บทที่ 2857 ข้าทำไม? ออกคำสั่งมาสิ!
ไอเย็นเสมือนเข็ม เสียดแทงวุ่นวายอยู่ในร่างของเธอ
มือเท้าของเธอเจ็บปวดดุจมีเข็มทิ่มแทง อยากจะนั่งสมาธิ ทว่าไม่มีแรงพอ
ในใจเธอยังคงรู้สึกโชคดีอยู่บ้าง นี่ถือว่าตนรอดตายแล้วกระมัง?
โชคดีที่เขาสะดุดเท้าก้าวนั้น!
เธอต้องรีบหาอาหารมาบำรุง ฟื้นฟูสุขภาพขึ้นมา
“เจ้าไปล่าสัตว์อีกครั้งเถอะ…” เธอสั่งการ เพียงแต่ไม่รอให้เธอสั่งจบ เขาก็หันหลังก้าวออกไปแล้ว หายลับไปในพริบตา ทำให้กู้ซีจิ่วไม่ได้เอ่ยวาจาท่อนหลังออกมาจนจบ
ครั้งนี้ตี้ฝูอีกลับมาเร็วยิ่ง
เธอยังไม่ทันอบอุ่นขึ้นมา เขาก็กลับมาแล้ว
ยังคงล่ากวางและกระต่ายกลับมาอย่างละตัว โยนกระต่ายให้เธอ ส่วนเขาก็ย่างกวางให้ตัวเองกิน
มือเท้าของกู้ซีจิ่วยังแข็งทื่ออยู่ เธอในตอนนี้แค่ถลกหนังกระต่ายก็ทำได้ไม่คล่องแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้เธอก็ไม่อยากกินเนื้อกระต่ายด้วย
เธอชะงักไปแวบหนึ่ง เจรจากับเขา “อันที่จริงกวางตัวเดียวก็เพียงพอให้พวกเรากินแล้ว ไม่จำเป็นต้องล่ากระต่ายมาอีก”
ตี้ฝูอีหลุบตามองเธอ สายตานั้นลุ่มลึกดุจท้องสมุทร ทำให้คนเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
กู้ซีจิ่วทำหน้าหนาเอ่ยต่อไป “อันที่จริงข้ากินไม่มากหรอก ขากวางข้างเดียวก็พอแล้ว หรือจะเป็นอกกวางสักชิ้นก็ได้…”
ตี้ฝูอียังคงมองเธออยู่ ท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม ทำให้กู้ซีจิ่วกังวลใจขึ้นมา “เจ้าได้ยินหรือเปล่า?”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็ปริปากแล้ว “ออกคำสั่งมาสิ!”
กู้ซีจิ่วแข็งค้างไปทันที ช้อนตามองเขา ตี้ฝูอีหยักมุมปากจางๆ “ท่านไม่สั่งแล้วข้าจะเคลื่อนไหวได้อย่างไรเล่า?”
สถานการณ์ผิดปกติเกินไปแล้ว!
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตกอยู่ภายใต้การควบคุมเช่นนี้ ตามหลักแล้วเขาไม่น่าจะพูดแบบนี้ออกมาสิ
“เจ้า…” หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นโครมครามขึ้นมา
ตี้ฝูอีมองเธออย่างเฉื่อยชา เลิกคิ้วขึ้น “หือ?”
“เจ้า…หลุดจากการควบคุมแล้ว?!”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ อีกครา ไม่เอ่ยวาจา
กู้ซีจิ่วไม่ถอดใจ ตัดสินใจร่ายอาคมเงียบๆ แล้วสั่งการเล็กๆ น้อยๆ อย่างหนึ่ง ผลคือเขาเพียงมองเธออย่างเยียบเย็น ไม่มีทีท่าจะปฏิบัติตามเลย
เขาหลุดจากการควบคุมแล้วจริงๆ! ทำได้ยังไงกัน?
อาคมนี้ของเธอใช้ร้อยครั้งได้ผลร้อยครั้งไม่น่าเชื่อว่าจะมีช่วงเวลาที่ขัดข้องเช่นกัน…
หรือว่ามีสาเหตุมาจากการที่พลังยุทธ์ของเธอลดลงไปมหาศาล?
“พระองค์เจ้าเคยรับปากเป็นมั่นเหมาะด้วยตัวเอง จะไม่ใช่อาคมควบคุมข้าอีกเด็ดขาด ไม่นึกเลยว่าจะกลับคำพูดเร็วขนาดนี้!” ตี้ฝูอีค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาหาเธอทีละก้าวๆ
อำนาจกดดันบนร่างของเขาหนักหนายิ่ง กู้ซีจิ่วข่มกลั้นความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะถอยหลังไปเอาไว้ ถูกผู้อื่นเปิดโปงอย่างซึ่งหน้า เธอรู้สึกเพียงว่าใบหน้าแก่ๆ ของตนร้อนผ่าว “ข้า…ข้าไม่มีทางเลือก ขออภัยด้วย…”
“ขอโทษคำเดียวก็จบเรื่องแล้วหรือ?”
“ข้า…ข้าเคยบอกแล้วไง ข้าจะชดเชยให้เจ้า”
“ชดเชยยังไง?” ตี้ฝูอีทอดสายตามองเธอจากมุมสูง
กู้ซีจิ่วสูดหายใจนิดๆเปิดช่องมิติบนร่าง หยิบข้าวของมีค่าทั้งหมดที่อยู่ด้านในออกมาจนสิ้น แทบจะวางอยู่เต็มกระท่อมแล้ว “ของพวกนี้เจ้าเลือกไปได้ตามสบายเลย!”
เนืองแน่นล้นหลาม ทอประกายแวววาว สมบัติทั้งหมดของเธอล้วนอยู่ที่นี่แล้ว
ตี้ฝูอีกลับไม่มองของพวกนี้เลย เพียงจ้องมองเธอ “ท่านรู้ดีว่าสิ่งที่ข้าต้องการที่สุดคืออะไร!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
เธอย่อมรู้ดี เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือเพิกถอนพันธะศิษย์อาจารย์นั้น…
“เรื่องนั้น…เรื่องนั้นยังไม่ได้ชั่วคราว ตอนนี้พลังยุทธ์ของข้าไม่อาจต้านทานอสุนิบาตทัณฑ์สวรรค์ได้…”
“เช่นนั้นเมื่อไหร่ถึงจะได้?”
“เรื่องนี้…น่าจะต้องรอให้ผ่านไปอีกไม่กี่ปี” อายุขัยของเธอก็เหลืออีกไม่กี่ปีแล้ว เธอจะเพิกถอนพันธะนี้ก่อนดับขันธ์ไป
“ไม่กี่ปี?!” สุ้มเสียงของฝูอีแผ่วหวิว “หากว่าข้าเดาไม่ผิด พระองค์เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนก็สามารถฟื้นฟูวรยุทธ์ในอดีตได้แล้ว เหตุใดต้องถ่วงรั้งไปอีกหลายปีด้วย?”
————————————————————————————-
บทที่ 2858 เจรจา
“ข้าฟื้นฟูไม่ได้แล้ว ถึงฝึกฝนอยู่ที่นี่หนึ่งปีก็ฟื้นฟูไม่ได้แล้ว”
ตี้ฝูอีก้าวเข้าไปทันที จับข้อมือเธอไว้ กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง คิดจะสลัดออกตามสัญชาตญาณ จนปัญญาที่ตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอยังสู้ลูกแมวไม่ได้เลย…
นิ้วมือของตี้ฝูอีทาบอยู่บนชีพจรเธอ พลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าไป…
ชีพจรของกู้ซีจิ่วค่อนข้างเจ็บเสมือนถูกโจมตี เม้มปากนิดๆ ฝืนสะกดกลั้นไว้ “เจ้าทำอะไร?”
หัวใจผันผวน เขาคงมิได้คิดจะบีบเธอให้ตายกระมัง?
สายตาเขาหันเหไปที่ดวงหน้าน้อยๆ ที่เขียวซีดของนางแวบหนึ่ง “ท่านกลัวอันใดเล่า? เกรงว่าข้าจะปองร้ายท่านหรือไง?”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มไม่เอ่ยวาจา มีความหวาดระแวงอยู่ในดวงตา
ท่าทางเช่นนี้ของนางคล้ายลูกแมวตัวหนึ่งที่พองขนขึ้นมาทั้งตัว ทำให้คนอยากจะฟัดนางยิ่งนัก สายตาของตี้ฝูอีผละออกจากดวงหน้าพริ้มเพราของนางทันที เอ่ยอย่างเฉยเมย “หากว่าข้าต้องการปองร้ายท่าน ท่านนึกว่าจะยังรอดมาถึงป่านนี้ได้หรือ?”
กู้ซีจิ่วเชิดคางขึ้นนิดๆ “ข้าคือเทพผู้สร้างโลก เจ้าสังหารข้าไม่ได้หรอก”
นี่เป็นความจริง
หากว่ายังไม่ถึงช่วงที่เธอใกล้จะดับขันธ์แล้วจริงๆ ผู้ใดก็สังหารเธอไม่ได้ทั้งนั้น
อย่างมากก็ฆ่าได้แค่กายเนื้อในปัจจุบันของเธอ ทำให้ดวงวิญญาณจำศีลนิทราไป…
ตี้ฝูอีกำนิ้วแล้ว กำมือจนเกิดเสียงดังแครกๆ สองสามครา เลิกคิ้วมองเธออย่างเยียบเย็น “นี่คือการยั่วยุหรือ?”
เขาพลันฉุดลากมือเธอ หิ้วเธอขึ้นมาแล้วก้าวไปทางด้านนอก “ข้าถูกท่านยั่วยุแล้ว อยากจะลองดูนัก ข้าไม่ลงมือสังหารท่านด้วยตัวเองหรอก แค่โยนท่านเข้าไปในกลุ่มพายุก็พอแล้ว”
กู้ซีจิ่วผวาขึ้นมาแล้ว!
เธอจะถูกแช่แข็งจนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง!
ชายชาตรีต้องรู้จักถอยบ้าง กู้ซีจิ่วยอมจำนนแล้ว “คุณชายตี้ เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็กๆ แบบนี้เลยนะ เจ้าปล่อยข้า…”
“ทำตัวเป็นเด็ก?” ตี้ฝูอีเอ่ยทวน ฝีเท้ากลับเร็วขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเห็นว่ากำลังจะก้าวพ้นประตูอีกครั้งแล้ว กู้ซีจิ่วจึงโผเข้ากอดเสาน้ำแข็งต้นหนึ่งที่อยู่หน้าประตูไว้เสียเลย “ถึงแม้ข้าจะไม่ถูกแช่แข็งจนตาย แต่ก็จะถูกแช่แข็งจนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งนะ เจ้าอย่าได้ซ้ำเติมผู้อื่นเลย…”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “ซ้ำเติมผู้อื่นเหรอ? พระองค์เจ้าตัวน้อย ท่านรู้หรือไหมว่าเรื่องที่ข้าชมชอบกระทำที่สุดก็คือการซ้ำเติมผู้อื่น?”
แงะนิ้วเธอออกจากเสาน้ำแข็งทีละนิ้วๆ “ท่านวางใจเถอะ หากว่าท่านถูกแช่แข็งเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปจริงๆ ก็ใช่ว่าข้าจะเพิกเฉยต่อท่านไปอย่างสมบูรณ์ รออีกหนึ่งปีให้หลังข้าจะมาที่นี่อีก ยามนั้นหากว่าท่านยังอยู่ที่นี่ ข้าก็จะพาท่านออกไปละลายน้ำแข็งให้”
กู้ซีจิ่วแทบอยากจะร้องด่าไปถึงมารดาแล้ว
“นี่ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าได้ใจดำอำมหิตขนาดนี้สิ เจ้าต้องมีเมตตาหน่อย…”
“เด็กเหรอ?!” ฝีเท้าของตี้ฝูอีรวดเร็วปานสายลมแล้ว
เมื่อเห็นกลุ่มพายุอยู่ด้านหน้า กู้ซีจิ่วก็เกาะแขนเขาไว้แน่น พลันตัดสินใจ ร้องไปว่า “ข้ากล่าวผิดไปแล้ว เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว คุณชายตี้ พี่ชายตี้ ท่านปู่ตี้…ผู้กล้าตี้ เจ้าอย่าวู่วามสิ”
มุมปากตี้ฝูอีกระตุกคราหนึ่ง คล้ายจะนึกไม่ถึงว่าพระองค์เจ้าผู้สูงส่งอย่างนางจะพูดจาลดตัวแบบนี้ออกมาได้
ในที่สุดเขาก็หยุดฝีเท้าแล้ว หลุบตามองนาง “ข้านึกว่าพระองค์เจ้าจะแข็งกร้าวไปจนถึงที่สุดเสียอีก”
ไร้สาระ ถ้าแข็งกร้าวไปจนถึงที่สุดเธอก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งน่ะสิ!
เธอไม่อยากติดอยู่ที่นี่ในสภาพประติมากรรมน้ำแข็งไปหนึ่งปีหรอกนะ เวลาของเธอเดิมทีก็เหลือไม่มากอยู่แล้ว ระยะเวลาหนึ่งปีก็ล้ำค่ามากด้วย
เนื่องจากกู้ซีจิ่วรู้ว่าตนอายุมากแล้ว สรรพสิ่งในหกภพภูมิล้วนเป็นชนรุ่นหลังของเธอ ดังนั้นต่อหน้าผู้อื่นเธอจึงพยายามรักษาภาพลักษณ์ใจดีมีเมตตาเอาไว้
แต่ตอนนี้ถูกตี้ฝูอีบีบคั้น สัมผัสได้ว่าไม่อาจสงวนท่าทีความเป็นผู้อาวุโสเอาไว้ได้แล้ว…
เธอสูดหายใจ พยายามทำให้น้ำเสียงตนอ่อนโยนขึ้นมาหน่อย เกลี้ยกล่อมเขา “คุณชายตี้เป็นนักบวชของภพมาร แถมยังเป็นราชครูแห่งภพเซียนด้วย ความสามารถยิ่งใหญ่นัก ข้าเลื่อมใสมาก เช่นนั้น…พวกเรากลับไปหารือกันในกระท่อมน้ำแข็งกันไหม?”
————————————————————————————-