ตอนที่ 1878 วังสวรรค์นิรันดร์

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ช่างเป็นพลังโจมตีที่แสนรุนแรง!”

“ทำไมจู่ๆ ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้กัน?”

“นี่มันผีเต๋าร้อยยันต์ ยันต์ที่แปดสิบเอ็ด เงาผีอนันต์! เขากลับสามารถบ่มเพาะมาจนถึงขั้นนี้ได้แล้ว!”

“ไม่ เดี๋ยวก่อน ก่อนหน้านี้เขาย่อมไม่มีพลังถึงขั้นนี้แน่ เย่หยวนทำอะไรกับเขากันแน่?”

คำของเย่หยวนนั้นมันคงยังดังก้องอยู่ในหูของหลายผู้คน เขานั้นบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าจะช่วยให้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวสามารถจัดการกับสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจได้

แต่พวกเขาทั้งหลายเองก็คิดไม่ต่างจากสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจ มองมันเป็นแค่เรื่องตลก

ไม่นึกไม่ฝันว่าในพริบตาเดียวผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจะสามารถกำจัดสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจลงได้จริงด้วยดาบเดียว

เย่หยวนมองดูมิติที่แตกหักตรงหน้าพร้อมถอนหายใจยาวออกมา

ดาบนี้มันใช้ออกอย่างรวดเร็วและเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนการต่อสู้ก่อนหน้านี้ที่ทำลายมิติด้วยพลังอย่างเต็มขั้น ดาบนี้มันจึงไม่ส่งผลต่อมิติมากมายนัก

ก่อนหน้านี้ตอนที่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต่อสู้กับสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจนี้เขาไม่มีโอกาสใดๆ ที่จะตอบโต้เลย ตัวเขานั้นทำได้มากสุดก็เพียงแค่หลอกล่อความสนใจของทั้งสองไปจากปากถ้ำเท่านั้น

เย่หยวนมองดูที่เทพสวรรค์ทั้งสองก่อนจะพูดเย้ยขึ้น “เจ้ายังจะคิดว่ามันเป็นแค่มุกตลกอีกไหม?”

เฉียวหยวนได้แต่ทำหน้าเหยเก ตอนนี้ตัวเขาที่เป็นถึงเทพสวรรค์กลับถูกเด็กอาณาจักรนภาสวรรค์เย้ยหยัน

แต่ทว่าเด็กคนนี้มันทำอะไรลงไปกันแน่? เหตุใดพลังของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวถึงได้เพิ่มพูนขึ้นขนาดนี้?

ผีเต๋าร้อยยันต์ ยันต์ที่แปดสิบเอ็ดนั้นคือสิ่งที่แม้แต่เทพสวรรค์ยังบรรลุได้ยากเย็นยิ่ง แต่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นกลับสามารถใช้มันออกมาได้

“เด็กน้อย เจ้าอย่าได้อวดดีไป! การต่อสู้มันยังไม่จบ! อายเมิง เข้าโจมตีพร้อมกัน!”

เฉียวหยวนร้องบอกพร้อมปล่อยพลังปราณปีศาจออกมาจากร่างอย่างมหาศาล

เย่หยวนได้แต่หรี่ตามองภาพตรงหน้า “พวกเจ้าคิดจะต่อสู้ถึงเป็นถึงตายกันเพราะหินรุ้งเจ็ดสีนี้เลย?”

เฉียวหยวนจึงร้องตอบ “แล้วมันทำไม?”

เย่หยวนยิ้มกลับไป “ข้าไม่สนหรอกนะ แต่สมบัติที่แท้ของจอมเทพนิรันดร์มันน่าจะอยู่ในวังแห่งนั้น หากเจ้าคิดอยากสู้กันจนตายไปข้างกับผีเทพสวรรค์ขวังต้าว พลังจากการต่อสู้นี้มันคงทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ถึงเวลานั้นวังแห่งนั้นมันก็คงลอยไหลไปตามกระแสมิติและพวกเจ้าทั้งสองก็ลืมเรื่องที่จะเข้าไปถึงมันได้เลย!”

เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ชะงักไปในทันที

สิ่งที่เย่หยวนพูดมานั้นมันมีเหตุผล พวกเขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้แล้วว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันไม่อาจทนทานพลังของเทพสวรรค์ได้เลย

หากพวกเขาทั้งหลายต่อสู้กันจนชี้เป็นชี้ตายจริง โลกใบนี้ทั้งใบคงแตกสลายลงส่งให้วังแห่งนั้นต้องไหลไปตามกระแสมิติ

หากคิดอยากไปยังวัง ถึงเวลานั้นมันก็คงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

แต่ทว่าเฉียวหยวนยังไม่คิดยอมแพ้และบอกกับผีเทพสวรรค์ขวังต้าว “ขวังต้าว เด็กคนนี้มันบอกว่ามันจะมอบหินรุ้งเจ็ดสีให้เจ้าแต่มันกลับยังไม่มอบให้เจ้าเลย หรือว่าเจ้าจะคิดปล่อยให้มันแย่งชิงของไปต่อหน้าเช่นนี้?”

ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวหันไปมองเย่หยวนก่อนจะพูดขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน “ข้ารู้สึกชอบใจน้องชายคนนี้ไม่เบา หินรุ้งเจ็ดสีนี้ข้าจะมอบมันให้น้องชายคนนี้แล้วกัน!”

“ห้ะ?!”

เฉียวหยวนและพวกต่างเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง

ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวที่ต่อสู้กับพวกเขามาค่อนวันเพื่อปกป้องหินรุ้งเจ็ดสีนั้นกลับคิดจะมอบมันให้เย่หยวนไปง่ายๆ เช่นนั้น?

ผู้คนรอบๆ เองก็มีสีหน้าไม่ต่างกับเฉียวหยวนนัก รู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือสามัญสำนึกจนเกินไป

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียที่พวกเขาทั้งหลายต้องมาต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือผีเต๋าทั้งหลายนี้มันก็เพื่อแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสี

แต่ตอนนี้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกลับคิดที่จะมอบหินรุ้งเจ็ดสีนี้ให้เย่หยวนอย่างง่ายดาย

นี่มัน… ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก!

แน่นอนว่าที่มากกว่าความไม่พอใจก็คือความอิจฉาริษยา

นั่นคือหินรุ้งเจ็ดสี สิ่งที่ต่อให้มอบให้แก่นักยุทธนภาสวรรค์ไปมันก็เสียของเปล่า!

นี่คือสิ่งที่สามารถทำให้เทพสวรรค์ก้าวเดินพัฒนาต่อไปได้

“เยี่ยมจริงๆ ข้าเองก็เพิ่งจะถูกเรียกออกมาจากมิติผีไร้แดน ยังอยู่บนโลกนี้ได้อีกหลายวัน จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าจะขออยู่กับหนุ่มน้อยเย่หยวนคนนี้แล้วกัน” ระหว่างที่ทุกผู้คนต่างยังตื่นตกใจเรื่องเก่าไม่หาย ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ได้โยนระเบิดก้อนใหญ่ลงมาอีกลูก

ใบหน้าของเฉียวหยวนดำคล้ำได้แต่ด่าทอว่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ

เจ้าหมอนี่มันจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่มันกลับคิดมาปกป้องเย่หยวนเสียอย่างนั้น!

เดิมทีเขานั้นยังคงคิดสังหารจัดการเย่หยวนลงระหว่างเดินทางข้างหน้า แต่ตอนนี้เรื่องใดๆ มันก็คงไม่มีทางทำได้แล้ว

ไม่มีใครคิดฝันว่าการต่อสู้แย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีมันกลับจะจบลงเช่นนี้ได้

เหล่าเทพถ่องแท้ต่อสู้กันมากว่าสิบวัน สุดท้ายกลับมีเทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมา แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครที่ได้หินรุ้งเจ็ดสีไป กลับกลายเป็นเย่หยวนนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์คนนี้ที่ได้ไป

ตอนนี้ความหวังสุดท้ายของพวกเขาทั้งหลายได้แต่เอาไปฝากไว้ที่วังนั้น

เมื่อมีสามเทพสวรรค์เดินทางมาด้วยมันจึงทำให้อันตรายใดๆ บนเส้นทางไม่ได้เป็นอันตรายอีกต่อไป

ไม่นานเหล่าผู้คนก็ได้เดินทางมาถึงยอดเขาที่สูงที่สุด

หลังจากได้มาถึงหน้าประตูแล้วพวกเขาทั้งหลายจึงได้เห็นความงดงามอลังการที่แท้จริงของวังแห่งนี้

แต่สายตาของเย่หยวนกลับหันไปมองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ

คนผู้นั้นเองก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยวนและยิ้มตอบกลับมา “พี่เย่ เราได้เจอกันอีกแล้ว! เจ้านี่เก่งกาจจริงๆ ถึงกลับสามารถแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีมาจากมือของเทพสวรรค์ได้เช่นนั้น!”

คนผู้นี้มันมิใช่ใครอื่นนอกจากถังเหยียน!

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่าถังเหยียนผู้ที่เก็บซ่อนพลังไว้นี้จะสามารถเดินทางมาได้จนถึงตอนนี้!

เพราะก่อนหน้าจะถึงแดนกักวิญญาณ เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายที่ผ่านค่ายกลดาบสังหารมาก็ได้ตายลงจนเกือบหมดสิ้นแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนักยุทธจรที่ไม่มีใครช่วยปกป้องมันยิ่งมีโอกาสจะตายมากกว่า

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่าถังเหยียนจะยังเดินทางมาถึงจุดนี้ได้

“หึๆ พี่ถังเองก็เก็บซ่อนพลังได้อย่างมิดชิด! เย่หยวนคนนี้ขอนับถือ!” เขายกมือขึ้นมาคารวะด้วยรอยยิ้ม

เย่หยวนนั้นคิดมาเสมอว่าตนนั้นเก่งกาจในการอ่านธาตุแท้ผู้อื่น แต่กับถังเหยียนคนนี้เขานั้นไม่สามารถจะมองออกได้จริงๆ

ถังเหยียนยิ้มตอบ “ข้าจะไปมีอะไรให้ผิดซ่อนกัน? ข้ามาถึงนี้ก็ได้ก็เพราะความสามารถในการหลบซ่อนเท่านั้นจึงมาถึงตรงนี้ได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นถังคนนี้ก็เกือบตายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “พี่ถังช่างถ่อมตัวนัก”

“เหอะ ในที่สุดก็มาถึงรังเฒ่านิรันดร์! วังสวรรค์นิรันดร์! หึๆ หวังว่าเจ้าของสิ่งนั้นคงซ่อนอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เฉียวหยวนหัวเราะและกำลังจะก้าวเดินเข้าไปภายใน

เขานั้นมั่นใจในฝีมือของตนอย่างมากและไม่กลัวว่าจอมเทพนิรันดร์จะวางกับดักใดๆ ไว้

“เดี๋ยวก่อน!” จี้ฉุนร้องบอก

เฉียวหยวนขมวดคิ้วแน่น “หืม? มีอะไรรึเฒ่าโหมวหยู่?”

เทพสวรรค์โหมวหยู่นั้นไม่อาจจะจัดการได้แม้แต่เทพถ่องแท้ แน่นอนว่าเฉียวหยวนย่อมไม่คิดจะเหลือความเคารพใดๆ ให้

โหมวหยู่จึงพูดบอกขึ้น “ท่านเจี่ยวชางส่งพวกเจ้าทั้งสองมานี้เขาไม่กลัวว่าพวกเจ้าจะทำเสียการใหญ่บ้างหรือ?”

เฉียวหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นขึ้นทันที “โหมวหยู่ เลิกวางท่าต่อหน้าพ่อเจ้าได้แล้ว! หากเจ้าเก่งกาจจริงเหตุใดจึงถูกเฒ่านิรันดร์สะกดไว้กว่าห้าล้านปีเล่า?”

จี้ฉุนหน้าแดงจนเปลี่ยนเป็นสีดำแทบจะระเบิดความโกรธออกมาเสียตรงนั้น

แต่ตอนนี้เขาคือเสือใหญ่ที่หมดแรง มีหรือที่จะต้านทานพลังของเฉียวหยวนได้?

เขาทำได้เพียงแค่พ่นลมอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นก็ตามสบาย! หากเจ้าอยากตายก็เชิญ!”

เฉียวหยวนขมวดคิ้วแน่นทันที คำพูดนี้มันกลับทำให้เขาใจเย็นลงแทน

จู่ๆ สายตาของเขาก็มองไปยังเทพถ่องแท้สามดาวคนหนึ่ง

“เจ้า เข้าไปก่อน!” เฉียวหยวนร้องบอก

เทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นหน้าถอดสีแต่ก็ยังคงยืนลังเล

เฉียวหยวนจึงร้องบอก “ไม่ไปก็ตายเสีย!”

พูดไปพลังปราณปีศาจก็พวยพุ่งออกมากดดันร่างของเทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นจนไม่อาจหายใจออกได้

ยอดฝีมือเทพสวรรค์ช่างแข็งแกร่ง!

‘ปัง!’

เฉียวหยวนไม่คิดจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้ลังเลแม้แต่น้อย เขาต่อยหมัดพุ่งออกมาทำลายร่างของเทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นทันที

จากนั้นสายตาของเขาก็ไปจับจ้องที่เทพถ่องแท้อีกคนหนึ่ง “เจ้าเข้าไป!”

เมื่อคนผู้นั้นได้ยินเขาก็หน้าซีดเผือดลงทันที

แต่คราวนี้เขาไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อย

แม้จะไม่พอใจสักเท่าไหร่แต่สุดท้ายเขาก็ได้เดินไปยังทางเข้าหลักของวังนั้น

‘ฟู่ ฟู่’.

‘ปัง!’

คลื่นพลังลึกลับถูกปลดปล่อยออกมาทำให้เทพถ่องแท้คนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้อง ร่างกายของเขาแตกสลายกลายเป็นจุณในทันที

…………………………