจ้าได้ ส่วนเจ้านี่ก็น่าจะเป็นปีศาจระดับสูงสินะ…’ เอเลนอร์กวาดตามองดูรอบๆ ‘ที่นี่คือที่ไหน? ในภาชนะบรรจุวิญญาณอันใหม่เหรอ?’
‘เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟังเองเจ้าค่ะ แค่ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาอธิบายแล้ว!’ เซลีนรีบพูดอย่างร้อนใจ ‘ขอท่านได้โปรดทำให้แกนพลังเวทมนตร์เหล่านี้ทำงานขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ขับไล่เจ้าปีศาจตัวนี้ออกไปด้วยเจ้าค่ะ! ขืนช้ากว่านี้มันจะไม่ทันการแล้วเจ้าค่ะ!’
‘ฮ่าๆๆ….ฮ่าๆๆๆ…’ เดอะแมสก์หัวเราะขึ้นมา ‘ข้านึกว่าเจ้าจะทำอะไร ที่แท้ก็ส่งของขวัญมาเพิ่มให้ข้านี่เอง! เจ้าตัวเมียนี้มันแข็งแกร่งมากอย่างนั้นเหรอ? เสียดายที่ข้าไม่ได้มีตัวตนจริงๆ อยู่ที่นี่ ความสามารถในการต่อสู้จึงไม่อาจใช้ประโยชน์อะไรได้ที่นี่ ส่วนเรื่องการวิเคราะห์แกนเวทมนตร์ทั้งสี่นั้นยิ่งน่าหัวเราะเข้าไปใหญ่ ในด้านความสามารถในการคำนวณแล้ว—‘
เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่อยู่บนหน้านาซเพลพลันหยุดนิ่งไปทันที
มันมองเห็นดาราจักรที่อยู่บนหัวกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนแรกก็มีกลุ่มลำแสงสองสามจุดที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับสายน้ำที่กำลังไหลย้อนกลับไปทางน้ำตก แล้วทำให้ดาราจักรที่กำลังหมุนอยู่หยุดหมุนลงและบีบให้มันหมุนย้อนกลับ — ภายใต้การสอดประสานกันของทั้งสองแรง แกนพลังเวทมนตร์ทั้งสี่เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!
พระผู้สร้างที่เริ่มลอยขึ้นมาใหม่เข้าสู่สภาพลดความเร็วอย่างฉับพลัน หมอกแดงที่กระจายตัวเริ่มหดกลับเข้าไปด้านใน ผิวทะเลสาบหมอกแดงที่มีท่าทีเหมือนจะเดือดพล่านขึ้นมากลับไปเป็นเหมือนผลึกอีกครั้ง ส่วนทหารของกองทัพที่หนึ่งที่อยู่บนลานยกระดับนั้นถูกกดเอาไว้กับพื้นจนยากจะขยับไปไหนมาไหนได้
‘เจ้าเป็นใครกันแน่!?’ นาซเพลถามออกมาอย่างตกใจ ‘แค่คนๆ เดียว ทำไมถึงเข้าใจโครงสร้างของพายุเวทมนตร์ได้เร็วขนาดนี้?’
‘จริงอยู่ที่คนเดียวไม่มีทางทำได้’ เอเลนอร์ยื่นมือขึ้นไปข้างบน เหมือนอยากจะสัมผัสกับภาพเวทมนตร์ที่งดงามอันนั้น ‘แต่ข้าไม่ได้ตัวคนเดียว…’
เสียงๆ หนึ่งดังสนั่นขึ้นมา แสงสว่างที่อยู่รอบๆ ดับลง ตาข่ายและจุดแสงอื่นๆ หายไป ท่ามกลางความมืดเหลือเพียงแค่กลุ่มแสงของพระผู้สร้างเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น
เซลีนรู้ว่าศูนย์กลางการควบคุมที่พวกเธออยู่นี้ได้ตัดการเชื่อมต่อกับ ‘เครือข่าย’ แล้ว
………………………………………………