ตอนที่ 1882 ตัวจริงของถังเหยียน!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

‘ตู้ม!’

ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้เกิดคลื่นพลังมหาศาลระเบิดขึ้นเป็นครั้งๆ

คลื่นพลังอันนี้มันทำให้ทั้งวังสวรรค์นิรันดร์นี้ต้องสั่นสะเทือน

เย่หยวนได้แต่พูดขึ้นมาสีหน้าไม่สู้ดี “เกิดอะไรขึ้นกัน?”

“มีคนกำลังท้าทายเขตแดนปิดกั้นของวังสวรรค์นิรันดร์!” หวู่เฉินร้องบอก

เย่หยวนเองก็ตื่นตกใจอย่างมาก “ท้าทาย? การที่สามารถท้าทายพลังปิดกั้นและอยู่รอดมาได้หลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ เทพสวรรค์คงไม่มีทางทำได้แน่ใช่ไหม?”

หวู่เฉินเผยพลังออก “ไปกัน เรารีบไปที่โถงนิรันดร์ หากเฒ่านิรันดร์จะทิ้งอะไรไว้มันก็คงจะต้องอยู่ในที่แห่งนั้นเป็นแน่”

เย่หยวนพยักหน้ารับตามคำของหวู่เฉินและพุ่งตัวไปยังโถงนิรันดร์ในทันที

ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้ถังเหยียนกำลังเดินไปอย่างสบายใจ

เหล่าเขตแดนพลังปิดกั้นที่แสนรุนแรงของวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันไม่สามารถที่จะทำอะไรกับตัวเขาได้เลย

และเส้นทางที่เขากำลังพุ่งตัวไปนั้นมันก็คือทิศทางของโถงนิรันดร์อย่างน่าเหลือเชื่อ

จนในที่สุดประตูหน้าของโถงนิรันดร์ก็ได้เปิดออกพร้อมด้วยพลังอันรุนแรงที่จะทำให้ผู้คนตัวสั่นเทาได้

แต่ทว่าแม้จะเจอพลังที่แสนรุนแรงเช่นนี้ถังเหยียนกลับแค่ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดส่งมันกลับกลายเป็นผงดิน

หลังจากเดินเข้ามาถังเหยียนก็ต้องเบิกตากว้าง

“ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ?!” แต่ตอนนั้นเองที่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อนเขา

ถังเหยียนหันหน้าไปมองที่ต้นเสียงและก็บนว่าเย่หยวนกำลังยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น

เย่หยวนนั้นได้เข้ามาถึงโถงนิรันดร์จากประตูข้างและได้พบว่าในโถงนี้มันมีตราสี่แบบของสี่สัตว์เทวะอยู่ทั้งสี่มุมห้อง

นอกจากนี้แล้วโถงนี้มันก็มีแต่ความว่างเปล่า ทิ้งไว้แต่แท่นศิลาจารึกกลางห้องที่ส่งพลังอันน่าเกรงขามออกมา

เจ้าศิลานี้เย่หยวนคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะมันคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั่นเอง

แต่ทว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นอยู่กับเขาแน่นอน แล้วเจ้าของตรงหน้านี้มันคืออะไรกัน?

เย่หยวนไม่คิดจะเชื่อว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพในโถงนิรันดร์นี้จะเป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพของจริงไปได้ เพราะว่าเป้าหมายของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางมันมิใช่ตัวศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ แต่เป็นเขาน้อยแห่งถงเทียนที่อยู่ภายในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพต่างหาก!

และเจ้าเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้เอง ตอนนี้มันก็กำลังอยู่ในมือของเย่หยวนด้วยเช่นกัน

“ใช่แล้ว! มันคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ!” ถังเหยียนร้องบอกด้วยรอยยิ้ม

เย่หยวนหันไปมองถังเหยียนด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “ถังเหยียน เจ้าเป็นใครกันแน่?”

ถังเหยียนมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มบางๆ “ด้วยความฉลาดไหวพริบของเจ้า เจ้าคงเดาได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ทำไมต้องถามย้ำให้แน่ใจด้วย?”

เย่หยวนได้แต่หรี่ตามองพร้อมขับคำพูดหนึ่งออกมา “จักรพรรดิ… เทพสวรรค์… เจี่ยว… ชาง!”

ถังเหยียนคนนี้มันทำให้เย่หยวนรู้สึกแปลกมานาน

คนผู้นี้ทำตัวไม่เด่น แต่ทุกครั้งเขาก็สามารถผ่านอันตรายมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน

ที่สำคัญเลยคือแม้จะเจอเรื่องราวสุดแสนอันตรายเพียงใด ถังเหยียนก็จะยังสามารถรักษาใบหน้านิ่งๆ นั้นไว้ได้อย่างไม่มีท่าทีประหลาดใจ แน่นอนว่ามันต้องดูแปลกประหลาด

เดิมทีแล้วเย่หยวนคิดมาตลอดว่าถังเหยียนคนนี้จะเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์อีกคน แต่ภายใต้ดาบนั้นของขวังต้าวถังเหยียนคนนี้กลับไม่คิดขยับแม้แต่น้อย มันจึงทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมาก

เย่หยวนไม่เคยคิดเคยฝันว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจะออกมาลงมือเองเช่นนี้!

และตอนนี้ความจริงทั้งหมดมันก็กระจ่างชัดแล้ว!

เย่หยวนเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมจอมเทพนิรันดร์ถึงได้จัดวางกับดักอันอลังการไว้ขนาดนี้

เพราะเขานั้นต้องการที่จะล่อศัตรูคู่แค้น จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเข้ามา!

เขาจึงใช้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเพื่อล่ออีกฝ่าย!

เพราะเย่หยวนนั้นรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่แรกที่เห็นเรื่องการเลือกผู้สืบทอดแล้ว จอมเทพนิรันดร์ย่อมจะไม่ทำเรื่องราวการหาผู้สืบทอดให้มันใหญ่โตเช่นนี้แน่

เพราะผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์มันก็คือตัวเย่หยวน

เพราะฉะนั้นเหตุผลมันจึงเหลือแค่เรื่องเดียว การแก้แค้น!

เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าจอมเทพนิรันดร์เอาอะไรมามั่นใจกับการแก้แค้นในครั้งนี้นัก

ตอนนี้เขานั้นตายไปแล้ว แต่ต่อให้เป็นตอนที่ยังมีชีวิตดีเขาก็ย่อมไม่มีทางเทียบเคียงกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางได้

จักรพรรดิเทพสวรรค์ เทพสวรรค์ แม้ว่ามันจะขาดกันไปแค่คำเดียวแต่ความแตกต่างของพลังนั้นมันก็แยกขาดจากกันราวฟ้ากับเหว

ต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้เพราะหลอมผลวิญญาณเต๋าจักรพรรดิสวรรค์ก็ตาม

ถังเหยียนยิ้มขึ้นมา “การที่เฒ่านิรันดร์หาผู้สืบทอดเช่นเจ้าได้ ชีวิตของมันก็คงไม่เสียเปล่าแล้ว!”

เย่หยวนหรี่ตาลงทันที “เจ้ารู้มาก่อนแล้ว?”

เจี่ยวชางยิ้ม “เจ้านั้นสามารถทนรับพลังจากเทพถ่องแท้ทั้งหลายและหลอกสายตาผู้อื่นมาได้ แต่เจ้าย่อมไม่มีทางหลบรอดจากสายตาจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปได้! แค่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นต้นมีหรือจะทำให้นักยุทธ์นภาสวรรค์เก่งกาจได้ขนาดนั้น? เพียงแค่ว่าเรื่องราวในครั้งนี้เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งด้วยเลย!”

เย่หยวนนั้นได้รับสมบัติสืบทอดจากจอมเทพนิรันดร์ไปแล้ว ในสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง เขาไม่ควรเอาตัวเข้ามายุ่งกับเรื่องราวแสนไม่ชอบมาพากลนี้เลย

เพราะตอนนี้เขายังเป็นแค่นภาสวรรค์คหนึ่ง การเดินทางนี้มันย่อมอันตรายจนเกินไป

เย่หยวนได้แต่หายใจเข้าลึกและพยายามที่จะกดความตื่นตกใจลงไป

ไม่ว่าอย่างไรเสียการต้องการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพสวรรค์มันก็ย่อมทำให้เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจอย่างมาก

เพราะชายหนุ่มคนตรงหน้านี้คือคนเดียวกับที่ได้ต่อสู้กับจอมเทพนิรันดร์อย่างดุเดือดเมื่อหลายล้านปีก่อน!

แต่จู่ๆ เย่หยวนก็เบิกตากว้างพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “ตอนที่จอมเทพนิรันดร์คิดจะเปิดประตูปิดโลกขึ้นอีกครั้ง ข้าก็จำเป็นที่จะต้องตามมาด้วย!”

เจี่ยวชางแสดงท่าทีตื่นตกใจขึ้นมาไม่น้อย “ที่แท้เจ้าเกิดในโลกใบน้อยของจอมเทพนิรันดร์?”

เย่หยวนสะดุ้งขึ้นทันทีได้แต่คิดในใจว่าความคิดของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางช่างเฉียบแหลม แค่คำพูดเดียวนี้ก็สามารถเดาได้ถึงความจริงที่ว่าเขาเกิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้

“บ่มเพาะจากดินขึ้นมาถึงนภาสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่พันกว่าปี เจ้าช่างมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำจนข้าคนนี้ยังไม่เคยพบเจอ! เฒ่านิรันดร์มันช่างได้ผู้สืบทอดที่ดีเลิศจริง!” เจี่ยวชางพูดขึ้น

เย่หยวนเองก็ได้แต่เงียบลง

ตอนนี้ความคิดของเขากำลังปั่นป่วน การที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางออกหน้ามาลงมือเองเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดการณ์ไปมาก

หากเป็นเทพสวรรค์แล้วเขายังพอจะสามารถเล่นกับวังสวรรค์นิรันดร์นี้เพื่อจัดการอีกฝ่ายได้

แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งเกินไป

เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเจี่ยวชางลงมืออย่างเต็มที่แล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดย่อมต้องแตกสลายอย่างไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ

“หึๆ เจ้าคงสงสัยสินะว่าทำไมจักรพรรดิผู้นี้ถึงได้ออกมาจัดการเอง แท้จริงแล้วจักรพรรดิผู้ได้นี้รู้ถึงเรื่องที่เฒ่านิรันดร์ครอบครองศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมานานแสนนาน ก่อนที่มันจะได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมา ต่อให้มันจะมีไข่มุกสยบวิญญาณหรือดาบสิบทิศก็ตาม จักรพรรดิผู้นี้ก็ยังจะสามารถกดดันมันได้อย่างไม่ยากเย็น! แต่เมื่อมันได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมา มันกลับกลายเป็นฝ่ายที่กดดันข้าผู้นี้จนไม่อาจโงหัวขึ้นแถมยังจะสามารถขึ้นสู่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ก่อนข้าผู้นี้! เพราะฉะนั้นจักรพรรดิผู้นี้ถึงได้คาดคิดว่าแท้จริงแล้วศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมันต้องเก็บซ่อนความลับอันแสนยิ่งใหญ่ไว้อย่างแน่นอน”

ระหว่างที่พูดไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็ยิ่งแสดงท่าทางรุ่มร้อนขึ้น

แต่ยิ่งเขาพูด เย่หยวนก็ยิ่งตื่นตระหนก

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางคนนี้ช่างเป็นคนที่แสนน่ากลัว แค่หลักฐานและร่องรอยนิดน้อยแค่นั้นเขากลับสามารถคาดเดาเรื่องราวได้มากมาย

ที่สำคัญเขายังคาดเดาได้ถูกต้อง!

ความลับที่เก็บซ่อนอยู่ภายในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้น แม้จะเป็นเต๋าบรรพกาล หากรู้เข้าเขาก็คงแทบคลั่งอยากได้มัน ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งเลย

“หึๆ ไอ้เฒ่านี้มันวางแผนการอย่างใหญ่หลวง มันจะมิใช่เพื่อบอกจักรพรรดิเทพสวรรค์คนนี้ว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอยู่ที่นี่หรอกหรือ? ตอนที่มันยังไม่ตาย ข้าผู้นี้ก็ยังไม่กลัวมัน ตอนนี้มันตายไปแล้วยังจะมีอะไรให้ต้องเกรงกลัวอีก? ฮ่าๆ!”

พูดไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็ค่อยๆ สาวเท้าก้าวไปด้านหน้า เดินไปยังศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่วางตั้งอยู่กลางห้องโถง

‘ตู้ม!’

จู่ๆ วังสวรรค์นิรันดร์ทั้งหมดก็สั่นสะเทือนขึ้นมา

ที่มุมทั้งสี่ของห้องโถงสี่รูปปั้นนั้นได้ขยับไหวขึ้นมาราวกับมีชีวิต

‘โฮ่กๆ!’

ร่างทั้งสี่เปลี่ยนเป็นแสงพุ่งขึ้นฟ้าก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ามาหาศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่กลางห้องโถงพร้อมๆ กัน!

…………………………