ตอนที่ 941 ความต้องการครอบครองอย่างสูง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ใช่แล้วจะทำไม?” กู้ไป๋อีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ในตอนนั้นเจ้าถูกยกย่องให้เป็นราชาเหมันต์ เป็นความหนาวเหน็บที่ไร้ความรู้สึก ไร้ปราณีและไม่มีเมตตาต่อใครทั้งนั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อผ่านไปสิบปีกลับมีคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมา!” มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเบา ๆ

“เจ้าว่า ถ้าหากว่าข้าจับตัวนางไปแล้วให้เจ้าคอยทำงานให้ข้า เจ้าคิดเห็นเช่นไร? ไหน ๆ เจ้าก็ใส่ใจนางเสียขนาดนี้”

แววตาของกู้ไป๋อีฉายแววอันเย็นยะเยือกออกมา “หลงฉือ เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก! เจ้าควรจะเข้าใจว่าการที่ข้าสามารถเข้ามาในที่แห่งนี้ได้เป็นหนที่สอง นั่นก็หมายความว่าข้าสามารถที่จะใช้พลังของร่างกายนี้ได้และไม่ถูกสะกดเอาไว้ แล้วพลังความสามารถของข้านั้นได้ไปถึงขั้นใดแล้ว เจ้าก็คงสามารถที่จะคาดเดาได้”

หลงฉือกล่าว “เวลาสิบกว่าปีมานี้ พรสวรรค์ของเจ้านั้นเพียงพอแล้วที่จะไปอย่างน้อยก็ถึงขั้นมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเต็มขั้น ดังนั้นข้าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องแมวเหมียวตัวน้อยของเจ้าไปหรอก”

เขากล่าวด้วยท่าทางสนุกสนาน “เห็นท่าทีที่เจ้าโกรธเกรี้ยวแล้ว น่ากลัวเสียเหลือเกิน!”

กู้ไป๋อีกล่าว “หลังจากที่นางได้ถูกตั้งให้เป็นระดับมหาจักรพรรดิแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องการจะทำ ข้าจะตอบรับมันเอาไว้”

หลงฉือกล่าว “หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นระดับมหาจักรพรรดิหรือ? ดูท่าแล้วเจ้าจะมั่นใจในตัวแมวเหมียวของเจ้าเป็นอย่างมาก เอาเถอะ อย่างไรเสียสถานที่แห่งนั้นก็ยังพอมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่มันจะปิดผนึกอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นข้าจะฟังเจ้าก็แล้วกัน”

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลงฉือ ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าจงจดจำคำพูดของตนเองเอาไว้”

มู่เฉียนซีไม่รู้ว่า กู้ไป๋อีกำลังพูดอยู่กับผู้ที่มีนิสัยเช่นไร!

ถ้าหากว่าหลงฉือรู้ว่าพลังความสามารถของกู้ไป๋อีถดถอยไปอยู่ที่ระดับจักรพรรดิขั้นที่หนึ่งละก็ เกรงว่าหลงฉือคงจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างง่ายดายเช่นนี้แน่

หอคอยแห่งความตาย

หอคอยแห่งความตายนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้น โดยชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่แปดนั้นเป็นสนามประลอง การที่จะขึ้นไปชั้นที่สูงกว่าของแต่ละชั้นได้จะต้องชนะการต่อสู้เป็นจำนวนร้อยครั้งจึงจะสามารถขึ้นไปชั้นต่อไปได้

แล้วชั้นที่เก้ามันมีอะไรกันเล่า? หนูทะเลทรายบอกว่ามันเก็บเป็นความลับ!

มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าวขึ้น “หนูทะเลทรายน้อย เจ้าไปลงชื่อให้ข้าเถอะ!”

“รับทราบ!”

หลังจากที่ลงชื่อเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักก็ได้ถึงตาของมู่เฉียนซี

โฆษกในชั้นที่หนึ่งของหอคอยแห่งความตายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “วันนี้ หอคอยแห่งความตายของเราจะมีการต่อสู้ของผู้มาใหม่ อีกทั้งผู้มาใหม่ผู้นี้ยังเป็นหญิงสาวที่งดงามเป็นอย่างมากเสียด้วย! ขอให้ทุกท่านโปรดรอคอย จงอย่าได้ตายด้วยน้ำมือของสาวงามเป็นอันขาด!”

“วู้ฮู้! สาวงาม!”

“ข้านั้นจำไม่ได้ถึงรสชาติของการฆ่าสาวงามเสียแล้ว”

“ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีที่จะมีคุณสมบัติได้สู้กับสาวงาม!”

“รอดูแล้วจะรู้เอง!”

เสียงโหวกเหวกเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นไม่ขาดสาย เมื่อเงาร่างสีม่วงที่เล็กเรียวปรากฏตัวขึ้นบนเวทีประลอง

จากนั้นเสียงคำรามที่ประหนึ่งดั่งสัตว์ป่าเสียงหนึ่งได้ดังลอยออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! มีสาวงามมาผู้หนึ่ง คราวนี้ไม่ได้หลอกกันจริง ๆ!”

“งดงามยิ่งนัก ยากที่จะจินตนาการได้ว่าสาวงามเช่นนี้จะมายังเมืองเฮยตูของพวกเรา”

“สาวงามผู้นี้ดูอายุน้อยนัก นางบรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่กัน?”

ในตอนนี้คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีเองก็ได้ก้าวขึ้นมายังเวทีประลองแล้ว

คู่ประลองนั้นมีร่างกายที่สูงยาวผอมโปร่ง เขามองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เดินขึ้นมาบนเวทีประลองนี้ หากทันทีที่เริ่มการต่อสู้ก็จะสามารถลงเวทีไปได้โดยที่ใครคนหนึ่งต้องตายเท่านั้น แต่ทว่าหากเจ้ายอมแพ้ก่อนการประลองแล้วยอมกลายเป็นทาสของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นนั้นก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง”

“เจ้าจะเลือกเช่นไรแม่นางน้อย?”

“โอ้สวรรค์! กลับเป็นเกาเทียน! พลังความสามารถของเขานั้นจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรกของชั้นที่หนึ่ง สาวน้อยคนงามตายแน่แล้ว”

“อีกไม่นานก็จะมีสาวงามเข้าไปในอ้อมอกแล้ว เจ้าเกาเทียนนี่ก็จะโชคดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”

ในตอนนี้ที่ยอดบนสุดของหอคอยทมิฬ หลงฉือได้โบกสะบัดมือจากนั้นก็มีกระจกที่มีผิวสีดำโผล่ขึ้นมาบานหนึ่ง ในกระจกนั้นได้ปรากฏเงาร่างของมู่เฉียนซีขึ้นมา

หลงฉือยิ้มแล้วกล่าว “ไป๋อี แมวเหมียวน้อยของเจ้าต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก เจ้าคิดว่านางจะยอมแพ้หรือนางเลือกที่จะสู้กันเล่า! เจ้าว่านางจะตายหรือไม่? ถึงแม้ว่าแมวเหมียวน้อยนี้จะเป็นดวงใจของเจ้า แต่ข้าก็มิอาจที่จะแหก….”

ปัง! ยังไม่ทันที่หลงฉือจะกล่าวจบ กระบี่ของกู้ไป๋อีก็ได้ถูกเหวี่ยงออกไป!

แกรก! กระจกบานนั้นแตกสลายลงในพริบตา

หลงฉืออึ้งไปชั่วขณะ “ไป๋อี เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าไม่ชอบสายตาที่เจ้ามองนาง ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากทำให้ข้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาละก็ ทางที่ดีจงอย่าได้มองดูนางแม้แต่น้อย” สีหน้าของกู้ไป๋อีราวกับน้ำแข็งที่จับตัวเข้าด้วยกันก็มิปาน

หลงฉือยิ้มแล้วกล่าวหยอกล้อ “ไป๋อี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความต้องการที่จะครอบครองอันเข้มข้นเช่นนี้ ไม่มองก็ไม่มอง ข้านั้นไม่มีความสนใจในสิ่งมีชีวิตที่อ่อนปวกเปียกดั่งเช่นอิสตรีเลยแม้แต่น้อย”

กู้ไป๋อีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ความสามารถที่สวนทางสวรรค์นั้นสามารถปิดบังไปได้ให้นานเท่าไรก็ปิดบังไปให้ได้นานเท่านั้นก็แล้วกัน!

หากทันทีที่ถูกหลงฉือรู้เข้า เกรงว่าเขาคงจะไม่ปล่อยนางไป

มู่เฉียนซีมองไปยังเกาเทียนแล้วกล่าว “เจ้าคิดว่าข้ามาที่หอคอยแห่งความตายที่เมืองเฮยตูนี้เพื่อมายอมแพ้หรือ?”

“แม้ว่าวันนี้จะต้องตาย ข้าก็เลือกที่จะสู้!”

เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่มู่เฉียนซีเลือกนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกเกิดความเสียดาย

เกาเทียนเองก็ไม่ได้ชักช้า เขากล่าว “ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะสู้ เช่นนั้นข้าก็ยินดีที่จะเล่นด้วย จงใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าเถอะ! เมื่อถึงเวลาที่เจ้าจะต้องลงนรกจะได้ไม่ต้องไปพูดว่าข้ามิได้ให้โอกาสเจ้า”

มู่เฉียนซีได้นำกระบี่มังกรเพลิงออกมา นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คำพูดนั้น ข้าจะปิดผนึกและส่งคืนให้เจ้าโดยที่ไม่แตะต้องมัน”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

เมื่อเทียบกับการเผชิญหน้ากับคนนับร้อยแล้ว การเผชิญหน้ากับคนเพียงคนเดียวนั้นมันเบาสบายกว่ากันเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อได้เห็นความรวดเร็วในการหลบหลีกของเกาเทียน มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้าผู้นี้ไม่เหมือนปกติธรรมดาทั่วไป ควรจะกล่าวได้ว่าคู่ต่อสู้ที่เมืองเฮยตูนี้แข็งแกร่งมากกว่าคู่ต่อสู้ที่โลกภายนอกมากมายนัก

เกาเทียนกล่าว “แม่นางน้อย การโจมตีนี้ดูท่าแล้วก็ไม่เลวเลย แต่ว่ามันเชื่องช้าเกินไป!”

ขาอันยาวยืดของเขาได้กวาดเข้ามาในทันที

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างรีบรน “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

ปัง!

ความรวดเร็วของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา!

เกาเทียนยิ้มแล้วกล่าว “ที่แท้แม่นางก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุน้ำนี่เอง! แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตเมื่อเผชิญหน้ากับข้าก็ไร้ซึ่งความได้เปรียบใด!”

“โฮก!”

“หมาป่าสีฟ้าคำราม!” เสียงคำรามของเขาทำให้เกิดคลื่นเสียงไปรอบบริเวณ

ทำให้ผู้ที่ได้ยินเสียงนี้ปวดหัวจนหัวแทบระเบิด

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

มู่เฉียนซีอัญเชิญน้ำแข็งออกมาเพื่อที่จะป้องกันมันเอาไว้

“ปัง!”

ความเร็ว คนนี้มีความเร็วที่ไม่ธรรมดา!

เกาเทียนยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าช่างไร้เดียงสาเสียจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำแข็ง มันก็ไม่สามารถที่จะป้องกันคลื่นเสียงของข้าได้”

มู่เฉียนซีได้นำเข็มยาออกมาแล้วทิ่มเข้าไปที่แขนของตนเอง มุมปากของนางยิ้มยกขึ้นเบาๆ เจ้าหมอนี่ใช้วิธีการเช่นนี้กับนาง ช่างเป็นความผิดพลาดมหันต์นัก

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

ที่ข้างกายของมู่เฉียนซีได้มีชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเกาเทียนนั้นก็ได้เข้ามาใกล้เสียแล้ว “โฮก!” เป็นเสียงคำรามที่กึกก้องอีกเสียงหนึ่ง

แกรก! แกรก!

ชั้นน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าได้ถูกพลังของเขากระแทกแตกไปทันใด จากนั้นเขาก็ยื่นกรงเล็บออกไปทางมู่เฉียนซี

“การดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าจบลงเพียงเท่านี้ ไปนรกเสียเถอะ!”

เสียงกล่าวหยอกล้อเสียงหนึ่งลอยมา “ผู้ที่ควรไปนรกนั่น เกรงว่าจะเป็นเจ้า!”

เกาเทียนนึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ชั้นน้ำแข็งแตกไปนั้น ดอกบัวที่เร่าร้อนเป็นอย่างมากดอกหนึ่งที่มีพลังแห่งการทำลายล้างได้พุ่งมาทางตัวเขา

หลังจากความเหน็บหนาวก็กลับมีพลังการโจมตีของเปลวเพลิงที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ เกาเทียนเบิกตากว้างแล้วกล่าว “เป็นไปได้อย่างไร?”