ตอนที่ 2046

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,046 : สุนัขรับใช้!

 

ถึงแม้เถียนตงจะไม่เผยทีท่าสับสนงุนงงเหมือนต่งหลินกับอาวุโสเพลิงทองแดงคนอื่นๆออกมา แต่สายตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

นามต้วนหลิงเทียนไม่นับว่าแปลกหูมัน

 

มันได้ยินวีรกรรมของต้วนหลิงเทียนที่ก่อเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่มาถึงลัทธิบูชาไฟ กระทั่งเรื่องที่ก่อนหน้ามีอาวุโสระดับเพลิงทองมากมายคิดจะรับตัวต้วนหลิงเทียนเป็นลูกศิษย์ด้วยซ้ำ

 

ทว่ามันได้รับทราบเรื่องราวประการหนึ่งมา

 

นั่นคือต้วนหลิงเทียนคนนี้มีอาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรอยู่แล้วคนหนึ่ง จึงมิคิดกราบใครเป็นอาจารย์อีก จนกว่าจะได้รับคำอนุญาตจากอาจารย์เสียก่อน…

 

ดังนั้นทุกคนจึงเลิกสนใจไป

 

และข่าวเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วในหมู่อาวุโสระดับสูงทั้งหมด ตัวมันเองก็ทราบดี

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่ากล้าหาญนัก!”

 

ตอนนี้เอง ต่งหลินที่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็มองต้วนหลิงเทียนพร้อมตะคอกออกมาเสียงดังอย่างกะทันหัน “เจ้ารับรู้ถึงฐานะอันสูงส่งของอาวุโสเถียนตงแล้ว แต่ยังกล้าเรียกหาอาวุโสเถียนตงห้วนๆอย่างไร้สัมมาคารวะ! หรือที่แท้เจ้าไม่เคารพอาวุโสเถียนตง!”

 

หลังต่งหลินตะคอกเสียงเย็นยัดข้อหาดังกล่าวให้ต้วนหลิงเทียน สายตาเถียนตงที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นทันที บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะเย็นลงถนัดตา

 

แน่นอนว่าแววตาที่เปลี่ยนไปของเถียนตงไม่ใช่เพราะต่งหลินกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนไม่เคารพอะไรมัน

 

วันนี้มันมาด้วยวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

สั่งสอนต้วนหลิงเทียน ระบายแค้นให้ต่งหลิน!

 

อาวุโสเพลิงทองแดงหลายคนที่อยู่โดยรอบ เมื่อเห็นความเป็นไปเบื้องหน้าพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวจับใจ

 

พวกมันได้ยินเรื่องราวความบาดหมางระหว่างต่งหลินกับต้วนหลิงเทียนมาพักใหญ่แล้ว

 

วันนี้เมื่อเห็นต่งหลินปรากฏตัวพร้อมกันกับเถียนตง พวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าต่งหลินคิดมาเอาคืนต้วนหลิงเทียน…และความมั่นใจของมันก็ล้วนมาจากอาวุโสเถียนตงข้างๆ เพราะนั่นคืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ!

 

อีกทั้งไม่เพียงเป็นอาวุโสคุมกฏระดับเพลิงเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคุมกฏ เถียนตงคนนี้ยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินที่มีพลังฝีมือติด 1 ใน 3 อาวุโสเพลิงเงินที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิบูชาไฟอีกด้วย!

 

พลังฝีมือยังร้ายกาจจนติดอันดับในรายนามยอดเซียน!

 

อันดับที่ 109!

 

ที่สำคัญที่สุดคือ อาวุโสคุมกฏทั้งหลายรับทราบกันดีถึงเรื่องหนึ่ง

 

อาวุโสเถียนตงผู้นี้ ประหนึ่งสุนัขรับใช้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น!

 

อาจกล่าวได้ว่ายามนิ่งเฉยมันสงบดั่งบ่อโบราณไร้ระลอก หากแต่ยามเอาเรื่องขึ้นมาก็ประหนึ่งสุนัขคลั่งกัดคนตามคำนายไม่เลือก

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

และต่งหลินกล่าวไม่ทันจบคำดี เสียงเถียนตงก็ดังขึ้นตามติดยังเป็นการตะโกนกล่าวออกมาเสียงเย็น พร้อมกันนั้นมันก็ก้าวเข้าหาต้วนหลิงเทียน ไอพลังปะทุพวยพุ่งออกมาคลุมกาย เพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพอันร้ายกาจขุมหนึ่งโถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!

 

น่าเสียดายที่แรงกดดันไร้สภาพของเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนไม่อาจส่งผลกระทบใดๆต่อต้วนหลิงเทียนได้เลย!

 

ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันเพื่อต้านทานด้วยซ้ำ ด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตมรรคากระบี่อันสูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ อาศัยเพียงการเร่งเร้าพลังกระบี่อันลึกล้ำแค่เล็กน้อย ก็เสมือนมีหนึ่งกระบี่ขวางกั้นไว้เบื้องหน้า สะบั้นแรงกดดันที่โถมถันของเถียนตงให้แหวกแยกเป็น 2 เสี่ยง ไม่อาจทำอันตรายใดๆเขาได้

 

เมื่อสัมผัสได้ว่าแรงกดดันของตัวไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ หน้าเถียนตงก็เปลี่ยนไปทันที

 

‘ต้วนหลิงเทียนนั่นนับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ…แต่ในเมื่อมันกล้าผิดใจกับท่านรองจ้าวหอ มันก็มิอาจรอดพ้นไปได้!’

 

แววตาเถียนตงฉายชัดถึงความประหลาดใจ อย่างไรก็ตามมันหวนกลับมาเยียบเย็นอีกครั้ง

 

เพราะคำสั่งที่มันได้รับมาก็คือ

 

หาเรื่องสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนให้จงได้ และทุบตีให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจนรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่าอยู่!

 

“ข้าเถียนตงตั้งแต่เป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟมา นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่ข้าได้ยินศิษย์เช่นเจ้ากล้าเรียกหาข้าห้วนๆ! ดูเหมือนว่าเจ้าจะก้าวร้าวจนมิรู้จักคำสัมมาคารวะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนอาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเจ้าเอง!”

 

เถียนตงกล่าวออกเสียงดัง สองเท้ายังคงก้าวย่ำอากาศเดินเข้าหาต้วนหลิงเทียนทีละก้าวๆ

 

และทุกย่างก้าวของอาวุโสเถียนตง อาวุโสเพลิงทองแดงโดยรอบรู้สึกเสมือนมีค้อนหนักร้อยพันชั่งฟาดทุบลงกลางอก พาลให้รู้สึกบีบคั้นอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

 

ในสายตาของพวกมัน

 

น่ากลัววันนี้ต้วนหลิงเทียนจะโชคร้ายเสียแล้ว

 

เถียนตงนั้นเผยเจตนาชัดเจนว่ามันมาล้างแค้นให้ต่งหลิน มาตอนนี้เมื่อมันได้ข้ออ้างแล้ว มันก็คิดฟาดงูด้วยลำไผ่ หมายทุบตีสั่งสอนคนให้ทราบซึ้งถึงทรวง!

 

“อาจารย์? ผู้ฝึกตนพเนจร?”

 

ได้ยินคำของเถียนตง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง

 

แน่นอนว่าอึ้งไปด้วยความงุนงง

 

ทว่าครู่ต่อมาเขาค่อยตระหนักได้

 

สมควรเป็นอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง แพร่เรื่องที่เขามีอาจารย์เป็นผู้ฝึกตนพเนจรออกไปแน่นอน

 

หาไม่แล้วเถียนตงคงไม่กล่าวว่าอาจารย์ของเขาเป็นผู้ฝึกตนพเนจรออกมาแบบนี้ได้

 

ในลัทธิบูชาไฟ เขาได้กล่าวบอกเรื่องที่เขามีอาจารย์แล้วกับกัวฉงแค่คนเดียวเท่านั้น และเพื่อปกปิดตัวตน เขาจึงกล่าวบอกกัวฉงแค่ว่าอาจารย์เป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดใดๆ

 

ที่เขาบอกกัวฉงไปแบบนั้น เพราะตอนแรกกัวฉงคิดแนะนำเขาให้จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬรู้จัก เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ และกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬ

 

น่าเสียดายที่เขาต้วนหลิงเทียนมีอาจารย์อยู่ในใจแล้ว

 

เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!

 

ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอาจารย์คนนี้ แต่ก็นับถืออาจารย์ผู้นี้นัก

 

แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเคล็ดบำเพ็ญจิตมรรคากระบี่อันสูงส่งอย่าง ยอดใจกระบี่  ที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาอันสั้น

 

ด้วยเหตุนี้ใจต้วนหลิงเทียนจึงยึดถืออีกฝ่ายเป็นอาจารย์เสมอมา และตราบใดที่ไม่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ เขาก็ไม่อาจรับใครคนอื่นเป็นอาจารย์ได้

 

‘ก็ถือว่าดีแล้ว…ลองอาวุโสกัวฉงกล่าวเรื่องนี้ออกไป ให้เดาคงไม่มีใครคิดจะเป็นอาจารย์ข้าอีกต่อไป’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

ตอนนี้ในใจของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่ถือโทษโกรธอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง แต่ยังรู้สึกขอบคุณที่ช่วยเขาตัดปัญหายุ่งยากลำบากใจออกไปได้อย่างสมบูรณ์

 

“หึ!”

 

เมื่อดึงสติกลับมาอยู่กับตัว ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องเถียนตงที่กำลังก้าวเข้ามาพร้อมแรงกดดันอย่างไม่กริ่งเกรง สองตาเยียบเย็นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ถ้าเจ้าคิดจะหาข้ออ้างกล่าวโทษข้าก็ไม่ต้องห่วงไป! เรื่องที่เจ้าเถียนตงมาที่นี่พร้อมต่งหลินเพื่ออะไร หากไม่ใช่ตัวโง่งมไร้สมองไหนเลยจะไม่รู้”

 

“และในเมื่อเจ้ามาที่นี่กับต่งหลินเพราะคิดจะหาเรื่องทุบตีข้า…เช่นนั้นทำไมข้าต้องให้ความเคารพกับเจ้าด้วย?”

 

“บางทีในสายตาคนอื่นๆ เจ้าเถียนตงอาจเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏอันยิ่งใหญ่…แต่ในสายตาข้าต้วนหลิงเทียนเจ้าเถียนตงก็เป็นได้แค่ ‘สุนัขรับใช้’ ตัวหนึ่ง!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงดังฟังชัดนัก

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

……

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าดังฟืด

 

วินาทีต่อมา สายตาที่พวกมันใช้มองต้วนหลิงเทียน ยังทำราวกับเห็นผี!

 

ถึงแม้ในหอคุมกฏจะมีอาวุโสไม่น้อยที่ทราบว่าเถียนตงเป็นสุนัขรับใช้รองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น แต่คนที่กล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าเถียนตงนั้น ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว!

 

เกรงว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนแรกที่กล้ากล่าวออกมาต่อหน้าเถียนตง!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร!?”

 

“มันอยากตายนักหรือถึงได้รนหาที่ตายเช่นนี้?”

 

“บาทีมันรู้ว่าจะอย่างไรวันนี้อาวุโสเถียนตงก็ทุบตีมันไม่เลี้ยงแน่ เช่นนั้นมันจึงปล่อยมือจากหม้อแตก และ ‘ยินดีเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์’!”

(ปล่อยมือจากหม้อแตก = ยอมรับชะตากรรม ,ยินดีเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ = ยอมหักไม่ยอมงอ)

 

….

 

อาวุโสเพลิงทองแดงส่งเสียงกล่าวผ่านพลังคุยกันอย่างออกรส ตอนนี้พวกมันต่างมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ในแววตายังเผยความเวทนาสงสารไม่น้อย

 

เมื่อได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเถียนตง ด้านต่งหลินเองก็ตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นตัวโง่งมถึงขนาดนี้ กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ยังต่างอะไรจาส่งเสริมให้เถียนตงมีข้ออ้าง? นับว่าเข้าทางพวกมันแล้วจริงๆ!!

 

“ต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง เจ้าไม่อาจโทษใครได้!”

 

ต่งหลินยิ้มแสยะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสมน้ำหน้า

 

“เจ้า…เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?”

 

ในฐานะผู้ที่ถูกว่าโดยตรง เถียนตงถึงกับอึ้งไปอยู่นานกว่าจะฟื้นคืนสติ ลูกตาที่มองต้วนหลิงเทียนเขม็งของมันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันน่ากลัว!

 

ทันทีที่เถียนตงกล่าวถามจบคำ ไม่ว่าจะต่งหลินหรืออาวุโสเพลิงทองแดงล้วนหันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน

 

พวกมันเองอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย

 

ว่าต้วนหลิงเทียนยังกล้าพอจะกล่าวซ้ำคำเดิมหรือไม่

 

เพียงครู่เดียวพวกมันก็ได้รับทราบคำตอบ

 

“ข้าบอกว่า…ในสายตาของข้าต้วนหลิงเทียนเจ้าเถียนตงก็เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น สีหน้าท่าทางเฉยเมยไม่แยแสราวกับไม่เห็นเถียนตงอยู่ในสายตา!

 

และวาจากล่าวซ้ำคำเดิมของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ ก็ทำให้หนังศีรษะของอาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายชาด้านไปแล้วจริงๆ

 

ในสายตาของพวกมัน

 

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้บ้าไปแล้ว!!

 

“เจ้าโง่! คราวนี้เจ้ามันรนหาที่ตายเอง!”

 

สองตาต่งหลินเผยความยินดีสมใจ กล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน

 

“เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือไร!”

 

เถียนตงที่ได้รับฟังคำยืนยันแน่ชัด ก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล มวลพลังปะทุออกปานเพลิงไฟ ร่างพุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานพายุ!

 

“เถียนตงหากเจ้าลงมือทำอะไรข้าวันนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง…”

 

และแทบจะทันทีที่เถียนตงตะโกนกล่าวออกมาอย่างดุร้ายพร้อมเคลื่อนร่างลงมือ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาออกมาเสียงเย็น ไม่นำพาร่างเถียนตงที่โถมถันเข้ามาอย่างเกรียวกราดแม้แต่น้อย

 

“เสียใจ?”

 

ถึงแม้เถียนตงจะโมโหสุดขีด หากแต่สติมันยังอยู่ครบถ้วน พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ร่างมันถึงกับหยุดชะงักลงทันใด คนระงับโทสะอันพลุ่งพล่านในใจ กล่าวถามออกไปเสียงเย็นว่า “ข้าน่ะหรือจะต้องเสียใจวันหลัง? เจ้าหมายความว่าอะไร?”

 

‘ต้วนหลิงเทียนไปเอาความมั่นใจนี้มาแต่ที่ใดกัน…’

 

ขณะเดียวกันอาวุโสเพลิงทองแดงไม่เว้นต่งหลินก็อึ้งไปเล็กน้อย ทั้งหมดได้แต่กล่าวในใจด้วยสงสัย อยากรู้กันนักว่าไฉนถึงขั้นนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังจะกล้ากล่าวอะไรแบบนี้ออกมา

 

“อาวุโสเถียนตงอย่าได้เสียเวลาฟังมันพล่ามเหลวไหลอันใด! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถนัดเสแสร้งเก่งนัก…รีบลงมือ! สั่งสอนบทเรียนมันเสีย!!”

 

ต่งหลินที่อยู่ไม่ไกลเร่งตะโกนกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

ทว่าแทบจะทันทีที่ต่งหลินกล่าวจบคำ และสายตาของเถียนตงกลับมาเยียบเย็นพร้อมลงมืออีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!

 

เสียงหัวเราะนี้ช่างฟังแล้วปลอดโปร่งนัก ราวกับหัวเราะออกมาจากใจ ในน้ำเสียงยังแฝงเร้นไปด้วยพลังเซียนสุริยันเต็มพิกัดพาลให้ลั่นดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้า

 

และตอนนี้เอง

 

หลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปพักหนึ่งอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายยังไม่ทันหายตกใจด้วยซ้ำ!

 

เรียกว่าเสียงหัวเราะครานี้ดั่งพิรุณโถมกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“เถียนตง!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง แววตายังเย็นเยียบเผยอำมหิต “วันนี้เจ้าจะทุบตีทรมานข้าก็ตามใจเจ้า เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจฆ่าข้าหรือทำให้ข้าพิการได้…”

 

“แต่ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ตรงนี้เลย…ข้าต้วนหลิงเทียนขอสาบาน วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้า แต่ข้าจะเอาทั้งหมดที่เจ้าทำกับข้าไปลงที่ต่งหลินสิบเท่าร้อยเท่า!!”

 

กล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต่งหลินด้วยสายตาเย็นเยียบไร้แยแส