ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 27 จุดจบของเหล่าแม่ทัพเทพ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ในบรรดาผู้นำทั้งห้าเผ่า มีเพียงผู้นำสามตาเท่านั้นที่ยังฝืนครองสติไว้ได้เล็กน้อย แต่เขารู้สึกเหมือนร่างกายตนได้จมดิ่งลงไปในน้ำวนขนาดมหึมา ด้านล่างของน้ำวนก็คือโลกที่ทำให้เขาจมดิ่งลงไป เขาคิดอยากจะจมดิ่งลงไปโดยไม่ต่อต้านมากเพียงไหนกัน! แต่ปัญญาก็บอกเขาว่า…หากจมดิ่งลงไป เขาจะต้องจบเห่ ความเป็นความตายก็มีเขาเป็นผู้ควบคุมแล้ว

 

เขาพยายามดิ้นรนสุดแรง แต่ก็ครองสติไว้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่ความเร็วในการบินเหินไปก็ยังช้ามาก เนื่องจากที่นี่คือโลกแสงดาว รอบด้านจึงมีแสงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดกดดันเอาไว้ก่อนแล้ว จึงมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้

 

ค่อยๆ บินไปหรือ

 

“ฟิ้ว” ฝ่ามือแสงดาวขนาดมหึมาปกคลุมลงมา แล้วคว้าผู้นำสามตาเอาไว้ได้ในคราวเดียว และจับผู้นำอีกสี่คนที่เหลือเอาไว้ได้ด้วย

 

ยามนี้ ผู้นำสามตาอ่อนแอเสียจนหากส่งระดับอ๋องมาคนหนึ่งก็เกรงว่าคงจะสามารถกดดันเขาได้แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘ประมุขแสงดาว’ ซึ่งมีพลังของโลกบ้านเกิดส่งเสริม ก็ไร้แรงตอบโต้อย่างแท้จริง

 

“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน” แม่ทัพเทพโครงกระดูก แม่ทัพเทพควันวายุและแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาทั้งสามคนงงงันไปหมด

 

สวรรค์!

 

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!

 

ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านจนมึนงงไปหมด! เนื่องจากพวกเขารู้ดีมากว่า ระดับอ๋องที่ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ เป็นการก้าวข้ามระดับขั้นหนึ่ง วิญญาณวิวัฒน์ไปอย่างชัดเจนมาก แต่ในระดับจักรพรรดิ แม้พลังจะค่อยๆ ยกระดับขึ้น แต่วิญญาณก็มิได้ยกระดับมากมายอะไรนัก ต่อให้เป็นเหล่ายอดเคารพที่เป็น ‘ระดับจักรพรรดิครบสมบูรณ์’ หากพูดถึงวิญญาณ ก็แข็งแกร่งกว่าผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างมากก็ทางด้านปณิธานก็เท่านั้นเอง

 

เพราะถึงอย่างไรผู้ที่สามารถสำเร็จเป็นยอดเคารพได้ ปณิธานก็ต้องเยี่ยมยอดมากเป็นธรรมดา

 

“ไม่ดีแล้ว” แม่ทัพเทพโครงกระดูก แม่ทัพเทพควันวายุและแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาเห็นฝ่ามือแสงดาวขนาดมหึมาที่ประมุขแสงดาวสำแดงออกมาคว้าตัวผู้นำทั้งห้าเผ่าเอาไว้ได้ในรวดเดียว จึงได้สติกลับคืนมาจากความตกตะลึง

 

แต่ระดับพวกเขาแล้ว ลงมือได้รวดเร็วเพียงใด

 

เมื่อพวกเขาได้สติกลับคืนมา ผู้นำทั้งห้าเผ่าก็ถูกจับตัวไปเสียแล้ว

 

“ทำเช่นไรดี”

 

“จะสู้หรือไม่สู้”

 

พวกแม่ทัพเทพโครงกระดูกทั้งสามคนลังเลขึ้นมาทันที

 

พวกเขาก็เป็นเพียงระดับจักรพรรดิเท่านั้น ผู้นำสี่คนจากห้าเผ่าล้มลงทันที ยังมีคนหนึ่งที่ยังพอจะครองสติเอาไว้ได้ พลังก็อ่อนแอเสียจนสามารถมองข้ามไปได้! พวกเขาสามแม่ทัพเทพเผชิญหน้ากับกระบวนท่าทางด้านวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้จะเป็นอย่างไรกัน วิญญาณของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้นำทั้งห้าเผ่าอยู่บ้าง ทางด้านปณิธานก็อาจจะได้เปรียบกว่าอยู่บ้าง

 

แต่จากที่คาดการณ์ ต่อให้ไม่ล้มลง ก็เชื่อว่าพลังจะต้องเสียหายเป็นอย่างมากอยู่ดี!

 

“จ้าวหิมะเหินผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน แต่ไหรแต่ไรไม่เคยมีมาก่อน! ไม่เคยมีกระบวนท่าทางด้านวิญญาณที่ระดับจักรพรรดิต้านทานมิได้มาก่อนเลย” พวกแม่ทัพเทพโครงกระดูกทั้งสามคนต่างมองไปทางหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่อยู่ไกลออกไป ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด

 

ลำพังแค่กระบวนท่าเดียว

 

ก็ทำให้สามแม่ทัพเทพซึ่งเดิมทีมั่นใจเต็มเปี่ยมจิตใจวุ่นวายไปหมด เดิมทีพวกเขาดูแคลนผู้บำเพ็ญทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา แต่ในยามนี้ ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นนี้แล้ว

 

“พวกเรารีบไปกันเถอะ ผู้นำทั้งห้าเผ่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอจะฝืนครองสติไว้ได้ เชื่อว่าพลังอย่างพวกเราก็คงจะครองสติไว้ได้ แต่เกรงว่าพลังคงจะต้องลดลงเป็นอย่างมาก! พี่รอง หลังจากพลังของท่านเสียหายเป้นอย่างมาก ก็เกรงว่าคงจะแค่ทัดเทียมกับประมุขแสงดาวเท่านั้น ส่วนข้าและน้องสาวก็เกรงว่าคงจะมิอาจเอาชนะการล้อมโจมตีด้วยค่ายกลรบของผู้อาวุโสกลุ่มนั้นได้เป็นแน่” แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาถ่ายเสียงพูดอย่างร้อนรน

 

“อย่าแตกตื่นไป คนสามตาผู้นั้นยังสามารถครองสติเอาไว้ได้ พวกเราไม่จำเป็นต้องกลับไปหรอก พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะดูสิว่าที่แท้แล้วกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหินผู้นี้จะร้ายกาจสักแค่ไหนกัน” แม่ทัพเทพโครงกระดูกถ่ายเสียงกำชับ

 

ถึงอย่างไรแม่ทัพเทพโครงกระดูกก็เป็นถึงแม่ทัพเทพอันดับสองของแม่ทัพเทพทั้งสามสิบหกนาย

 

ต่อให้ทอดสายตามองไปทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ก็ยังนับได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดยอด เมื่อเขาเผชิญหน้ากับพวกจักรพรรดิเป่ยเหอก็ไม่เคยหนีโดยที่ไม่สู้มาก่อนเลย!

 

“เอาล่ะ พี่รอง ด้วยพลังของท่าน คิดจะสู้ก็สู้ได้ คิดจะไปก็ไปได้ พวกเขาจะต้องต้านทานเอาไว้ไม่ได้แน่ ข้ากับน้องสาวขอตัวล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่งนะขอรับ” แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาถ่ายเสียงพูด

 

“พี่รองระวังด้วย” แม่ทัพเทพควันวายุก็ถ่ายเสียงพูดเช่นกัน

 

สวบๆ พวกเขาทั้งสองหนีไปทันที

 

“หนีรึ”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเรียบเฉยยิ้มออกมา เขตลวงโลกเทียมพลันขยายตัวและแผ่กำจายออกไป ต้องรู้ไว้ว่า ในเกาะลอยคว้าง เขตลวงโลกเทียมของเขาประสบกับการกดดันก็ยังสามารถคงขอบเขตเอาไว้ได้สามร้อยล้านลี้ เมื่ออยู่ในโลกชนพื้นเมืองนี้ไม่มีการกดดันอันใด เพียงชั่วความคิดเดียว เขตลวงโลกเทียมของเขาก็สามารถปกคลุมไปได้กว่าครึ่งค่อนโลก ภายใต้การสาดส่องของแสงดาวอันไร้ที่สิ้นสุด แม่ทัพเทพควันวายุและแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาก็ทำได้เพียงทะยานหนีไปด้วยความเร็วสูงเท่านั้น ไหนเลยจะหนีออกจากขอบเขตของโลกเขตลวงได้

 

“ตู้มมม…”

 

เขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมแม่ทัพเทพควันวายุ แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาและแม่ทัพเทพโครงกระดูกเอาไว้ทันที

 

สายตาของแม่ทัพเทพควันวายุดูลุ่มหลง เพียงพริบตาเดียวก็จมดิ่งลงไปเสียแล้ว!

 

“ไม่ดีแล้ว” แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมาพลางขบกรามกรอด นัยน์ตาถึงขั้นฉายแววสิ้นหวังออกมา! เมื่อเผชิญหน้ากับการชักจูงของเขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง จึงรู้ว่าน่าเกรงกลัวเพียงใด แม่ทัพเทพเขมือบเมฆารู้ว่า พวกเขายังคงประเมินจ้าวหิมะเหินผู้นั้นต่ำไป ยามนี้ แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาเหลือพลังราวหนึ่งส่วนเท่านั้น และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้กายหยาบของเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง

 

สิ่งที่เผ่าชนพื้นเมืองบำเพ็ญก็คือสายเลือด เมื่อสายเลือดแตกต่างกัน พลังก็แตกต่างกัน บางคนกายหยาบแข็งแกร่งเป็นพิเศษ บางคนถนัดการควบคุมสายฟ้า เป็นต้น

 

แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาสามารถครองสติเอาไว้ได้สายหนึ่ง แม้จะสามารถสำแดงพลังออกมาได้ส่วนหนึ่ง แต่ว่า…

 

“ฟิ้ว”

 

ฝ่ามือหนึ่งของประมุขแสงดาวกลับคว้าไปทางแม่ทัพเทพโครงกระดูก อีกมือหนึ่งคว้าไปทางแม่ทัพเทพเขมือบเมฆา

 

“จ้าวหิมะเหิน!” แม่ทัพเทพโครงกระดูกแผดเสียงคำราม มือทั้งสองต่างกุมดาบรบเล่มหนึ่งเอาไว้ แล้วฟาดฟันไปทางประมุขแสงดาวอย่างดุเดือด ปัง…ฝ่ามือมหึมาของประมุขแสงดาวกวัดแกว่งแล้วตะปบลงไป   กระบวนท่าที่แม่ทัพเทพโครงกระดูกสำแดงออกมาขณะกำลังต้านทานการรบกวนของเขตลวงอันน่าหวาดหวั่น เมื่ออยู่ภายใต้ฝ่ามือแสงดาวก็ยังคงกระจัดกระจายไปอยู่ดี เขาถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป

 

ฟิ้ว

 

อีกมือหนึ่งปะทะเข้ากับแม่ทัพเทพเขมือบเมฆา แม่ทัพเทพเขมือบเมฆากลับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักโลหิตออกมาทันที ขณะเดียวกัน เหล่ายอดฝีมือระดับยอดในบรรดาผู้อาวุโสเผ่าแสงดาวก็รวมตัวกันขึ้นเป็นค่ายกลรบ แต่ละคนก็บุกสังหารออกมา พวกเขารวมตัวกันเป็นค่ายกลรบ ก็สามารถเทียบกับผู้ที่เพิ่งจะเข้าสู่ระดับจักรพรรดิได้ หากเป็นยามปกติ ต่อให้รวมตัวกันเป็นค่ายกลรบ ไหนเลยจะมีคุณสมบัติพอจะประมือกับแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาได้ แต่บัดนี้ค่ายกลรบของพวกเขาก็สามารถโจมตีแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาได้เช่นกัน!

 

ทั้งยังมีฝ่ามืออันน่าหวาดหวั่นของประมุขแสงดาวด้วย

 

ปังๆๆ เพียงชั่วพริบตาเดียว แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาก็ถูกฝ่ามือมหึมาคว้าเอาไว้และพันธนาการไว้ได้ในฝ่ามือเดียว

 

“สมควรตาย” แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาโศกเศร้าหาใดเปรียบ หากมิได้รับผลกระทบ ประมุขแสงดาวอาศัยพลังของโลกบ้านเกิดก็เพียงแค่ทัดเทียบกับเขาเท่านั้น แต่บัดนี้พลังของเขาลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังประสบกับการลอบโจมตี แม่ทัพเทพผู้องอาจถูกจับไปทั้งเป็นเสียนี่

 

ส่วนแม่ทัพเทพควันวายุน้องสาวเขาน่ะหรือ แม่ทัพเทพควันวายุที่ตกเข้าสู่ห้วงนิทราถูกจับไปทั้งเป็นตั้งนานแล้ว

 

“ตู้ม ตู้ม ตู้ม…”

 

แม่ทัพเทพโครงกระดูกผู้นั้นกราดเกรี้ยวผิดธรรมดา แล้วถือดาบรบคู่หนึ่งเอาไว้

 

อานุภาพแผ่ไปทั่วสารทิศ ทำเอาค่ายกลรบแต่ละแห่งต้องถอยหลังไป มีเพียงประมุขแสงดาวเท่านั้นที่สามารถกดดันเขาได้ แต่ข้อได้เปรียบระดับนี้ก็ยังไม่สามารถทำร้ายแม่ทัพเทพโครงกระดูกได้ ช่วยไม่ได้ กายหยาบของแม่ทัพเทพโครงกระดูกแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! แม้จะประสบกับผลกระทบของกระบวนท่าเขตลวง แต่กายหยาบของเขาก็มิได้อ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อย

 

“กายหยาบของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก เกรงว่ายังคงรักษาพลังเอาไว้ได้สามส่วน” ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงให้ตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าอาศัยพลังของโลกบ้านเกิด ยามนี้พลังของเขายังคงเป็นหกเจ็ดส่วนของข้า ข้าจับตัวเขาเอาไว้มิได้ กายหยาบของเขาแข็งแกร่งเกินไป ข้าทำร้ายเขามิได้เลย”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็ตกตะลึงไป

 

นี่เป็นพลังเพียงสามส่วนเท่านั้นเองน่ะหรือ

 

หากพลังฟื้นคืนมาทั้งหมด แม่ทัพเทพโครงกระดูกก็จะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซี่ยและราชันย์อนธการอมตะอยู่ขุมใหญ่! ทว่าบรรดาผู้บำเพ็ญมีกระบวนท่าแปลกพิสดาร พวกจักรพรรดิเซี่ยมิอาจเอาชนะได้ การรักษาชีวิตก็ไม่มีปัญหา

 

“จ้าวหิมะเหิน ดีมาก ดีมาก ข้าจำเจ้าเอาไว้แล้ว” แม่ทัพเทพโครงกระดูกที่อยู่ไกลออกไปแผดเสียงคำราม เขาถูกประมุขแสงดาวกดดันเอาไว้อย่างสิ้นเชิงจนมิอาจพุ่งเข้าไปในนครแสงดาวได้ ทำได้เพียงเริ่มจากไปและแผดเสียงอย่างไม่ยอมจำนนออกมาเท่านั้น

 

อดสู

 

โมโห

 

ไม่ยอมจำนน!

 

เขา แม่ทัพเทพโครงกระดูก ต่อให้เป็นจักรพรรดิเป่ยเหอก็ยังเกรงอกเกรงใจเขาเป็นอันมาก ครั้งนี้กลับต้องมาสะดุดด้วยน้ำมือของผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาคนหนึ่งเสียนี่! แม้ตัวเขาเองจะสามารถหนีรอดไปได้ แต่เขาก็นำผู้ใต้บังคับบัญชามาด้วย ผู้นำทั้งห้าเผ่าและแม่ทัพเทพอีกสองคนถูกจับตัวไปหมดแล้ว นี่คือความอดสูของเขา แม่ทัพเทพโครงกระดูก!

 

ขณะเดียวกัน…

 

แม่ทัพเทพโครงกระดูกก็ถ่ายเสียงให้จักรพรรดิเป่ยเหอ “องค์จักรพรรดิ! ผู้นำทั้งห้าเผ่า แม่ทัพเทพควันวายุและแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาถูกเผ่าแสงดาวจับตัวไปทั้งเป็นหมดแล้วขอรับ!”

 

 

…………………………