หลังจากเฟิงปิงและคนของเขาร่ำลาหลิงตู้ฉิงเรียบร้อย พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่ทะเลชางหมางที่อยู่ในอาณาเขตนภาด้วยความเร็วสูงสุด
เขาอยากจะรู้เป็นอย่างมากว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นกันแน่ เขาถึงได้ถูกส่งตัวไปที่นั่นเพื่อเป็นการลงโทษบวกกับเขาอยากจะเห็นว่าอาณาจักรแบบไหนกันที่ลูกชายของนายเหนือหัวผู้โหดเหี้ยมของเขาได้สร้างขึ้น
ในระหว่างที่เฟิงปิงกำลังสงสัยว่าอาณาเขตนภาเป็นอย่างไร ในตอนนี้ทางด้านของอาณาเขตนภากลับมีแต่ความเงียบวังเวง
ทัพนับล้านของสันเขาหมื่นอสูรได้มาถึงอาณาเขตนภาเรียบร้อยแล้ว
กองทัพของสันเขาหมื่นอสูรที่มาในรอบนี้พวกมันพุ่งเป้าการทำลายล้างแค่เฉพาะในอาณาเขตนภาเพียงเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้จากอาณาเขตอื่น ๆ ที่พวกมันใช้เป็นทางผ่านนั้น พวกมันไม่ได้แตะต้องอะไรพวกเขาเลย แต่เมื่อพวกมันมาถึงอาณาเขตนภา พวกมันก็ปลดปล่อยความบ้าคลั่งของพวกมันออกมาทันที
ไม่ว่าพวกมันเหยียบย่ำไปที่ไหนในอาณาเขตนภา ที่นั่นจะมีแต่หายนะบังเกิด พวกมันไม่ปราณีสิ่งมีชีวิตใด ๆ แม้แต่น้อย อะไรที่พวกมันเห็นว่ามีชีวิตและกินได้พวกมันจับกินเป็นอาหารหมดโดยเฉพาะเหล่ามนุษย์ ดังนั้นตลอดเส้นทางที่พวกมันเดินทัพผ่าน มันจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่หลงเหลืออยู่เลย!
ส่วนทางด้านผู้บัญชาการทัพอย่างโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองไล่จับมนุษย์กินตามทางที่พวกเขาเดินทัพผ่านเช่นนี้ เขาก็ทำเป็นมองไม่เห็นและเดินทัพต่อไปอย่างช้า ๆ ไปยังทะเลชางหมาง
การเดินทัพในครั้งเขาได้พาอสูรขอบเขตจักรพรรดิมาด้วยหลายตนและรวมไปถึงอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิเขาก็พามา!
แต่ถึงแม้ว่ากองทัพของเขาจะทำลายทุกอย่างที่พวกเขาเดินทัพผ่าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกเส้นทางการเดินทัพ หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเขาไม่ได้ต้องการจะฆ่าเหล่าผู้คนของอาณาเขตนภาให้ตายจนหมด
เนื่องจากหากพวกเขากล้าทำแบบนั้น ในเวลาไม่นานมันจะต้องมีเหล่าสำนักมหาอำนาจที่ทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ร่วมมือกันออกมาต่อต้านพวกเขา ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากพวกเขาถูกรุมโดยเหล่าสำนักมหาอำนาจหลายสำนักพร้อมกัน พวกเขาก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน
ดังนั้นด้วยการทำลายล้างในระดับที่พอเหมาะ กองทัพของพวกเขาก็ค่อย ๆ เข้าใกล้ทะเลชางหมางไปเรื่อย ๆ
ตำแหน่งที่เหล่ากองทัพอสูรได้ใช้เข้าไปในทะเลชางหมางเป็นจุดที่อยู่ระหว่างชายแดนอาณาจักรเลือดทรนง และ อาณาจักรนภาจรัสแสง
อาณาจักรหนึ่งก็คืออาณาจักรที่หลิงยี่เทียนเข้าควบคุมแล้ว ส่วนอีกอาณาจักรหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายจากสภาวะขาดผู้นำ
ในตอนแรกที่พวกเขาสูญเสียอู่ซี่เฉาและเหล่าตัวตนระดับสูงของอาณาจักรไป สถานการณ์ทุกอย่างมันก็แย่อยู่แล้ว และมาในตอนนี้กลับมีกองทัพอสูรนับล้านมาเยือนชายแดนของพวกเขา เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เหล่าผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในอาณาจักรนภาจรัสแสงจึงรีบเผ่นหนีออกจากอาณาจักรกลับไปที่สำนักของตัวเองทันที
ในเวลาเดียวกันที่อาณาจักรอ้าวเทียนและอาณาจักรมังกรทะยาน ต่างก็จับจ้องไปที่ กองทัพของเหล่าอสูรที่กำลังมุ่งหน้าไปหาอาณาจักรจันทราอย่างไม่คลาดสายตา
พวกเขาทั้งสองอาณาจักรต่างรู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมากกับการกระทำของกองทัพอสูร และพวกเขาก็สนใจการกระทำต่อไปของอาณาจักรจันทราเช่นกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปนับจากนี้กับทองทัพอสูรนับล้านที่ไม่ควรจะมีใครต้านทานได้
อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่กองทัพอสูรก้าวขาเข้ามาในอาณาเขตนภา หลิงยี่เทียนก็ได้รับข่าวตั้งแต่ในตอนนั้นแล้ว ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้ว่าอีกไม่นานพวกสันเขาหมื่นอสูรจะกลับมาพร้อมกับกองทัพที่มีจำนวนมหาศาลมากกว่าเดิม
แต่สิ่งที่หลิงยี่เทียนไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็คือ เขาไม่คิดว่าการมารอบนี้ของเหล่าอสูรจะโหดร้ายกว่ารอบที่แล้วตรงที่พวกมันกลืนกินทุกชีวิตที่มันพบเจอที่อยู่ในเส้นทางของพวกมัน
“แจ้งให้ชาวบ้านทุกคนรีบหนีออกจากเส้นทางของพวกมันให้เร็วที่สุด!” หลิงยี่เทียนออกคำสั่ง “และสั่งให้บรรดาทหารของเราถอยทัพกลับมาให้หมด ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้นแค่เอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้มากที่สุดเท่านั้นพอ และแจ้งกับเหล่าแม่ทัพทั้งหลายของเราทุกคนให้เตรียมไพร่พลให้พร้อมออกศึกทั้งหมดด้วย!”
“ฝ่าบาท ในเมื่อพวกอสูรเคลื่อนทัพใหญ่มาขนาดนี้แถมยังกล้าจับมนุษย์กินอย่างเปิดเผย ข้าคิดว่าพวกเราต้องมีแผนการที่รอบคอบสักหน่อย” เฉินถิงฟางพูดขึ้นกับหลิงยี่เทียน “จากบันทึกที่ข้าเคยอ่านมาการเคลื่อนทัพใหญ่ของพวกมันแบบนี้ พวกมันจะต้องพาอสูรระดับสูงมาด้วยแน่นอน ดังนั้นพวกเราจะพลาดไม่ได้ หากพวกเราพ่ายแพ้ พวกเราทั้งหมดจะกลายเป็นอาหารของพวกมันทันที”
หลิงยี่เทียนพูดขึ้นว่า “เรื่องอสูรระดับสูงข้าไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะพวกเราก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหมือนกัน สิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องสนใจจริง ๆ มีเพียงการจัดการกับบรรดาไพร่พลจำนวนมหาศาลของพวกมันก็เท่านั้น”
ในตอนนี้ขุมกำลังของหลิงยี่เทียนมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิมากกว่า 6 คน 3 คนเป็นทาสรับใช้ของเขา หลิงยู่ชานและหลิงว่านจุน และอีก 3 คนเป็นของสันเขาทรราชที่ส่งมาเพื่อคอยคุ้มครองความปลอดภัยของหลิงยู่ชาน และยังมีลั่วหยุนและเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอีกหลายคนที่อยู่ในอาณาจักร
ดังนั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเขาไม่ได้ขาดแคลนสักเท่าไหร่ สิ่งที่เขาขาดแคลนจริง ๆ คือขุมกำลังระดับกลาง ซึ่งก็คือพวกทหารอาชีพที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนขึ้นมา
ไม่ว่าเขาจะขยายอาณาจักรได้เร็วสักเพียงไหนแต่อาณาจักรของเขาก็เพิ่งกำเนิดขึ้นได้ไม่นาน ดังนั้นรากฐานอาณาจักรของเขาจึงยังคงไม่มั่นคงมากพอ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้กำลังเสริมมาจากเมืองเลือดทระนงมันก็ยังคงไม่มากพอที่จะต่อกรกับกองทัพอสูรนับล้านแบบนี้อยู่ดี
นี่คือสิ่งที่หลิงยี่เทียนกังวล
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อกองทัพของเหล่าอสูรได้มาเหยียบถึงหน้าบ้านเขาแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พร้อมมากนักแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเผชิญหน้าเพียงอย่างเดียว และสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี
เมื่อคำสั่งของหลิงยี่เทียนถูกส่งออกไป เส้นทางที่กองทัพอสูรใช้เดินทัพก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนไปขวางทางอีก
ในครั้งนี้หลิงยี่เทียนเป็นผู้นำทัพทั้งหมดของเขาออกไปประจันหน้ากับกองทัพของเหล่าอสูรด้วยตัวเอง
ก่อนที่กองทัพอสูรจะทันได้เหยียบเข้าไปในทะเลชางหมาง ทั้งสองกองทัพก็ได้ประจันหน้ากัน
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเดินออกมาจากแถวหน้าสุดของไพร่พลของเขา และตะโกนว่า “ใครเป็นผู้นำทัพฝั่งตรงข้าม จงแสดงตัวออกมา!”
หลิงยี่เทียนก้าวออกมาพร้อมกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเขา และตะโกนถามกลับไป “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าคือโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง!” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งตะโกนตอบกลับ
“ข้าคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทรา หลิงยี่เทียน!” หลิงยี่เทียนตะโกนแจ้งตัวตนของเขาออกไปเช่นกัน
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “เป็นเจ้าเองสินะที่กล้าดูหมิ่นเผ่าอสูรของข้า?”
“ไม่ว่าจะเป็นใครที่กล้าเข้ามารุกรานอาณาจักรของข้า ข้าย่อมสังหารพวกมันทั้งหมด!” หลิงยี่เทียนตะโกนเสียงดัง
“อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็นี่ไงพวกข้ามาแล้วในวันนี้มารุกรานอาณาจักรของเจ้า!” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเย้ยหยัน
หลิงยี่เทียนยิ้มและพูดว่า “เจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกอสูรที่เคยมารอบที่แล้ว เจ้าและพรรคพวกของเจ้าที่มาที่นี่ในวันนี้จะมีจุดจบที่ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกอสูรที่มาก่อนหน้า!”
ก่อนที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งจะทันได้ตอบกลับอะไร อสูรตนหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิที่ยืนอยู่ด้านหลังเกิดอารมณ์โมโหจนทนไม่ไหว มันตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “นายน้อย ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันจะล่วงเกินท่านมากไปแล้ว ทำไมท่านไม่อนุญาตให้ข้าฆ่ามันซะตอนนี้ให้จบ ๆ ไปเลยนายน้อย?”
“เอาแบบนั้นก็ดี!” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพยักหน้า
ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็ต้องรบกันอยู่แล้ว โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งอยากจะใช้โอกาสนี้ในการหยั่งเชิงฝั่งตรงข้ามเช่นกัน
เมื่อได้รับคำอนุญาต อสูรขอบเขตจักรพรรดิก็เริ่มลงมือทันทีโดยการยืดแขนของมันออกจนยาวอย่างผิดธรรมชาติ จากนั้นเมื่อแขนมันยืดออกจนได้ระยะที่พอจะคว้าตัวหลิงยี่เทียนได้ มันก็พุ่งมือของมันออกไปหาหลิงยี่เทียนในทันทีหวังจะคว้าตัวเขาไว้และบีบเขาให้ตายลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรบกัน!