บทที่ 659 หม่าชาวกลายร่าง

The king of War

“เดิมทีผมวางแผนที่จะซื้อตระกูลไช่ทั้งหมดด้วยเงินหนึ่งหมื่นล้าน แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการจ่ายแม้แต่เฟินเดียวเพราะมันไม่จำเป็น” หยางเฉินกล่าว

“พ่อหนุ่ม คุณกำลังรนหาที่ตาย!”

หลี่จิ้งโกรธมากอยู่แล้ว และในเวลานี้ก็โกรธจนถึงขีดสุด เขารีบสาวเท้าตรงดิ่งเข้าไปหาหยางเฉินทันที

เดิมทีเขาค่อนข้างเกรงกลัวภูมิหลังของหยางเฉิน แต่ตอนนี้หยางเฉินต้องการที่จะแย่งชิงตระกูลไช่ ไม่เห็นสมาคมบูโดอยู่ในสายตาเลย

ดังนั้นเขาจึงต้องฆ่าหยางเฉิน ขอเพียงฆ่าทุกคนในห้องส่วนตัว เขาก็จะสามารถปกปิดเรื่องนี้ได้

ถึงตอนนั้นแม้ว่าหยางเฉินจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งสักแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสืบได้ว่าเขาเป็นคนทำ

หยางเฉินยังคงนั่งนิ่งในที่นั่งประธานโดยไม่มีท่าทีจะเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแต่ตอนที่มองไปทางหลี่จิ้ง กลับมีเพียงความเย็นชาในสายตา

“ลำพังคุณ ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับพี่เฉิน!”

เมื่อเห็นว่าหลี่จิ้งกำลังปรี่เข้ามา หม่าชาวก็ก้าวเท้าเข้ามาปะทะเขาในทันที

“โครม!”

ทั้งสองพุ่งเข้ามาโจมตีในเวลาเดียวกันเกือบจะทันที

“โครม!”

โต๊ะกลมหรูหราของร้านอาหารหักเป็นชิ้นๆ

“โครมๆๆ!”

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์

ไช่หวงที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจถึงกับอึ้งไปทันที เพราะเขาพบว่าความแข็งแกร่งของหม่าชาวไม่ได้อ่อนแอกว่าหลี่จิ้งเลย

หลี่จิ้งเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสี่ในสมาคมบูโด!

ชายหนุ่มวัย 24-25 ปีคนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?

หากเขาไม่รู้ว่าหลี่จิ้งโกรธมาก ยังคิดว่าหลี่จิ้งกำลังอ่อนข้อให้อยู่

“นี่น่ะหรือผู้แข็งแกร่งอันดับสี่ในสมาคมบูโด? ได้แค่นี้เองเหรอ!” หม่าชาวพูดเยาะเย้ยขณะที่เขาต่อยกลับให้หลี่จิ้งถอยไป

หลี่จิ้งยืนอยู่ห่างจากหม่าชาวประมาณสองเมตร สีหน้าเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด

แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ความแข็งแกร่งของหม่าชาวที่แสดงออกมาในตอนนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความรู้สึกว่า หม่าชาวเหมือนจะยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่

หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เกรงว่าภูมิหลังของหยางเฉินจะน่ากลัวมาก

“พ่อหนุ่ม ต้องยอมรับว่าผมประเมินศัตรูต่ำเกินไป แต่ถ้านี่คือศักยภาพเต็มที่ของคุณแล้ว มันยังอยู่ไกลจากที่จะเอาชนะผมได้มากนัก”

ทันใดนั้นหลี่จิ้งก็พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม แต่ก็เป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น

หม่าชาวหัวเราะเยาะ “ไร้สาระจริงๆ! หากคุณยินดียอมก้มหัวให้พี่เฉิน บางทีผมอาจจะไว้ชีวิตคุณก็ได้”

“ยโสนัก!”

หลี่จิ้งพูดด้วยความโกรธ จากนั้นก็สาวเท้าตรงเข้าไปถึงตรงหน้าหม่าชาวภายในชั่วพริบตาราวกับสายฟ้าแลบ

หม่าชาวดูท่าทางหยิ่งยโสมาก แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความจริงจัง ได้ประมือกับผู้แข็งแกร่งระดับนี้อย่างหลี่จิ้ง มันเป็นโอกาสที่เขาจะได้พัฒนาศักยภาพ

เขาไม่กล้าที่จะมองข้ามแม้แต่นิดเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งกว่าอย่างหลี่จิ้ง เขาก็ระเบิดพลังออกมาอย่างสมบูรณ์

“พลั่ก!”

วินาทีถัดมา กำปั้นของหลี่จิ้งก็กระทบที่หน้าอกของหม่าชาวอย่างหนักหน่วง

“อุ๊บ!”

หม่าชาวกระอักเลือดออกมา ถอยหลังไป 5-6 ก้าวทันที

แต่ก่อนที่เขาจะยืนได้อย่างมั่นคง หลี่จิ้งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง แล้วปล่อยลูกเตะสายฟ้าเข้าที่ขมับของเขา

“ฟิ้ว!”

หม่าชาวไม่มีโอกาสโจมตีเลย กล้ามเนื้อที่ขาของเขาปริออกมาทันที เหยียบลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง เอาตัวหลบหลีกลูกเตะของหลี่จิ้ง

“ฮ่าฮ่า ดีมาก!”

ไช่โหย่วเหวยตะโกนอย่างตื่นเต้น “พ่อครับ ท่านสี่แข็งแกร่งเกินไป เจ้าหมอนั่นสู้เขาไม่ได้เลย ผมคิดว่าเจ้าหมอนั่นต้องตายในมือท่านสี่ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที”

“สมกับที่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสี่ในสมาคมบูโด มีศักยภาพอย่างแท้จริง ท่านสี่เพียงคนเดียว ก็เกรงว่าจะกวาดล้างแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้ทั้งหมดแล้วล่ะมั้ง?” ไช่เหวินพูดเยาะเย้ย

แต่เขาไช่หวงนั้นกลับพูดด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ท่านสี่แข็งแกร่งมาก แต่พ่อหนุ่มคนนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน คนประเภทนี้เป็นไปได้ที่จะไม่เป็นที่รู้จักเหรอ?”

“ผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มเช่นนี้เป็นผู้คุ้มกันของหยางเฉิน พวกนายเคยคิดถึงฐานะของหยางเฉินบ้างไหม?”

“พูดอีกอย่างก็คือ พวกนายคิดว่า บนโลกนี้จะมีใครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะให้ผู้แข็งแกร่งอย่างท่านสี่เป็นผู้คุ้มกันไหม?”

ไช่โหย่วเหวยและไช่หวงไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจึงรู้ว่าไช่หวงหมายถึงอะไร

หม่าชาวดูอ่อนแอกว่าหลี่จิ้ง แต่ก็อ่อนแอไม่เท่าไร ไม่มีใครในโลกกล้าที่จะให้หลี่จิ้งเป็นผู้คุ้มกัน

แต่หม่าชาวที่มีศักยภาพสูสีกับหลี่จิ้งดันมาเป็นผู้คุ้มกันของหยางเฉิน

“ต่อให้ท่านสี่ชนะ แต่เกรงว่าตระกูลไช่จะไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้” ไช่หวงพูดขึ้นมาทันที

“พ่อครับ คงไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นนี้หรอกมั้ง?” ไช่โหย่วเหวยถามอย่างไม่ยอมแพ้

ไช่เหวินกัดฟันพูดว่า “เมื่อมีท่านสี่อยู่ ตระกูลไช่ไม่มีทางถูกโค่นล้ม!”

และในเวลานี้เอง สิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น

หม่าชาวที่เพิ่งถูกคุมเชิงไว้ได้โดยหลี่จิ้ง พลันตะโกนร้องขึ้นอย่างฉับพลัน พลังมหาศาลระเบิดออกมาจากตัวเขา เหมือนลูกคลื่นซัดสาดที่ไร้รูปร่าง กระจายออกไปทั้งสี่ทิศอย่างไม่หยุดยั้ง

“ตาแก่ โจมตีพอหรือยัง? พอแล้วก็รับหมัดของผมไปซะ!”

หม่าชาวกำหมัดทั้งสองแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

หลี่จิ้งสีหน้าย่ำแย่ เขาได้ระเบิดพลังออกไปหมดแล้ว อย่าบอกนะว่ายังไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างง่ายดาย?

ในขณะนี้ เขารู้สึกถึงความอันตรายอย่างยิ่งยวดจากหม่าชาว

“เขียนเสือให้วัวกลัว!”

หลี่จิ้งพูดอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกับก็กำหมัดทั้งสองแน่น พร้อมที่จะต้านทานการโจมตีของหม่าชาว

“มาแล้ว!”

หม่าชาวคำราม พื้นหินอ่อนใต้ฝ่าเท้าของเขาปริแตกทันที เขาอาศัยแรงพุ่งนี้ ทะยานเข้าหาหลี่จิ้งทันที

“ไม่ได้การ! ถอย!”

ในขณะที่หม่าชาวออกหมัด หลี่จิ้งรู้สึกถึงลมปราณที่น่ากลัวมากแผ่ปกคลุมตัวเขา เขาก้าวถอยหลังในทันทีโดยไม่ลังเล

แต่ทว่า ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว!

“พลั่ก!”

ความเร็วของหม่าชาวนั้นเร็วมาก กำปั้นของเขาได้เข้าปะทะในขณะเดียวกับที่หลี่จิ้งถอยหลัง

หมัดที่ดูเหมือนไม่รุนแรงปะทะเข้าที่หน้าอกของหลี่จิ้งอย่างจัง ในขณะเดียวกันพลังที่น่ากลัวดูเหมือนจะเจาะทะลุเข้าไปในเนื้อหนังของหลี่จิ้ง ทำให้อวัยวะภายในของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

“อุ๊บ!”

หลี่จิ้งไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมา ร่างลอยกระเด็นออกไปประมาณสิบเมตรเหมือนว่าวที่สายขาด ก่อนจะร่วงลงกับพื้นอย่างแรง

เมื่อเห็นหลี่จิ้งกระอักเลือดร่วงลงกับพื้น ภายในห้องส่วนตัวก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

หยางเฉินพยักหน้าชื่นชม เดิมทียังคิดว่าหลังจากที่หม่าชาวกลับมาที่เมืองก็ได้บ่ายเบี่ยงการฝึกอบรม ศักยภาพถดถอย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

แต่หยางเฉินต้องยอมรับว่าหลี่จิ้งนั้นมีศักยภาพมากเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหม่าชาว เขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

“คุณแพ้แล้ว!”

หม่าชาวก้มลงมองที่หลี่จิ้งแล้วพูดเยาะเย้ย

คำสามคำนี้เหมือนเป็นเสียงปีศาจ ในหัวของหลี่จิ้งมีแต่ความว้าวุ่น

เป็นไปได้อย่างไร?

เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งอันดับสี่ในสมาคมบูโด ด้วยตำแหน่งและศักยภาพของหัวหน้าสาขาเขตจิ่วโจว เขาเป็นรองแค่หัวหน้าจินกาง

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย

แต่ในตอนนี้ตนเองกลับพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของชายหนุ่มวัยเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น

ในหัวสมองของเขาเต็มไปด้วยคำสี่คำว่า “เป็นไปได้อย่างไร”

ส่วนคนตระกูลไช่ทั้งสามรู้สึกเพียงความเย็นเฉียบไปทั่วร่างในเวลานี้