ตอนที่ 1979 นรกอะไรกันนี่!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1979 นรกอะไรกันนี่!

ในฐานะนักรบที่สำเร็จความเข้าใจในภาพรวมของเทคนิคนี้ ทั้งความเร็วและการควบคุมพละกำลังของไป๋เหรินชิงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าถึง!

“ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ผมน่ะถ่อมตัวเทียบชั้นกับศิษย์พี่ไป๋ไม่ได้แน่” หลิวลู่จี่ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับพยักหน้า เขาโค้งคำนับอย่างจริงใจอีกครั้งและพูดว่า “ศิษย์พี่ไป๋ ขออภัยด้วยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ผมขอวิงวอนคุณให้หยุดทันทีหลังจากทดสอบตัวตนของเขาแล้ว ได้โปรดให้บรรดาศิษย์สายตรงรับมือกับเขาแทนเถอะ”

ไม่ว่าผมน่ะถ่อมตัวจะเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหรือไม่ แต่เรื่องจริงก็คือหมอนั่นท้าทายและเหยียดหยามศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคน หากพวกเขายืมมือคนนอกให้มาจัดการ ก็มีแต่จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

“ไม่นึกเลยว่าคุณจะจุกจิกจู้จี้ขนาดนี้ ก็ได้…ก็ได้! ฉันจะปล่อยเขาไว้ให้คุณ!” ไป๋เหรินชิงโบกมืออย่างหงุดหงิดขณะก้าวขึ้นไปบนสังเวียนประลอง

“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้! ฉันจะสู้ตัวต่อตัวกับเขา” ไป๋เหรินชิงสั่งการ

ในฐานะศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเธอเหนือชั้นกว่าศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แม้ยังไม่ได้เคลื่อนไหว เธอก็แผ่แรงกดดันมหาศาลออกมาใส่ทุกคนที่อยู่โดยรอบแล้ว

“ผมไม่รู้นะว่าเธอคือใคร แต่ดูเหมือนจะทรงพลังมาก รู้สึกเหมือนกับว่าเจตจำนงเพลงดาบของผมถูกกดข่มเสียจนไม่อาจขับเคลื่อนมันอย่างสมบูรณ์แบบได้อีก!”

“ผมก็เหมือนกัน ไม่เคยรู้สึกถึงเจตจำนงเพลงดาบที่ทรงพลังขนาดนี้จากศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหนมาก่อน เธอน่าจะเป็นนักดาบตัวยง ในแง่ของศิลปะเพลงดาบ อาจเทียบชั้นกับศิษย์พี่หลิวได้เลยทีเดียว”

“พวกเราถอยมาสังเกตการณ์ก่อนเถอะ เธออาจเล่นงานหมอนั่นและล้างแค้นให้พวกเราได้!”

ด้วยความยำเกรงในเจตจำนงเพลงดาบอันทรงพลังที่ไป๋เหรินชิงแผ่ออกมา บรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ตั้งใจจะก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองตัดสินใจฟังคำสั่งของเธอและล่าถอย

นักดาบตัวยงนั้นหายาก แต่ก็ปรากฏตัวอยู่เนืองๆในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน นักรบส่วนใหญ่จึงรู้ว่ามีคนพวกนี้อยู่ แม้จะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร แต่พละกำลังที่แท้จริงของพวกเขาก็สามารถเอาชนะ 10 อันดับแรกของศิษย์สายตรงฝ่ายในได้

มีความเป็นไปได้สูงว่าศิษย์พี่ที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองและผมน่ะถ่อมตัวจะเป็นนักดาบตัวยงด้วยกันทั้งคู่!

เห็นนักดาบผู้หลงตัวเองอีกคนขึ้นมาบนสังเวียน จางเซวียนส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างหมดความอดทน “ให้ไวเถอะ ถ้าคุณอยากดวลล่ะก็ คุณก็เห็นนี่นาว่ามีคนต่อคิวเยอะแยะ รอให้ตัวเองถูกสังหาร!”

คู่ต่อสู้พรรค์นี้น่าเบื่อน่ารำคาญมาก ราวกับพวกเขาเกิดมาพร้อมกับความอยากดังและกัดไม่ปล่อย ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงต้องเจาะจงเรียกร้องจะสู้ตัวต่อตัวและทำให้คนอื่นเสียเวลาแบบนี้?

“ฉันไม่ได้เจอคนอวดดีอย่างคุณมานานแล้ว!” ไป๋เหรินชิงคำรามขณะชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดฟันเข้าใส่จางเซวียนอย่างรุนแรง

ศิลปะเพลงดาบดงหิมะ!

เธอใช้ไม้ตายขั้นสุดยอดตั้งแต่เริ่ม กระแสดาบฉีระเบิดออกมาและก่อตัวเป็นพายุหิมะที่พัดกระหน่ำบนสังเวียนประลอง เกล็ดหิมะสีขาวพรั่งพรูลงมาจากกลางอากาศ ทำให้ทุกคนตาพร่า

“ว่าไง?ฉันเร็วพอไหม?” ไป๋เหรินชิงไม่รีบร้อนดำเนินการโจมตีขั้นต่อไปหลังจากปลดปล่อยศิลปะเพลงดาบของเธอ เธอจ้องหน้าจางเซวียนพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ

ถึงเธอจะคุยโวกับหลิวลู่จี่และคนอื่นๆไว้ว่าเธอเข้าถึงความสำเร็จในภาพรวมของศิลปะเพลงดาบดงหิมะแล้ว แต่เรื่องจริงก็คือความเชี่ยวชาญของเธอยังอ่อนด้อยอยู่สักหน่อย ไม่อาจสำแดงพละกำลังเต็มที่ได้ในทุกครั้ง

คราวนี้ เธอรู้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง จึงใช้เรี่ยวแรงเต็มพิกัด ภายใต้แรงกดดันนี้ เธอสามารถปล่อยพละกำลังที่เหนือชั้นกว่าที่เคยทำได้ มันรุนแรงกว่าการปลดปล่อยพลังตามปกติของเธอถึง 10 เท่า

ด้วยเหตุนี้ ไป๋เหรินชิงจึงตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลจากการสำแดงกระบวนท่าของเธอ

ถ้าเป็นเมื่อครู่ก่อน เธอคงไม่กล้าอวดอ้างว่าสามารถเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวด้วยความมั่นใจสูงสุดแบบนี้ แต่ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลที่ใช้ไป ชัยชนะย่อมอยู่แค่เอื้อม

“เร็วเรอะ?” จางเซวียนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ก็ใช่ คุณก็เร็วอยู่ ว่าแต่สำแดงเทคนิคของตัวเองเสร็จหรือยัง ผมรออยู่นะ!”

จากนั้น เขาก็เงื้อดาบขึ้นและฟันฉับ

ฟึ่บ!

ทันทีที่จางเซวียนเงื้อดาบ ไป๋เหรินชิงเข้าประจำตำแหน่งป้องกันตัวทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะรู้ตัว ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ พริบตาต่อมา ก็พบว่ากำลังจับจ้องนิ้วเท้าของตัวเอง

พลั่ก!

ศพร่างหนึ่งร่วงลงไปกองกับพื้น

ไป๋เหรินชิงถูกสังหาร ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งที่ถูกบี้

เมื่อจางเซวียนเห็นว่าฝูงชนที่ออกันเข้ามามีปริมาณมากกว่าที่เขาจะสังหารได้ทัน ก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างหงุดหงิดในความไร้ประสิทธิภาพของระบบ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ

“ช่างมันเถอะ แบบนี้ก็ช้าไป พวกคุณเข้ามาพร้อมกันเลยทีเดียวดีกว่า! หรือว่าสังเวียนประลองมันเล็กไป ผมควรลงไปข้างล่างเพื่อสู้กับพวกคุณดีไหม?”

จากนั้น จางเซวียนก็กระโจนเข้าสู่ฝูงชนโดยไม่ลังเล

สังเวียนประลองนี้ออกจะเล็กไปสักหน่อย รับคนได้ทีละประมาณ 10 คนเท่านั้น หากเกินกว่านั้นก็แออัด ถ้าเป็นแบบนี้ คงต้องใช้เวลานานมากกว่าเขาจะกำจัดคู่ต่อสู้หลายพันคนที่ออกันอยู่ด้านล่างสังเวียนได้

แถมยังมีพวกอยากดังโผล่ขึ้นมาเป็นระยะๆ เรียกร้องจะสู้ตัวต่อตัวด้วย น่าเบื่อน่ารำคาญเหลือเกิน เขาควรจะพุ่งเข้าใส่ฝูงชนแล้วสู้กับทุกคนพร้อมกันในคราวเดียว

“อะ-อะไรกัน? คุณรนหาที่เองนะ!”

“ทุกคน จัดการพร้อมกันเลย! ผมไม่เชื่อหรอกว่าสองมือของเขาจะต่อกรกับหลายพันมือของพวกเราได้!”

ฝูงชนแทบไม่เชื่อว่าศิษย์พี่ผู้ดูเหมือนจะทรงพลังจะต้านทานผมน่ะถ่อมตัวได้ไม่ถึงหนึ่งอึดใจ แถมพวกเขายังไม่ทันหายตะลึง อีกฝ่ายก็กระโจนลงจากสังเวียนและเริ่มสังหารหมู่แล้ว

ในชั่วพริบตา สถานการณ์ก็เข้าขั้นวิกฤต

อันที่จริง สังเวียนประลองที่มีขนาดเล็กนั้นทำให้ผมน่ะถ่อมตัวได้เปรียบ เพราะสามารถป้องกันไม่ให้ใครแทงข้างหลังหรือลอบสังหารเขาได้ง่าย แต่หมอนั่นกลับไม่ใส่ใจความได้เปรียบข้อนี้ กลับพุ่งเข้าใส่ฝูงชนเสียดื้อๆอย่างนั้น

นั่นหมายความว่าเขาจะต้องรับมือกับการโจมตีจากทุกทิศทาง!

จะทำได้หรือ?

ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวจะรวดเร็วว่องไวแค่ไหน ก็ไม่มีทางรับมือกับดาบ 20 เล่ม…50 เล่ม…หรือแม้แต่ 100 เล่มพร้อมๆกันได้แน่!

ฟิ้ววววว!

ในชั่วพริบตา กระแสดาบฉีทุกรูปแบบก็พุ่งเข้าใส่ผมน่ะถ่อมตัวจากทุกทิศทางราวกับห่าฝน ดูเหมือนทั้งโลกไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่!

“ศิษย์พี่ไป๋…”

หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงแทบคลั่งเมื่อเห็นว่าแม้แต่ศิลปะเพลงดาบดงหิมะที่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดตัวฉกาจผู้นี้สำแดงออกมาก็ยับยั้งผมน่ะถ่อมตัวไว้ไม่ได้

พวกเขายังเกรงว่าศิษย์พี่ไป๋อาจพลั้งมือสังหารอีกฝ่าย แต่เท่าที่เห็น…ดูเหมือนเธอจะทำอะไรผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้เลย ไม่ว่าหมอนั่นจะกำลังสังหารพวกเขาหรือศิษย์พี่ไป๋ ก็ไม่ได้สร้างความกดดันให้หมอนั่นสักนิด!

ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ได้เห็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด, นักรบขั้นเสมือนอมตะ หรืออาจเป็นนักรบอมตะตัวจริงก็ได้ ต้องถูกสังหารอย่างง่ายดายแบบนั้น

หวังเจี้ยนตงส่ายหน้า “เอาเถอะ ผมต้องยอมรับว่าผมน่ะถ่อมตัวคือผู้ไร้เทียมทานจริงๆ แต่เขาก็อวดดีเกินไป ความอวดดีของเขามีแต่จะนำไปสู่ความล่มจม ไม่มีทางที่เขาจะรับมือกับการตีวงล้อมของศิษย์สายตรงฝ่ายในจำนวนมากมายขนาดนั้นได้หรอก!”

ต่อให้ใครสักคนจะทรงพลังแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ใช่หรือ?

ทุกคนล้วนแต่เป็นนักรบระดับนักปราชญ์ขั้น 1 เมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ ในแง่ของพละกำลังก็ถือว่าไม่ต่างกัน ต่อให้ใครสักคนจะมีทักษะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางรับมือกับกองทัพคนนับพันที่มีพละกำลังพอๆกันกับเขาได้!

“หมอนั่นตายแน่…” หลิวลู่จี่เห็นด้วยกับความคิดของหวังเจี้ยนตง

เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับผมน่ะถ่อมตัวมากนัก

“ศิษย์พี่หลิว ที่นี่มีคนเยอะแยะ เราควรใช้โอกาสนี้ลอบโจมตีหมอนั่นไหม?” หวังเจี้ยนตงเปรยขณะใช้นิ้วหัวแม่มือปาดลำคอ แสดงสัญญาณของการสังหาร

“ทำแบบนั้นไม่ดีแน่!” หลิวลู่จี่ส่ายหัวดิก

“พวกเราสู้กับเขาแล้ว และแพ้ไปแล้วด้วย คราวนี้เราเข้าสู่หอนิรันดร์ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เท่านั้น ถ้าใครต่อใครกลับมาสู้ใหม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลังจากพ่ายแพ้ไป การดวลครั้งนี้ก็ย่อมหาความยุติธรรมไม่ได้!”

ผมน่ะถ่อมตัวท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถึงจะดูน่าอับอายแค่ไหน แต่พวกเขาก็ควรจะเข้าสู่การดวลคนละครั้ง หากทุกคนยังสู้กับหมอนั่นต่อไปโดยเปลี่ยนตัวตนเสียใหม่หลังจากถูกสังหารไปแล้ว ก็มีแต่จะถูกหัวเราะเยาะให้อับอายขายหน้าหากใครๆรู้เข้า

พวกเขาอาจแพ้ได้ แต่จะไม่ยอมสละเกียรติยศและศักดิ์ศรี!

อย่างน้อยที่สุด นี่ก็คือหัวใจของความเป็นผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน!

“ศิษย์พี่หลิว…คุณพูดถูก ผมถามอะไรไม่เหมาะสมเลยจริงๆ” หวังเจี้ยนตงก้มหน้าอย่างละอายใจ

เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะกำจัดผมน่ะถ่อมตัวจนเกิดความคิดนั้นขึ้นมา เมื่อใคร่ครวญอีกครั้ง ก็เห็นด้วยว่าการทำแบบนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ

ดาบคือผู้นำของอาวุธทั้งมวล รากฐานของการจะเชี่ยวชาญวิถีแห่งเพลงดาบเริ่มจากการบ่มเพาะสภาวะจิตของผู้นั้น หากนักดาบทำไม่ได้แม้แต่จะควบคุมตัวเองให้รักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีไว้ เจตจำนงเพลงดาบของเขาก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอและด่างพร้อย

“พูดก็พูดเถอะ ในเมื่อศิษย์พี่ไป๋แพ้แล้ว พวกเราควรรีบกลับนะ ไม่อย่างนั้น ผมเกรงว่าเมื่อกลับถึงโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว…เธออาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาก็ได้” หลิวลู่จี่พูด

เขากำลังจะออกจากหอนิรันดร์ ก็พอดีกับที่รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ เขาพยายามหันกลับไป แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็พบว่ากำลังจ้องมองบั้นท้ายของตัวเอง

นรกอะไรกันนี่!

เมื่อมองจากหางตา เขาเห็นผมน่ะถ่อมตัวกำลังเดินหน้าฟาดฟันราวกับเครื่องจักรสังหาร ทุกย่างก้าวของเขาจะมีศีรษะจำนวนหนึ่งปลิวว่อนขึ้นสู่กลางอากาศ ราวกับเทศกาลนองเลือด

เหตุผลที่เขาถูกฆ่าก็เพราะเข้าใกล้การต่อสู้มากเกินไป กระแสดาบฉีบางส่วนที่หลุดรอดจากใจกลางทุ่งสังหารจึงตรงเข้าเล่นงานเขา

แค่เสี้ยวหนึ่งของกระแสดาบฉีของอีกฝ่ายก็รุนแรงพอจะฆ่าเขาแล้ว แล้วพวกเขาจะสังหารคนแบบนั้นได้อย่างไร?

ให้ตายเถอะ พวกเขาไม่มีหวังเลย!

ศีรษะของหลิวลู่จี่กระดอนขึ้นลงหลายครั้งก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่สนามหญ้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไป ศีรษะนั้นมีสีหน้าเศร้าหมอง ภาพติดตาภาพสุดท้ายของเขาคือศีรษะของหวังเจี้ยนตงที่กำลังกระดอนขึ้นลงเช่นกัน…

สีหน้าของหวังเจี้ยนตงก็หดหู่ไม่ต่างกับเขา

ทั้งคู่เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย

โลกนี้เป็นอะไรไปหมดแล้ว? ทำไมคนบริสุทธิ์อย่างพวกเขาถึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายครั้งนี้?