ตอนที่ 1447 คำสัญญาที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ โดย Ink Stone_Fantasy
ภายในห้องรับรองในปราสาท โรแลนด์มองดูชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ
เขานั่งอยู่บนรถเข็น ผมบนหัวเป็นสีเทาขาว แก้มสองข้างซูบผอม รอยย่นบนหน้าผากนูนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าอยู่ในช่วงบั้นปลายของชีวิตแล้ว แต่เมื่อเทียบกับอายุแล้ว ดวงตาเขากลับยังเป็นประกายและมีชีวิตชีวา แว่นตาข้างเดียวที่ตั้งอยู่บนปลายจมูกและหูกระต่ายสีดำที่ผูกอยู่ตรงคอยิ่งทำให้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกับที่โรแลนด์มองดูเขา เขาก็มองดูโรแลนด์เหมือนกัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โรแลนด์จึงพูดทำลายความเงียบและฉีกยิ้มเล็กน้อย “การเชิญเจ้ามาจากอาณาจักรดอว์นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงของเกรย์คาสเซิล คุณแบร์ริช โลธา เดินทางเหนื่อยหน่อยนะ”
“การได้รับคำเชิญจากราชาแห่งเกรย์คาสเซิลนับเป็นเกียรติของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ….” อีกฝ่ายก้มศีรษะลงเล็กน้อย “เพียงแต่ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงเรียกกระหม่อมมา มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าทำเพื่อเกรย์คาสเซิลมามากแล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ”
“กระหม่อม?” เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเข้าพระทัยอะไรผิดหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
คนปกติทั่วไปเมื่ออายุปูนนี้ ความเร็วในการคิดอ่านจะถดถอยลงอย่างมาก ทำให้คำพูดคำจาดูติดๆ ขัดๆ แต่แบร์ริชไม่เพียงแต่จะพูดตอบโต้ออกมาได้ในทันที แต่เขายังควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อแสร้งทำสีหน้าออกมาได้ด้วย นี่เพียงพอจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหัวสมองของเขานั้นไม่เคยหยุดคิดเลย เมื่อเทียบกับร่างกายที่แก่ลงทุกวันแล้ว สติสัมปชัญญะของเขาเหมือนจะสะท้อนสภาพของร่างกายของเขาออกมาได้ดีกว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความกังวล แต่ว่าขอเจ้าโปรดวางใจ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อแบล็คมันนี่” โรแลนด์พูดพร้อมผายมือ “ ‘ท่านเทพ’ ที่เอาข่าวไปแจ้งให้เจ้าก็เป็นคนของเนเวอร์วินเทอร์ ความจริงแล้วเป็นข้าเองที่ให้พวกนางส่งข่าวออกไป”
จากที่พาซาร์บอกมา ให้ใช้ข้ออ้างว่าถึงเวลาทำพิธีเปลี่ยนร่างในการเรียกแบร์ริชมายังเกรย์คาสเซิล หลังระบุตัวเป้าหมายได้แล้วก็ให้ส่งคนไปพาตัวเขามาที่ปราสาท ถึงแม้การทำแบบนี้จะค่อนข้างหยาบคายไปหน่อย แต่มันก็ตรงไปตรงมา
“ฝ่าบาท…กระหม่อมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของพระองค์…”
“ไม่เป็นไร ข้าจะพูดจนกว่าเจ้าจะเข้าใจ — นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนอย่างมาก แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง” โรแลนด์เล่าเรื่องในอดีตของแม่มดโบราณออกมาคร่าวๆ แล้วก็เล่าว่าแท้ที่จริงแล้วพิธีเปลี่ยนร่างทหารอาญาสิทธิ์มันคืออะไร ภาชนะที่บรรจุวิญญาณจะรับเพียงจิตสำนึกของคนที่มีพลังเวทมนตร์เท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือคนที่ไม่มีพลังเวทมนตร์จะเป็นได้แค่ร่างเปลือก
ในอีกแง่หนึ่งการกลายเป็นร่างเปลือกที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองนั้นก็สอดคล้องกับคำพูดของแม่มดโบราณที่บอกว่าจะยืดอายุขัยให้ ถ้าหากแบล็คมันนี่เป็นแค่สมาคมใต้ดินธรรมดาทั่วไป เขาคงไม่สนใจอะไรมากนัก แต่ในศึกป้องกันกองทัพตะวันตกของปีศาจ แบล็คมันนี่ได้ทำความดีความชอบเอาไว้อย่างมาก พวกเขาไม่เพียงแต่จะช่วยกองทัพที่หนึ่งในการตั้งเครือข่ายข่าวสารขึ้นมาในเขตพื้นที่สู้รบของวูล์ฟฮาร์ทกับอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่พวกเขายังส่งข่าวสารสำคัญๆ ออกมาหลายครั้ง ซึ่งช่วยเติมเต็มช่องว่างการสอดแนมภายในเขตพื้นที่หมอกแดงแทนแม่มด
บางทีการที่แบร์ริชทำเช่นนี้อาจจะไม่ได้ทำเพื่อช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ด้วยกันเอง แต่ความดีความชอบของเขานั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ โรแลนด์ไม่คิดว่าการเปลี่ยนคนที่มีความดีความชอบให้กลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้จิตใจจะเป็นรางวัลที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจนัดพบกับอีกฝ่าย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แบร์ริชจึงค่อยๆ ถอดแว่นตาออก ลำคอของเขาสั่นขึ้นมาเล็กน้อย “พระองค์ทรงหมายความว่าการมีชีวิตยืนยาวนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
โรแลนด์ถอนใจออกมาเบาๆ “เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว คนที่จะรักษาจิตสำนึกเอาไว้ไม่ให้แก่ได้จะต้องเป็นคนที่มีพลังเวทมนตร์ ซึ่งสำหรับมนุษย์แล้วนั่นก็คือแม่มด”
ต่อให้เป็นเขาซึ่งเป็นผู้บุกเบิกโลกแห่งความฝันก็ไม่มีทางที่จะสนใจภาชนะบรรจุวิญญาณพวกนั้นแน่นอน
“แต่ว่าหลังจากที่ดื่มยาพวกนั้นแล้ว ร่างกายของกระหม่อมดีขึ้นจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ—-”
“ยาพวกนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ มันสามารถดึงเอาความกระชุ่มกระชวยของร่างกายออกมาเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จในพิธีเปลี่ยนร่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มันต่อเนื่องไปตลอดได้” โรแลนด์ส่ายหัวพร้อมพูดตัดบท “ไม่นานผลข้างเคียงของมันก็จะปรากฏออกมา ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ข้ารีบเรียกเจ้ามาที่นี่”
แบร์ริชงุนงงไปครู่ “พระองค์ทรงหมายความว่า เวลาของหม่อมฉันเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้วงั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ…”
“ขอโทษด้วยนะ” โรแลนด์พูดอย่างเสียใจ “ข้าไม่สามารถทำให้คำสัญญานี้เป็นจริงได้ ข้าทำได้เพียงใช้วิธีอื่นมาชดเชยเท่านั้น แบล็คมันนี่เคยปกป้องแม่มด แล้วก็ทำความดีความชอบในสงครามแห่งโชคชะตา ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็พูดออกมาได้เลย นี่ถือเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าควรจะได้รับ”
ไนติงเกลเคยถามเขาว่าทำไมถึงไม่ให้พวกพาซาร์เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ถ้าหากใช้สถานะของราชาออกหน้า อย่างนั้นมันก็เท่ากับเป็นการเอาผลของการหลอกลวงนี้โยนมาให้เกรย์คาสเซิล
ความคิดของเธอก็ไม่ใช่ว่าผิด เพียงแต่โรแลนด์รู้ดีว่าในเมื่อเกรย์คาสเซิลได้รับเอาแม่มดทาคิลามาแล้ว อย่างนั้นเกรย์คาสเซิลก็ไม่สามารถรับเอาแต่ประโยชน์ที่พวกนางนำมาให้ได้ ความผิดพลาดของพวกนาง ทางเกรย์คาสเซิลก็ควรจะเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน
“…..” แบร์ริชนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ “ถึงแม้จะเป็นเรื่องของอาณาจักรดอว์น พระองค์ก็ทรงจัดการได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าน่าจะรู้ถึงอิทธิพลของข้าในอาณาจักรดอว์นนี่นา”
“อย่างนั้นกระหม่อมก็สบายใจแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ” นี่เหนือไปจากที่โรแลนด์คิดเอาไว้ อีกฝ่ายไม่ได้แสดงสีท่าทีผิดหวังหรือแสดงอารมณ์เสียใจออกมา ในทางกลับกัน เขากลับยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “ที่กระหม่อมอยากจะมีชีวิตอยู่นานกว่านี้ก็เพราะต้องการปกป้องแบล็คมันนี่เอาไว้ให้ลูกๆ ของกระหม่อม ถ้ากระหม่อมตายไป ขุนนางพ่อค้าคนอื่นๆ จะต้องฉวยโอกาสนี้มารุมทึ้งมันแน่ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ชีวิตคนสองสามชีวิตก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย ถ้าหากฝ่าบาททรงยินดีเข้ามาช่วยเหลือ กระหม่อมคิดว่าคงไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้าทำอะไรแน่นอน เผลอๆ นี่อาจจะดีกว่าการที่กระหม่อมมีชีวิตยืนยาวด้วยซ้ำ เช่นนี้แล้ว กระหม่อมยังมีอะไรให้ไม่พอใจอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
โรแลนด์นิ่งเงียบไปเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจนะว่านี่เป็นรางวัลที่เจ้าต้องการ?”
“ฝ่าบาท หรือว่า…ไม่ได้งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“มันก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้” เขาชะงักไปเล็กน้อย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินคือเรนโบว์สโตนบ้างไหม?”
“เคยได้ยินพ่ะย่ะค่ะ” แบร์ริชคิดเล็กน้อย “เหมือนจะเป็นธุรกิจขายเสื้อผ้าที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่นานในอาณาจักรของพระองค์ ขนาดของธุรกิจใหญ่มาก สินค้าบางอย่างก็ส่งไปขายยังอาณาจักรดอว์น แต่ขออภัยที่กระหม่อมทูลตามตรง ในเรื่องรูปแบบและการออกแบบมันยังสู้ของพวกกระหม่อมไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เพราะว่าคนงานที่วิคเตอร์หามาล้วนแต่เป็นคนของตระกูลโลธาน่ะสิ…ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ได้บอกพวกเจ้าด้วยว่าเสื้อผ้าในเมืองเนเวอร์วินเทอร์แบบนี้มีราคาต่ำกว่าเสื้อผ้าทอมือเจ้าอื่นๆ ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “เท่าที่ข้ารู้มา ผู้ก่อตั้งธุรกิจเสื้อผ้าอันนี้ชื่อว่าวิคเตอร์ โลธา แล้วก็เป็นลูกคนที่สี่ของเจ้า นอกจากนี้ตอนนี้รายได้ของธุรกิจเสื้อผ้าของเขานั้นมากกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองแล้ว เมื่อมีคนที่มีความสามารถแบบนี้อยู่ ข้าคิดว่าถือให้เกรย์คาสเซิลไม่เข้าไปยุ่งอะไร เขาก็คงไม่มีทางแพ้ให้กับตระกูลพ่อค้าเหล่านั้นง่ายๆ แน่”
เงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆ เลย ในอดีตเมืองเนเวอร์วินเทอร์มีแต่เครื่องดื่มยุ่งเหยิงเท่านั้นที่จะทำรายได้ขนาดนี้ได้ — เหตุผลนั้นง่ายมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ต้องการเครื่องดื่ม แต่ทุกคนล้วนแต่ต้องใส่เสื้อผ้า เมื่อจำนวนประชากรในเมืองเนเวอร์วินเทอร์เพิ่มขึ้น ขนาดของความต้องการพื้นฐานก็จะขยายตามขึ้นไปด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้าผลกำไรจำนวนมหาศาลที่เกิดจากอุตสาหกรรมที่สามารถคาดการณ์ได้ เงินที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจใต้ดินนั้นไม่มีทางที่จะเทียบได้เลย
ครั้งนี้แบร์ริชแสดงสีหน้าตกใจออกมาจริงๆ “ฝ่าบาท ที่พระองค์ตรัสมา…เป็นเรื่องจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ? หลังจากที่เขาออกมาจากเมืองกลอรี กระหม่อมก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย…กระหม่อมนึกว่าเขายังขายอัญมณีเหมือนอย่างก่อนหน้านี้…”
“ตอนนี้วิคเตอร์ก็อยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ถ้าเจ้าอยากจะเจอเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก จะจริงหรือไม่จริงก็ให้ตัวเจ้าเป็นคนพิสูจน์เองดีกว่า แต่ว่า…ต้องรีบหน่อยนะ”
“พ่ะย่ะค่ะ…กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แบร์ริชคว้าจับล้อรถเอาไว้ การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่าเขาคิดตัดสินใจออกมาแล้ว “อย่างนั้นกระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
โรแลนด์พยักหน้า ในขณะที่เตรียมจะเรียกองครักษ์ให้มาพาตัวเขาออกไปนั้น จู่ๆ แบร์ริชพลันพูดออกมาว่า “พระองค์ตรัสว่าเวลาของกระหม่อมเหลือไม่เท่าไรแล้ว อย่างนั้นทรงอนุญาตให้กระหม่อมได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายอยู่บนเกาะลอยฟ้าได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“….” โรแลนด์หลับตาลง “ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นล่ะก็”
หลังประตูปิด ไนติงเกลจึงเผยกายออกมา ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า”น่าแปลก…”
“ทำไมเหรอ?”
“ปฏิกิริยาของเขาในตอนแรกแปลกนิดหน่อย แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าพูดโกหก เพียงแต่ความรู้สึกที่หม่อมฉันสัมผัสได้จากพลังเวทมนตร์นั้นเลือนลางมาก มันไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนอย่างที่เขาแสดงออกมาเลย” ไนติงเกลยักไหล่
“อย่างนี้นี่เอง” โรแลนด์เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“พระองค์ทรงรู้เหตุผลหรือเพคะ?”
“อาจจะ” เขาผ่อนน้ำเสียงลง ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง “การมีชีวิตยืนยาวนั้นเต็มไปด้วยความเย้ายวน ถ้าหากสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ไม่เป็นอย่างที่หวัง ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางทำใจยอมรับมันได้ง่ายๆ หรอก”
“แต่ว่านั่นไม่ใช่คำพูดโกหก” ไนติงเกลพูดซ้ำอีกครั้ง
“เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ได้” โรแลนด์เหมือนทอดถอนใจ “ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่างนั้นก็จำเป็นต้องยอมรับมัน แทนที่จะโกรธแค้นและเป็นศัตรูกับราชาแห่งเกรย์คาสเซิล สู้แสร้งทำเป็นเปิดกว้างเพื่อสร้างความประทับใจดีกว่า พวกอารมณ์ที่ไม่จำเป็นนั้นมันจะกลายเป็นต้นทุนจม ข้าว่านี่น่าจะเป็นความคิดของเขาแหละ คนที่เข้าใจในจุดนี้นั้นมีอยู่ไม่น้อย แต่คนที่สามารถทำได้จริงๆ นั้นกลับมีอยู่แค่ไม่กี่คน…นี่ต่างหากนี่เป็นความยอดเยี่ยมของเขา”
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อค้าเหล่านี้ถึงได้ถูกมองเป็นขุนนางเวลาที่อยู่ในอาณาจักรดอว์น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตรงนี้ของเขาเรียกได้ว่าเหนือว่าขุนนางทั่วไปมาก
“ว่าแต่เจ้านั่นแหละ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ โรแลนด์ก็อดมองไม่ทางไนติงเกลไม่ได้ “ตอนนี้ไม่ใช่แค่การแยกแยะคำพูดว่าจริงหรือโกหกเท่านั้น แต่กระทั่งอารมณ์ที่อยู่ข้างในยังรับรู้ได้ด้วย เจ้าใกล้จะวิวัฒนาการแล้วใช่หรือเปล่า?”
“พระองค์คิดว่าหากหม่อมฉันวิวัฒนาการแล้ว หม่อมฉันจะจงใจไม่พูดหรือว่าถ่อมตัวอยู่แบบนี้หรือเปล่าเพคะ?” ไนติงเกลเหลือบตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
เอ่อ จะว่าไปมันก็ถูก
โรแลน์ปิดปากลงอย่างรู้งาน
………………………………………………