ตอนที่ 1880 ถังเหยียนผู้ลึกลับ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

‘ปัง!’

ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย เขาใช้เงาผีอนันต์ออกมาฟาดฟันดาบลงในทันที

หนึ่งดาบนี้มันกลับฟาดฟันร่างของจ่าวมินจนปลิวลอยไป

‘อั้ก!’

จ่าวมินที่ถูกดาบนี้เข้าไปต้องรับบาดเจ็บอย่างสาหัส ได้แต่ไอกระอักเลือดออกมา

เงาผีอนันต์ของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมันรุนแรงจนแม้แต่เฉียวหยวนและอายเมิงร่วมมือกันยังรับไว้ไม่ได้ แล้วมีหรือที่จ่าวมินคนเดียวนี้จะสามารถรับมันไว้ได้?

“ฮ่าๆ! จ่าวมินเจ้าสมองเพี้ยนไปแล้วหรือ? ไม่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าแต่เจ้ากลับกล้าคิดท้าทายเย่หยวน?” เมื่อเฉียวหยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นมา

พวกเขาทั้งสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจนี้ยังไม่กล้าที่จะร่วมมือกันจัดการผีเทพสวรรค์ขวังต้าวลง

ตอนนี้จ่าวมินที่ตัวคนเดียวไม่มีใครคอยช่วยเหลือกลับคิดใช้ชื่อยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างมาข่มขู่เย่หยวน เขาคิดจริงๆ หรือว่าเย่หยวนจะเป็นคนหัวอ่อนยอมใครง่ายๆ เช่นนั้น?

เมื่อเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจราวกับว่าหัวใจจะเต้นหลุดออกจากปาก

นี่คือยอดฝีมือเทพสวรรค์ แต่เย่หยวนกลับสามารถซัดร่างของเขาจนลอยปลิวได้ด้วยดาบเดียว

และที่มันจบแค่นี้ก็เป็นเพียงแค่เพราะมิติมันไม่เสถียรพอ ไม่เช่นนั้นเย่หยวนคงได้ฆ่าสังหารผู้คนไปแล้ว

แต่แค่การโจมตีนี้มันก็ได้สร้างความบาดเจ็บให้แก่จ่าวมินอย่างสาหัส

จ่าวมินนั้นพยายามลุกคลานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดำมืดเป็นก้นหม้อ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บหรือเพราะความอับอายที่เขาได้รับ

“ใครที่มาที่นี่ต่างคิดหมายจะครอบครองสมบัติแต่เจ้ากลับเอาชื่อยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างมาข่มขู่ข้า? ข้าว่าเจ้าคงลืมสมองไว้ที่บ้านเสียแล้วกระมัง?” เย่หยวนเย้ย

“จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี!” จ่าวมินได้แต่กัดฟันพูดไป

ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ผู้ที่กุมอำนาจเหนือล้นนั้นมิใช่เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเป็นแต่เย่หยวน นักยุทธ์นภาสวรรค์สามดาวคนนี้!

เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมีพลังเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ อย่างมาก

และผีเทพสวรรค์ขวังต้าวคนนี้ก็รับคำสั่งของเย่หยวนอย่างไม่คิดบิดพลิ้ว!

จ่าวมิน หนึ่งในยอดฝีมือจากยอดค่ายสำนักนี้แสดงท่าทางโอหังเช่นนั้นออกมาเพราะมันเป็นท่าทางที่เขาแสดงออกมาอยู่ทุกวัน

เพราะเรื่องที่เย่หยวนมีกับจีคังและฉูชิง เขาเองก็ได้เห็นและคิดว่ามันคือการลบหลู่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างไม่น้อย ทำให้สุดท้ายเขาพูดกล่าวคำข่มขู่เหล่านั้นออกมา

เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่คาดฝันว่าเย่หยวนจะลงมือคิดสังหารออกมาในทันทีที่เกิดการถกเถียงขึ้น

คำพูดและการกระทำของเย่หยวนนี้มันไม่ได้เหมือนผู้น้อยหนุ่มสาวเลย มันเป็นท่าทางที่ยอดคนผู้ปกครองดินแดนจะแสดงออกมา

“หึ ในเมื่อเจ้าสองขี้ขลาดนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว เราก็คงพูดจาเรื่องการเข้าวังสวรรค์นิรันดร์กันต่อแล้วได้ใช่ไหม?”

คำพูดเหล่านี้เฉียวหยวนบอกแก่เย่หยวน

เพราะตอนนี้เย่หยวนเป็นคนที่ถือสิทธิ์ในการพูดมากที่สุด

เย่หยวนตอบกลับไปง่ายๆ “เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า หากเจ้ามีปัญญาก็เข้าไปเอาสมบัติเสีย หากไม่มีปัญญาก็รอคอยอยู่ด้านนอกไป! ผู้อาวุโสขวังต้าว ไปกัน!”

พูดจบเย่หยวนก็พาผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเดินเข้าไปในค่ายกลปิดกั้น

นั่นทำให้เฉียวหยวนต้องเบิกตากว้าง เด็กคนนี้มันช่างกล้าถึงกับคิดเดินเข้าไปง่ายๆ เช่นนั้น มันไม่กลัวตายบ้างหรือ?

“หึ! เจ้าโง่เง่า!” เมื่อจ่าวมินเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะว่าด่าออกมา

ในขณะเดียวกันในหัวใจของเขาก็ได้แต่สวดภาวนาให้เย่หยวนถูกพลังปิดกั้นนั้นทำลายให้แหลกเป็นชิ้นๆ ไป

แต่ทว่าเขากลับคิดผิด

เพราะหลังจากเย่หยวนเดินไปถึงขอบของพลังปิดกั้น พลังปิดกั้นนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แสดงออกมาเลย!

เขาแค่ขยับตัวนิดหน่อยมันก็เดินเข้าไปถึงประตูหน้าวังได้ทันที

‘เอี้ยด’

ประตูนั้นถูกเย่หยวนเปิดออก

นั่นทำให้เฉียวหยวนต้องร้องตะโกนออกมาราวกับคนคลั่ง “ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันรู้จุดของพลังปิดกั้น! ให้ตาย!”

“จะปล่อยมันเข้าไปไม่ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วสมบัติภายในคงถูกมันกวาดไปจนเกลี้ยงแน่!” จ่าวมินร้องขึ้นตาม

เย่หยวนหันกลับมายิ้มให้ทุกผู้คน “พวกเจ้าตามสบายเถอะ ไม่ต้องรีบ ข้าจะขอเข้าไปดูเส้นทางข้างในก่อน”

พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในวังสวรรค์นิรันดร์ทันที

“นี่มัน… จะทำอย่างไรต่อดี? เฒ่าจอมเทพนิรันดร์มันวางเขตปิดกั้นไว้อย่างทรงพลัง ด้วยพลังฝีมือของพวกเราทั้งหลายการจะฝ่าเข้าไปมันคงไม่ง่ายแน่!” อายเมิงร้องบอก

คนอื่นๆ เองก็แสดงสีหน้าท่าทางสิ้นหวังออกมา ไม่คิดไม่ฝันว่าในวินาทีสุดท้ายพวกเขาทั้งหลายกลับถูกเย่หยวนแย่งชิงตัดหน้าไป

ในเวลาที่พวกเขาทั้งหลายต่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร เย่หยวนกลับเดินผ่านเข้าไปหน้าตาเฉย

“ทุกท่าน ข้าคิดว่าข้าสามารถพาพวกท่านทั้งหลายเข้าไปได้” ระหว่างที่ทุกผู้คนกำลังหมดหวังก็ได้ยินเสียงสวรรค์หนึ่งดังขึ้น

เมื่อมองไปทางต้นเสียงเขาก็พบว่าผู้พูดเป็นเด็กหนุ่มนภาสวรรค์คนหนึ่ง

“เจ้า? เจ้าแน่ใจว่าทำได้อย่างนั้นเหรอ?” จ่าวมินถามขึ้นด้วยความสงสัย

ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับมา “ข้าไปให้ดูก่อนก็ได้”

ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันและเป็นเฉียวหยวนก็กล่าวขึ้น “ได้! เจ้าลองไป!”

ชายหนุ่มคนนี้ค่อยๆ เดินออกไปด้านหน้าอย่างช้าเชื่องเหมือนกำลังออกมาเดินเล่นในสวน และสุดท้ายก็เดินไปกลับได้จริงๆ

เว้นเสียแต่ว่าความเร็วในการเดินของเขานั้นมันต่ำกว่าเย่หยวนอย่างเทียบกันไม่ติด

เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้ากันทันที

ไม่มีใครคิดฝันว่าเด็กหนุ่มนภาสวรรค์คนหนึ่งกลับจะสามารถฝ่าพลังปิดกั้นอันลึกล้ำนี้เข้าไปได้

เฉียวหยวนเบิกตาขึ้นกว้างด้วยความพอใจ “เจ้ามีนามว่า?”

ชายหนุ่มตอบกลับ “ถังเหยียน”

แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือถังเหยียนนั่นเอง!

แม้แต่เย่หยวนก็คงยังไม่อาจคาดคิดถึงว่าในที่แห่งนี้จะยังมีคนที่สามารถผ่านเขตแดนพลังปิดกั้นนี้เข้าไปได้

“ฮ่าๆ สวรรค์มีตาเสียจริงๆ! เอาล่ะ รีบนำทางเข้าไป!” เฉียวหยวนบอกขึ้นด้วยท่าทางรีบร้อย

แต่ถังเหยียนกลับยิ้มออกมา “ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ถังเหยียนคนนี้ไม่มีพลังฝีมืออื่นแต่พอรู้วิชาเขตแดนปิดกั้นอยู่บ้าง แต่ทว่าผู้น้อยคนนี้มีเรื่องจะขอ”

นั่นทำให้เฉียวหยวนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขากลับไปสู่สภาวะปกติและถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ว่ามา!”

เพราะถึงเวลานี้แล้วหากถังเหยียนไม่ขออะไรเลยมันคงจะดูแปลกเสียมากกว่า

ถังเหยียนยิ้ม “ผู้อาวุโสต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องข้าให้พ้นภัยออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ พวกท่านทั้งหลายต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ด้วย! อย่าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าเลย ด้วยความสามารถของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์มันยังไม่แน่เลยว่าด้านหน้านี้จะมีอะไรรอเราอยู่อีก ข้านั้นแค่ต้องการความปลอดภัย เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายท่านไม่มีเสียมีแต่จะได้ แต่ตอนนี้ผู้น้อยนั้นมีความหวังแค่อย่างเดียวคืออยากกลับออกไปอย่างปลอดภัยก็เท่านั้น”

นั่นทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายหันมองหน้ากันก่อนจะยอมรับข้อเสนอของถังเหยียนอย่างรวดเร็ว

เพราะอย่างที่ถังเหยียนว่า เขตแดนพลังปิดกั้นของจอมเทพนิรันดร์นี้มันช่างแสนที่จะทรงพลัง

แถมที่แห่งนี้ยังเป็นรังของจอมเทพนิรันดร์ ภายในจะมีเขตแดนเช่นใดรออยู่อีกมันก็ไม่มีทางทราบได้เลย

แต่เมื่อมีถังเหยียนไปด้วย เรื่องราวมันก็อาจจะไม่เป็นทางตันเสียทีเดียว

หลังจากสาบานต่อเต่าสวรรค์แล้วถงเหยียนก็ได้พาทุกคนเข้าไปยังวังสวรรค์นิรันดร์

หลังจากเข้ามาภายในวังสวรรค์นิรันดร์ได้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “หึ เจ้าโง่พวกนั้นมันจะทราบได้อย่างไรว่านายน้อยคือผู้สืบทอดของท่านจอมเทพนิรันดร์? เท่านี้พวกมันก็คงได้แต่นั่งรออยู่ภายนอกแล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น!”

ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวหน้าถอดสีและถามขึ้น “นายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”

เย่หยวนบอก “จอมเทพนิรันดร์นั้นได้วางเรื่องราวอย่างใหญ่โตเช่นนี้ มันก็เพื่อที่จะล่อคนทั้งหลายนี้มา ตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้งหลายมาถึงหน้าประตูวังแล้วมีหรือที่จะถูกปิดประตูไล่ใส่หน้าได้?”

นั่นทำให้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวแสดงท่าทางคิดหนักออกมา “นี่มัน… ท่านจอมเทพนิรันดร์ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?”

เย่หยวนหัวเราะขึ้น “เรื่องนั้นคงต้องไปถามเขาเอาเองแล้ว! ไม่ว่าอย่างไรเสียมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่! หืม?”

จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนึ่งออกมาจากโถงบัลลังก์ม่วง

แค่ชั่วพริบตานั้นเขาก็ได้เห็นตงน้อยที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมเจ้าหมูสมบัติในอ้อมอก

‘อู๊ดๆ’ เจ้าหมูสมบัติหันมาร้องใส่เย่หยวน

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยิ้มขึ้น “ได้ ข้าจะตามเจ้าไป!”

ตงน้อยเองจึงปล่อยมือ ปล่อยให้เจ้าหมูสมบัติได้วิ่งนำทางเข้าไปยังส่วนลึกของโถงอย่างรวดเร็ว

…………………………