บทที่ 1489 ออกผ่านทางใต้ดิน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เวลาหนึ่งปีผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะระฆังดาราของเหวินเจ๋อส่งข่าวมารบกวน เหมียวอี้ที่ฝึกตนจนลืมตัวก็คงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองมาที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ได้หนึ่งปีแล้ว ที่จริงก็มาถึงทุ่งน้ำแข็งโบราณได้ไม่นานหรอก แดนมรณะดึกดำบรรพ์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ระหว่างทางที่เขากับอั้นโยวหลินมาที่นี่ก็ใช้เวลาไปครึ่งปีเต็มๆ แล้ว

สาเหตุที่เหวินเจ๋อส่งข่าวมา ก็เป็นเพราะอยากจะบอกให้เหมียวอี้รู้ ว่าจะส่งค่าจ้างไปให้อย่างตรงเวลา คนที่ส่งให้เข้าไปในนั้นไม่ได้ แต่จะส่งผ่านทางเข้าของแดนมรณะดึกดำบรรพ์ นี่คือสิ่งที่นัดกันไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว

แต่เหมียวอี้ก็ผิดสัญญา สาเหตุสำคัญเป็นเพราะไม่สะดวกจะถ่อกลับไปตรงทางเข้าจริงๆ ทำได้เพียงบอกว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์อันตรายเกินไป ตัวเองหลบจากจากทางเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ไม่สะดวกจะไปรับของ และบนตัวก็ยังเหลือทรัพยากรฝึกตนให้ใช้ชั่วคราว บอกเหวินเจ๋อว่าไม่ต่องให้คนส่งของมาอีก ถ้ารอดชีวิตกลับไปได้ค่อยไปรับทีเดียว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหวินเจ๋อก็ทำได้เพียงเตรียมการอีกอย่าง

ที่จริงบนตัวเหมียวอี้ก็เตรียมทรัพยากรฝึกตนไว้เพียงพอจริงๆ เตรียมยาแก่นเซียนเอาไว้ให้พอสำหรับการบรรลุระดับบงกชรุ้งตลอด ในปีนั้นตอนที่ยังอยู่ตำหนักสวรรค์ อวิ๋นจือชิวก็แอบช่วยแลกไว้ให้เขาแล้ว มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ และทุกอย่างที่เหมียวอี้เลื่อนหนึ่งขั้น ทรัพยากรฝึกตนที่ต้องใช้ในขั้นต่อไป อวิ๋นจือชิวก็ช่วยแลกเปลี่ยนไว้ให้เขาล่วงหน้าหมดแล้ว หลังจากมาถึงพิภพใหญ่ อวิ๋นจือชิวก็ไม่เคยทำให้เขากังวลในจุดนี้อีกเลย

ตรงที่ว่างในหุบเขาน้ำแข็ง นักพรตเงียบงัน ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นห้าร้อยปีหลังแล้ว

ท่ามกลางพลังจิตวิญญาณเข้มข้นดุจน้ำนมที่หดเล็กลง ปรากฏร่างของเหมียวอี้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิ เจ้าตัวดูดซับพลังจิตวิญญาณหมดแล้ว ตอนนี้กำลังลืมตาสองข้างอย่างช้าๆ

ได้ฝึกตนอย่างสงบเป็นเวลาห้าร้อยปี วรยุทธ์ย่อมมีการเติบโตขึ้นเป็นธรรมดา การดูดซับธาตุไฟหยินก็ได้ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตนของเขาจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้พลังงานของเขาค่อนข้างใหญ่แล้ว ไม่สามารถอาศัยการดูดซับธาตุไฟเพียงอย่างเดียวแล้วจะก้าวหน้าพรวดพราดได้เหมือนตอนมีวรยุทธ์บงกชขาว ห้าร้อยปีผ่านไปแล้ว ความเร็วในการย่อยยาแก่นเซียนแต่ละวันเพิ่มแค่สิบกว่าเม็ดเท่านั้น และแน่นอน ความเร็วในการย่อยยาแก่นเซียนสิบกว่าเม็ดแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นตอนอยู่ระดับบงกชขาว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวแล้ว

จุดดาวสีฟ้าในต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นแล้วไม่น้อย กลายเป็นจุดที่หนาแน่นนับไม่ถ้วน แต่ประสิทธิภาพในการเพิ่มวรยุทธ์กลับมีขีดจำกัด และส่งผลกระทบต่อเพลิงจิตอย่างจำกัดเช่นกัน สำหรับคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดารามานานอย่างเหมียวอี้ ก็ย่อมรู้ชัดว่าปัญหาอยู่ตรงไหน หยินเดียวไม่บังเกิด หยางเดียวไม่เติบโต ถ้าเคล็ดวิชาอัคนีดาราไม่สามารถทำให้หยินหยางกลมกลืนกันได้ ผลกระทบก็จะมีจำกัด

ตอนนี้ไม่มีใครกดดัน เขาเองก็ไม่อยากไปหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญเช่นกัน

เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่ปากถ้ำถ้ำน้ำแข็ง ตอนนี้ปากถ้ำโดนกองหิมะกลบปิดไว้แล้ว

นี่คือเรื่องปกติ ฝึกตนห้าร้อยปีแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ก้าวเท้าออกจากถ้ำเลย บางครั้งเขาก็จะออกมาดูเฮยทั่นบ้าง ทุกครั้งที่ออกจากถ้ำ ปากถ้ำก็จะถูกกองหิมะกลบปิดไว้แบบนี้

โครม! พลังอิทธิฤทธิ์พุ่งออกจากตรงหน้าเหมียวอี้ กองหิมะที่ปิดปากถ้ำไว้ระเบิดปลิวว่อน เขาเดินออกจากอุโมงค์น้ำแข็งอย่างช้าๆ ด้านนอกมีหิมะปลิวว่อนเยอะมาก

ด้านนอกหิมะตกแล้ว เหมียวอี้เงยหน้ามองหิมะที่ลอยละล่องด้านบนหุบเขาน้ำแข็ง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เงาร่างก็ลอยขึ้นมา แล้ววิ่งตะบึงออกไป

เขากลับมาที่รังหงส์อีกครั้ง หลิงหลันเปิดประตูต้อนรับเขาเข้าไป เดินเป็นเพื่อนเขาไปที่วังใต้ดินแล้ว

วังใต้ดินถูกอั้นโยวหลินครอบครองไว้คนเดียว ไม่ใช่ว่ามีที่ไม่พอสำหรับเฮยทั่น แต่เป็นเพราะหลังจากเฮยทั่นดูดซับปราณชั่วร้ายแล้ว จะมีกลิ่นหอมอัศจรรย์ที่ทำให้คนปกติรู้สึกผ่อนคลายโชยจากตัว แต่สำหรับอั้นโยวหลินกลับเป็นกลิ่นที่ทรมานอย่างบอกไม่ถูก เหมียวอี้ทำได้เพียงจัดให้เฮยทั่นไปอยู่บนปล่องควันบนรังหงส์

เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมาแล้ว อั้นโยวหลินก็รีบลงจากเตียงมาคำนับ “นายท่าน!”

เหมียวอี้เพิ่งจะสังเกตเห็นวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นสามตรงหว่างคิ้วของนาง จึงถามอย่างค่อนข้างประหลาดใจว่า “เจ้าบรรลุระดับบงกชรุ้งขั้นสามแล้วเหรอ?”

“เดิมทีอยู่ช่วงกลางของบงกชรุ้งขั้นสอง พอฝึกตนในแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้ายไปห้าร้อยปี มีปราณอาฆาตให้อย่างเหลือเฟือไม่เคยขาด ข้าถึงได้รุดหน้าอย่างก้าวกระโดด” อั้นโยวหลินตตอบ

เหมียวอี้รู้ว่าแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้ายมีความสำคัญต่อวิญญาณชั่วร้าย เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะมากขนาดนี้ เขาพยักหน้าบอกว่า “ความก้าวหน้าในการฝึกคนก็นับว่าเร็วจนประหลาด มิน่าล่ะพวกวิญญาณชั่วร้ายอย่างพวกเจ้าถึงอยากครอบครองแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้าย”

อั้นโยวหลินบอกว่า “ล้วนเป็นเพราะนายท่านช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นอั้นโยวหลินก็ไม่มีทางมาที่นี่ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความก้าวหน้าแบบนี้”

เหมียวอี้หยิบกำไลเก็บสมบัติที่ว่างเปล่าออกมาวงหนึ่ง “เวลาที่รังหงส์หมดแล้ว พวกเราควรจะไปได้แล้ว”

อั้นโยวหลินอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพยักหน้า “ค่ะ!” จากนั้นก็ไม่ขัดขืน ปล่อยให้เหมียวอี้เก็บตัวเองเข้าไปไว้ในกำไลเก็บสมบัติแล้ว ถึงแม้แหล่งกำเนิดปราณชั่วร้ายจะมีแรงดึงดูดต่อนางมาก แต่ที่ที่นางอยากไปมากที่สุดก็คือโลกภายนอก

เมื่อเก็บอั้นโยวหลินแล้ว เหมียวอี้ก็หันตัวมาบอกหลิงหลันว่า “ให้เฮยทั่นลงมาได้แล้ว”

หลิงหลันย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับอั้นโยวหลินแล้ว รีบเดินตามไปข้างหลังเขา แล้วถามว่า “ท่านกำลังจะไปแล้วเหรอ? กำลังจะไปบ่อเพลิงมังกรแล้วใช่มั้ย?”

เหมียวอี้เดินไปพลางตอบไปพลาง “ในเมื่อตอบตกลงเจ้าแล้ว ข้าก็ย่อมต้องทำตามสัญญา เพียงแต่รอบนอกของทุ่งน้ำแข็งโบราณคงจะซ่อนวิญญาณชั่วร้ายที่เป็นยอดฝีมือเอาไว้ไม่น้อย ข้ากังวลว่าจะบังเอิญเจอ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกจากที่นี่ไปได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า”

หลิงหลันรีบบอกว่า “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดเตรียมวิญญาณน้ำแข็งให้ส่งนายท่านออกจากด้านล่างของทุ่งน้ำแข็งไป วิญญาณน้ำแข็งสามารถเบิกทางอยู่ในชั้นน้ำแข็งแบบไร้เสียง คนข้างบนสังเกตเห็นได้ยาก สามารถส่งนายท่านไปตลอดจนกว่าจะถึงบนแผ่นดินใหญ่นอกทุ่งน้ำแข็ง จะได้ไม่ถูกยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่รอบนอกทุ่งน้ำแข็งโบราณค้นพบค่ะ” ฟังจากน้ำเสียงของนางแล้วรู้เลยว่ากำลังดีใจ คาดว่าคงอยากจะให้เหมียวอี้รีบไปถ้ำมังกรเพื่อทำสิ่งที่นายท่านของนางฝากฝังให้สำเร็จ

เหมียวอี้ที่เดินขึ้นไปบนบันไดอึ้งไปชั่วขณะ เขากำลังอยากให้วิญญาณน้ำแข็งให้ความร่วมมืออยู่พอดีเลย เขาคิดว่าถ้าบังเอิญเจอปัญหาอะไรก็จะให้วิญญาณน้ำแข็งช่วยกัดให้สักหน่อย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหลิงหลันจะเสนอวิธีการที่ดีกว่าให้แล้ว สามารถออกจากที่นี่ไปโดยผ่านทางใต้ดิน!

ใช่แล้ว! ชั้นน้ำแข็งของทุ่งน้ำแข็งมีระดับความหนาถึงพันจั้ง วิญญาณน้ำแข็งสามารถเบิกทางอยู่ในน้ำแข็งอย่างเงียบเชียบ ออกไปผ่านทางใต้ดินที่ลึกขนาดนั้น คนบนชั้นน้ำแข็งก็ไม่ได้สังเกตเห็นได้ง่ายๆ จึงพยักหน้าทันทีว่า “ดี! เจ้ารีบไปจัดเตรียมเถอะ ข้าจะออกเดินทางแล้ว”

ผ่านไปไม่นาน เฮยทั่นก็ไหลลงมาจากด้านบนของรังหงส์แล้ว เจ้าตัวนี้ไม่เดินตามทางปกติ ไม่ได้ลงผ่านบันไดในรังหงส์ แต่ทั้งกระโดดทั้งกลิ้งลงมาจากด้านนอกของรังหงส์ มาตกอยู่บนแท่นบันไดด้านนอกแล้ววิ่งกลับเข้ามาในตำหนักใหญ่

ปราณชั่วร้ายช่วยเฮยทั่นได้อย่างไม่ไม่อะไรน่าสงสัย เดิมทีเฮยทั่นเดาไว้ว่าเขาที่หักและเกล็ดที่ร่วงต้องใช้เวลาเป็นหมื่นปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมา ตอนนี้ผ่านไปแค่ห้าร้อยปี เขาที่หักก็งอกขึ้นมาแล้วเล็กน้อย ตรงรอยหักกลายเป็นกลมเกลี้ยงแล้ว เกล็ดที่ถูกทำลายก็ยาวขึ้นมาแล้วนิดหน่อย

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เฮยทั่นในตอนนี้ก็ยังมีหน้าตาไม่สมกับชื่อ ยังคงเหมือนสุนัขขนร่วงตัวหนึ่ง

หนึ่งคนกับหนึ่งตัวคุยกันครู่หนึ่ง หลิงหลันกลับจากนอกตำหนักมารายงาน “ท่าน เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ทางใต้ดินที่ไปทางหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญน่าจะใกล้เชื่อมต่อกันได้แล้ว”

เหมียวอี้ใช้วิชาดรรชนีชี้ ห่วงเหล็กบนคอเฮยทั่นแผ่ออกปกคลุมทั้งร่างกายทันที พอเกราะรบดุร้ายเผยโฉม ก็ทำให้หลิงหลันมองมาไม่หยุด ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นสภาพเฮยทั่นตอนสวมเกราะรบ และพอมีเกราะรบเกราะกลบจุดด้อยบนร่างกาย เฮยทั่นก็เปลี่ยนเป็นดูดีขึ้นเยอะอย่างเห็นได้ชัด ดูมีพลังอำนาจ!

เหมียวอี้ก็สวมเกราะรบและเรียกทวนเกล็ดย้อนมาไว้ในมือ จากนั้นปีนขึ้นขี่เฮยทั่น แล้วโบกทวนชี้ไปนอกประตูตำหนักใหญ่ “นำทางไป!”

หลิงหลันลอยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แล้วรีบเหาะออกจากประตูไปนำทางอย่างรวดเร็ว

เฮยทั่นแบกเหมียวอี้วิ่งออกไปเร็วมาก วิ่งตะบึงอยู่บนพื้นราบที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาว โดยมีหลิงหลันเหาะตามหลังอยู่บนท้องฟ้าในระดับต่ำ

“นายท่าน อยู่ข้างหน้าค่ะ” หลิงหลันที่เหาะอยู่ข้างหน้าชี้ไปยังโพรงน้ำแข็งที่โผล่อยู่ใต้ผาน้ำแข็ง ในโพรงมีวิญญาณน้ำแข็งหลายด้วยดวงรออยู่ด้านซ้ายและขวาอย่างเคารพ

ตอนที่เข้าใกล้ปากโพรง หลิงหลันก็ผ่านไปไม่ได้ นางหยุดอยู่กลางอากาศ

ซวบ! จู่ๆ เฮยทั่นก็สะบัดหางอย่างเร่งด่วน มันเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง เพราะแผ่นน้ำแข็งลื่นเกินไป ร่างกายยังคงไลถไปทางปากโพรงตามแรงเฉื่อย แต่เห็นกรงเล็บแหลมโลหะของเฮยทั่นเกาะบนพื้นเอาไว้อย่างฉับพลัน ทำให้เกิดรอยกรงเล็บลึกหลายรอยบนแผ่นน้ำแข็ง ในที่สุดก็หยุดอยู่นอกถ้ำแล้ว

หลิงหลันที่มองเหมียวอี้จากบนฟ้าพยักหน้าเบาๆ หลายปีมานี้…ทุกอย่างชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว!

หลิงหลันรีบเหยียบลงพื้น แล้วทำความเคาระ “หลิงหลันไม่สามารถข้ามออกจากที่ราบนี้ได้ โปรดอภัยที่หลิงหลันไม่สามารถไปส่งนายท่านได้ไกล ที่คือแผนที่แสดงสภาพพื้นภูมิทั้งแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ระหว่างทางท่านอาจจะได้ใช้ประโยชน์” ขณะที่พูดก็ใช้สองมือยื่นแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้

สิ่งนี้ทำให้เขาดีใจเหนือความคาดหมาย อาณาเขตของแดนมรณะดึกดำบรรพ์กว้างเกินไป พวกอั้นโยวหลินจะมีข้อมูลสภาพพื้นภูมิทั้งหมดได้อย่างไร คาดว่าทั้งแดนมรณะดึกดำบรรพ์คงมีเพียงเผ่าหงส์กับเผ่ามังกรที่มีข้อมูลสภาพพื้นที่ทั้งหมด

เหมียวอี้ดูดของมาไว้ในมือโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นทอดสายตามองไปยังรังหงส์ไกลๆ แล้วใช้สองเท้าเคาะท้องเฮยทั่นเบาๆ

“กรรร!” เฮยทั่นคำรามไปทางรังหงส์ แล้วหันตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนเข้าไปในปากโพรง

ลักษณะการเดินทางในทางใต้ดินนั้นต้องอาศัยการไถลลงอย่างช้าๆ พอไปจนถึงชั้นล่างสุดของชั้นน้ำแข็ง ก็จะเผยผิวดินที่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งแล้ว พวกวิญญาณน้ำแข็งจัดการทางใต้ดินได้ดีมาก เมื่อเจอจุดที่พื้นค่อนข้างสูงก็อ้อมผ่าน จุดที่เว้านูนไม่เสมอกันก็ใช้หิมะถมให้ราบ ทุกช่วงของเส้นทางล้วนมีวิญญาณน้ำแข็งคอยเฝ้าน้อมส่ง รับประกันความราบรื่นได้ตลอดทาง ทั้งยังมีเปลวเพลิงคอยส่องสว่างอยู่ในผนังน้ำแข็งด้วย หลิงหลันเรียกได้ว่าทุ่มเทความพยายามแล้ว

เฮยทั่นแบกเหมียวอี้วิ่งไปตลอดทางไม่หยุด วิ่งตะบึงเต็มที่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง รวดเร็วราวกับลมที่พัดผ่าน

หลังจากนั้นหลายวัน ลักษณะพื้นของทางใต้ดินก็เริ่มยกสูงขึ้นทีละนิด ปากโพรงแห่งหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้า เฮยทั่นกระโจนออกมา แล้วเหยียบลงบนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง

พอหนึ่งคนกับหนึ่งตัวหันกลับมา ถึงได้พบว่าตัวเองพุ่งออกมาจากบนผาน้ำแข็งแห่งหนึ่ง วิญญาณน้ำแข็งสองคนที่อยู่ในปากโพรงผาน้ำแข็งทำความเคารพ แล้วปากโพรงก็ปิดสมานกันอย่างรวดเร็ว กลบวิญญาณน้ำแข็งทั้งสองเอาไว้ในนั้นแล้ว

เฮยทั่นมองไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วยกขาทั้งสี่วิ่งออกไปไกลราวกับสายลม

จนกระทั่งมองไม่เห็นทุ่งน้ำแข็งโบราณอีกแล้ว เหมียวอี้ก็ได้โล่งใจ เขาตะโกนสั่งให้เฮยทั่นหยุด จากนั้นกระโดดลงมา เก็บเฮยทั่นเอาไว้ แล้วปล่อยอั้นโยวหลินออกมา

พอโผล่หน้ามาแล้วเห็นว่าออกจากแดนหิมะนั่นแล้ว อั้นโยวหลินที่เตรียมใจไว้แล้วล่วงหน้าก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะรวดเร็วและราบรื่นขนาดนี้ นางมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ไหน จึงถามว่า “นายท่าน ต่อไปจะไปไหนต่อ?”

เหมียวอี้เชิดคางไปข้างหน้า “หุบเขาฟ้าไม่ดับสูญ!”

“หา!” อั้นโยวหลินอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะเตือนว่า “นายท่าน มีบทเรียนอย่างอวี้ซาแล้ว มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะมีจะมียอดฝีมืออยู่รอบหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญ เกรงว่าจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก”

ใช่ว่าเหมียวอี้จะไม่เคยพิจารณาถึงสิ่งนี้มาก่อน แต่ตามความเข้าใจของเขา สถานการณ์ของหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญกับทุ่งน้ำแข็งโบราณมีสิ่งที่แตกต่างกัน ไฟหยางร้อนแรง มีผลในการข่มวิญญาณชั่วร้ายสูงมาก วิญญาณชั่วร้ายไม่กล้าเข้าใกล้ศูนย์กลางมากเกินไปเหมือนที่ทุ่งน้ำแข็งโบราณ แบบนี้ก็หมายความว่าต่อให้มียอดฝีมืออยู่รอบๆ แต่ก็มีขอบข่ายการกระจายตัวมากกว่าแน่นอน ให้โอกาสเขาหาช่องโหว่ได้ง่าย

…………………………