บทที่ 543 เขาเหมือนจะสนใจพี่อยู่นะ

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 543 เขาเหมือนจะสนใจพี่อยู่นะ

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้มากินเลี้ยงวันส่งท้ายปีเก่าปีนี้ที่บ้านใหญ่ตระกูลโจว

เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เวิงจะพาเวิงกั๋วต้งกับเวิงเหม่ยเจี่ยมากินเลี้ยงที่บ้าน เธอจึงให้กังจือกับเจ้ารองไปกินเลี้ยงกับท่านพ่อท่านแม่โจว และให้เจ้าใหญ่กับเจ้าสามอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังเรียกโจวซื่อนีมานี่ด้วย ในขณะที่โจวซานนี หลี่อ้ายกั๋ว และคนอื่น ๆ ไปกินข้าวที่บ้านปู่กับย่า ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบรรยากาศจะคึกคักขนาดไหน

เวิงกั๋วต้งหอบของมาด้วยไม่น้อย และมาถึงในตอนบ่ายโมงนี้เอง

หลินชิงเหอยิ้มและเอ่ยขึ้น “กินเลี้ยงปีใหม่ปีนี้ดูท่าจะคึกคักแล้ว ถ้าเกิดทุกปีเป็นแบบนี้คงจะดีมากเลยนะคะ”

“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ปีหน้าพอพวกเขากลับมาแล้วเดี๋ยวพวกเราจะมารบกวนอีกนะคะ” คุณแม่เวิงพูดยิ้ม ๆ

“รังเกียจอะไรกันคะ ฉันดีใจแทบทนไม่ไหวต่างหาก” หลินชิงเหอพูด หลังจากนั้นก็ให้โจวซื่อนี โจวข่าย และโจวกุยหลายมาช่วยทำงานด้วยกัน

“ลูกดูเสี่ยวข่ายกับน้อง ๆ สิ พวกเขาทำกับข้าวเป็นหมดเลย ในขณะที่ลูกหยิบตะหลิวไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ” คุณแม่เวิงหันมาพูดกับเวิงกั๋วต้ง

หลินชิงเหอพูด “ถ้าได้แต่งงานกับคนที่ทำกับข้าวเป็นก็คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะค่ะ ทำกับข้าวเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย”

“เป็นเพราะคุณสอนมาดีน่ะสิคะ” คุณแม่เวิงพูด แต่สายตามองไปที่โจวข่าย โจวกุยหลาย และโจวซื่อนีที่กำลังวุ่นอยู่

โจวซื่อนีกำลังหั่นผักด้วยท่าทางดูคล่องแคล่วอย่างมาก เมื่อหั่นเสร็จหล่อนก็เรียกโจวข่าย “พี่ล้างแค่ไก่ตัวนั้นก็พอค่ะ หนูจะสับเอง”

คุณแม่เวิงแค่มองก็รู้ว่าหญิงสาวจะต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขแน่ หลังจากนั้นหล่อนก็ปรายตามองลูกชายคนโตของตัวเอง

เวิงกั๋วต้งก็มองโจวซื่อนีเช่นกัน แต่ไม่ได้มองแบบมีความหมายลึกซึ้งอะไร หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะเด็กไปหน่อย

คุณแม่เวิงเห็นขีดศีลธรรมของลูกชายคนโตแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจ

หลินชิงเหอไม่ได้สนใจเรื่องนี้ วันนี้เธอเรียกโจวซื่อนีมาที่นี่เพื่อให้พวกเขาดู ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้มีความคิดในเชิงนั้นเช่นนั้น จากนั้นจึงถามเวิงเหม่ยเจี่ย “เหม่ยเจี่ย ที่นั่นงานเยอะไหมจ๊ะ”

“พอมีเวลาว่างบ้างค่ะ แต่มีหลายครั้งเลยที่งานค่อนข้างจะเยอะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพูด

“ออกไปทำงานข้างนอกต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ในบ้านน้ามีกระเพาะหมูอยู่สองอัน น้ากะว่าจะเอาไปทำซุปไก่กระเพาะหมู ถ้าถึงเวลาที่พวกหนูจะไปแล้วน้าจะให้เจ้าใหญ่ห่อให้หนูเอาไปด้วยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด

“ให้พี่เขาเอามาให้หนูไกลขนาดนั้นได้อย่างไรกันคะ หนูกินที่นี่ก็ได้ค่ะ หรือไม่คุณน้านัดหนูมาก่อนหน้า หนูจะมากินที่นี่ด้วยตัวเองให้หนำใจไปเลย” เวิงเหม่ยเจี่ยพูดพลางหัวเราะ

“ไม่มีปัญหาจ๊ะ วันที่สามน้าจะทำครั้งหนึ่ง วันที่หกก็จะทำอีกครั้งหนึ่ง พวกหนูกลับกันวันที่เจ็ดใช่ไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด

“ค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพยักหน้า

“ไม่ใช่ว่าพวกเธอหยุดถึงวันที่สิบเหรอ?” เวิงกั๋วต้งถาม

“ถ้าลูกหยุดได้ถึงวันที่สิบ ลูกก็กลับเองแล้วกัน ให้กลับไปล่วงหน้ากับเสี่ยวข่ายก็ดีแล้วนี่” คุณแม่เวิงพูด

ในตอนนี้หล่อนรู้สึกขัดหูขัดตาลูกชายตัวเองมากเป็นพิเศษ หลานสาวของชิงเหอคนนี้ดีมากเลยไม่ใช่หรือไง? อายุก็อยู่ในวัยขบเผาะ งานบ้านงานเรือนก็คล่องแคล่ว ตัวคนก็ดูจะมีความก้าวหน้า ไม่ใช่คนที่พูดจาไม่รู้เรื่องแบบนั้นด้วย

หลักการเลือกสะใภ้ของคุณแม่เวิงนั้นง่ายมาก จะเป็นคนจากที่ไหนก็ได้ ขอเพียงไม่เรื่องมาก เป็นหญิงสาวรู้ความเข้าอกเข้าใจคนในครอบครัวก็พอแล้ว อย่างอื่นเช่นจนไม่จน เป็นคนปักกิ่งหรือไม่ คุณแม่เวิงไม่สนใจเลยสักนิด

เนื่องจากลูกชายของหล่อนสามารถหาเงินเองได้ เดือนหนึ่งได้ประมาณร้อยกว่าหยวน ได้ยินว่าปีต่อไปเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนั่นก็พอแล้ว

ตัวของหล่อนไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ตัวของเขาเองมากกว่า

นี้ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่เอา คุณแม่เวิงรำคาญลูกชายคนโตคนนี้จนตายอยู่แล้ว นี่ลูกหล่อนต้องการเป็นโสดจนแก่ตายเลยหรือไง

“ซื่อนี เดี๋ยวพวกเราทอดลูกชิ้นหมูนั่นอีกรอบนะ ลูกชิ้นปลาก็ด้วย” หลินชิงเหอพูด

“หนูรู้แล้วค่ะ” โจวซื่อนีที่กำลังทำกับข้าวอยู่นั้นตอบกลับไป

เวิงกั๋วต่งมองไปที่หล่อน เห็นหญิงสาวทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่วยิ่ง เขารู้ความหมายของแม่ตัวเอง แต่เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

“ปีหน้าวางแผนไว้ดีแล้วหรือคะ” หลินชิงเหอถามคุณแม่เวิง

คุณแม่เวิงหัวเราะ ก่อนตอบกลับ “ฉันให้เหล่าเวิงไปดูหน้าร้านให้แล้วค่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะเช่าไว้ก่อน ลองดูว่ากิจการจะเป็นอย่างไร”

“กิจการอะไรหรือคะ” เวิงเหม่ยเจี่ยถาม เพราะหล่อนยังไม่รู้เรื่องนี้

“ปีหน้าแม่จะไปเรียนรู้การเปิดร้านขายเสื้อผ้าของน้าหลินของลูกอย่างไรล่ะ ก็ถนนเส้นนั้นของพวกเราอย่างไรจ๊ะ” คุณแม่เวิงตอบด้วยรอยยิ้ม

เวิงเหม่ยเจี่ยได้ยินก็คลี่ยิ้มออกมา “ก็ไม่เลวนะคะ แต่แม่แน่ใจแล้วเหรอคะ?”

“แม่เรียนกับน้าหลินของลูกมานานแล้ว ทำไมจะไม่มั่นใจล่ะ? แม่ทำได้หมดทุกอย่างแหละ” คุณแม่เวิงพูด

“งั้นก็ดีเลยค่ะ มีงานให้แม่ทำ แม่จะได้ไม่เหงาเกินไป” เวิงเหม่ยเจี่ยยิ้ม

“ดีที่ไหนกัน พ่อของลูกน่ะยังไม่เห็นด้วย เขายังคิดจะให้แม่อยู่บ้านเฉย ๆ กระดูกกระเดี้ยวแม่จะแข็งหมดแล้ว” คุณแม่เวิงพูด

“ไม่คิดว่าจะซื้อไว้เหรอคะ” หลินชิงเหอถาม

“เหล่าเวิงบอกให้ลองเปิดดูก่อน ถ้าเกิดฉันชอบขึ้นมาจริง ๆ เขาถึงจะซื้อให้ฉันน่ะค่ะ” คุณแม่เวิงพูด

คุณพ่อเวิงกับโจวชิงไป๋ดูการแสดงเพลง ‘เหมยหนึ่งกิ่ง’ ฉบับปรับปรุงใหม่ของปีนี้ด้วยกัน เป็นการแสดงออกว่าจะไม่เข้าร่วมบทสนทนานี้

“กั๋วต้งมาช่วยกันหน่อย” คุณแม่เวิงเรียกใช้ลูกชายของตัวเอง

“มีกันตั้งสามคนแล้วนี่ครับ และอีกอย่างผมจะช่วยอะไรได้” เวิงกั๋วต้งพูดและยังไม่ขยับตัว

“มาเลือกผักก็ยังดี” คุณแม่เวิงพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แท้จริงแล้วหล่อนต้องการเรียกให้เขามาดูซื่อนี

เวิงกั๋วต้งเข้าใจความหมายของมารดาของตนเองเช่นกัน แม้จะรู้สึกจำใจแต่เขาก็เดินไป

“ไม่จำเป็นหรอกครับ มีพวกเราสามคนก็พอแล้ว” โจวกุยหลายหัวเราะ เขาไม่รู้ว่าจะให้เวิงกั๋วต้งมาเพิ่มอีกทำไม

“เจ้าสาม เธออายุน้อยที่สุด มาดูทีวีตรงนี้มา ให้พวกเขาไปทำงานกัน” คุณแม่เวิงพูด

“เกรงใจจังเลยครับ ให้ผมกับพี่กั๋วต้งแยกฟองเต้าหู้แล้วกันครับ” โจวกุยหลายพูดยิ้ม ๆ

พวกเขาสองคนแยกฟองเต้าหู้ด้วยกัน จากนั้นโจวกุยหลายก็พูดขึ้น “พี่กั๋วต้ง พี่ก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานมีภรรยาล่ะครับ”

เวิงกั๋วต้งเงียบไป ทำไมเดินไปทางไหนก็มีแต่คนพูดเรื่องนี้กับเขากันนะ

“พี่ไม่จำเป็นต้องวางมาตรฐานสูงขนาดนั้นก็ได้ หาแม่ศรีเรือนที่สามารถดูแลบ้านได้สักคนก็พอแล้วมั้งครับ พี่ดูพี่ซื่อนีของผมสิ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว” โจวกุยหลายพูดด้วยรอยยิ้ม

เวิงกั๋วต้งรู้ว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดแบบนี้ออกมา แต่เขาก็มองไปที่โจวซื่อนีจริง ๆ ตามที่อีกฝ่ายบอก

โจวซื่อนีไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง หล่อนกำลังสับไก่อย่างคล่องแคล่วและพูดขึ้น “เจ้าสาม อย่าพูดซี้ซั้ว”

“ผมพูดซี้ชั้วที่ไหน พี่ซื่อนีดีจะตาย ต่อไปใครได้แต่งงานด้วยคงจะมีความสุขแน่เลย” โจวกุยหลายพูด

โจวซื่อนีตอนนี้มองเขานัยน์ตาเจือรอยยิ้ม “ปากหวานจริงนะ ยิ่งนายโตขึ้นฉันยิ่งรู้สึกว่านายยิ่งกะล่อนนะ”

“ผมพูดจริงนะ ไม่เชื่อพี่ลองถามพี่ใหญ่ผมสิ” โจวกุยหลายแสยะยิ้มพูด

โจวข่ายไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “พี่ซื่อนี ต่อไปพี่จะแต่งงานอยู่ในปักกิ่งเลยไหมครับ”

“ฉันจะได้แต่งได้ยังไงเล่า ” โจวซื่อนีหัวเราะขำ หล่อนไม่มีความคิดนี้อยู่ในใจเลย หล่อนอยากจะแต่งงานใกล้ ๆ บ้านตัวเองหน่อย เนื่องจากพี่เอ้อร์นีก็แต่งงานกับชายหนุ่มในเมืองหลวงแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ได้แต่งงานไกลขนาดนี้ก็พอแล้ว

“พี่ประเมินตัวเองต่ำไปแล้วใช่ไหมครับเนี่ย” โจวกุยหลายพูด “ขนาดพี่เอ้อร์นียังได้แต่ง พี่ทั้งขยันขนาดนี้ทำไมจะสู้ไม่ได้ ผมว่าเฉิงหยางก็ไม่เลว เขาเหมือนจะสนใจพี่อยู่นะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กั๋วต้งอย่ามัวทำเป็นปากไม่ตรงกับใจอยู่เลยค่ะ ช้าไปอีกนิดจะไม่มีคนให้แต่งด้วยแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)