เส้นหมี่ยื่นมือเข้าไปจะประคองคนคนไข้คนนี้
จริงแล้วประณพเป็นคนที่ชอบปฏิเสธการช่วยเหลือจากคนอื่น และไม่ชอบให้คนอื่นปฏิบัติกับเขาในฐานะคนป่วย และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ชอบแววตาน่าสงสารของคนอื่นที่มองเขา
แต่ตอนนี้ หลังจากที่เขาเห็นแววตาอันงดงามของคุณหมอสาวสวยคนนี้ที่รักษาเขาโดยที่ไม่มีความรู้สึกสงสารเขา…
“หมอคิตตี้ ต่อไปคุณจะมาดูแลผมใช่ไหม?”
“น่าจะประมาณสองสามวันนี้ค่ะ”
ทันใดนั้นสีหน้าของเส้นหมี่ก็เปลี่ยนไป เธอบอกความจริงกับเขาแล้วเข็นเขาออกจากห้องผู้ป่วยไป
ประณพ:“……”
เขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ หลังจากรถเข็นวีลแชร์ถูกเข็นออกไป เขาก็บังเอิญไปเจอคนไข้ที่ถูกเข็นอยู่ตรงระเบียงทางเดินด้วย และเขาก็รู้สึกว่ามือของคนข้างหลังที่เข็นอยู่นั้นกำลังจะปล่อยมือ
“คุณแสนรัก,คุณแสนรัก……”
ผู้หญิงคนนี้วิ่งเร็วมาก แวบเดียวก็ทิ้งให้เขาอยู่ตรงนั้น และวิ่งตามคนไข้คนนั้นไป
เป็นหมอภาษาอะไรกัน?
ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกดีกับเขา ไม่ทันไรก็ทิ้งคนไข้ของตัวเองไว้แล้วเหรอ?
ประณพรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย เขายืนขึ้นจากรถเข็นวีลแชร์และค่อยๆหันไปทางสองคนนั้นแล้ววิ่งไปหาพวกเขา
“คุณแสนรัก คุณคะ…คุณกำลังจะไปที่ไหน? ต้องขอโทษด้วยนะคะ จริงๆแล้วฉันจะไปดูแลคุณที่ห้องผู้ป่วย แต่ฉันได้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยเตียง15 ฉันจึงทำได้เพียงไปตรวจดูแลภายในห้องเท่านั้น”
ในที่สุดเส้นหมี่ก็ไล่ตามคนนี้ทันจนได้ เขารีบอธิบายอย่างติดอ่าง
แต่ในความเป็นจริง หล่อนก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องอธิบายด้วย?
ทั้งๆที่เมื่อคือเขาเองนั้นแหละที่ไล่หล่อนออกจากห้อง
“ตอนนี้ผมไม่ใช่คนไข้ที่อยู่ในความดูแลของคุณแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาในห้องผู้ป่วยอีก”แต่ผลสรุปเมื่อหล่อนพูดจบ เขาก็นั่งลงบนรถเข็นวีลแชร์แล้วตอบเธออย่างเฉยเมยและไร้ความปรานี
แล้วสีหน้าของเส้นหมี่ก็ซีดลงทันทีทันใด
หล่อนไม่ใช่เป็นคนไม่รักษาคำพูด
เหตุผลที่หล่อนไล่ตามเขาโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยรวมถึงคำพูดเหล่านั้นด้วย ไม่ใช่เพราะเธอห่วงใยเขา อยากดูแลเขา และพาเขากลับบ้านหลังจากรักษาเขาหายแล้ว
พวกเขาเป็นสามีภรรยากันนะ!
เส้นหมี่กล้ำกลืนทนความขมขื่นในหัวใจ และรวบรวมความกล้าอีกครั้ง:“คุณแสนรัก ให้ฉันกลับไปดูแลคุณได้ไหม? เมื่อวานคุณไล่ฉันออกไปเป็นเพราะเรื่องลูกสาวฉันใช่ไหม? ต่อไปนี้คงวางใจได้เลย ฉันจะไม่พาลูกสาวมาด้วยอีกเด็ดขาด”
หล่อนขอวิงวอลเขา และคิดว่าการพาลูกสาวมาด้วยทำให้เขารำคาญใจ เธอจึงสัญญากับเขาว่าจะไม่พาลูกมาอีก
แต่ชายคนนี้ก็ยังคงเฉยเมย
“ตอนนี้ใบหน้าของคุณแพทย์ทุกคนที่นี่หนาขนาดนี้เชียวเหรอ? ก็พูดชัดเจนแล้วแต่ยังทำเหมือนคลุมเครือไม่ชัดเจน หรือเธอต้องการให้ฉันไปคอมเพลนกับไพบูลย์ใช่ไหม? ผมไล่คุณออกไปจากโรงพยาบาลนี้?!”
แต่ละคำคมเหมือนมีด
ผู้ชายคนนี้ ไม่คิดว่าหลังจากที่เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความชั่วร้ายในปากและใจที่โหดเหี้ยมของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปด้วยเลย แค่ประโยคเดียวก็สามารถแทงเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ
และชักเนื้อและเลือดของคุณออกมา
เส้นหมี่ถึงกลับพูดไม่ออก
เธอมองดูผู้ชายนี้ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ความโศกเศร้าในดวงตาของเธอราวกับน้ำหมึกที่เป็นก้อนไม่ละลาย รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจเธอ
“คิตตี้นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่? ฉันให้เธอไปดูแลผู้ป่วยเตียง15ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังอยู่ที่ได้อีกหล่ะ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่าคิดว่าเป็นนักศึกษาของผู้อำนวยการแล้วจะไม่ทำตามกฎระเบียบ ไม่ฟังคำสั่ง โรงพยาบาลสามารถลงโทษเธอได้เหมือนกัน!”
ในขณะนั้นเองหัวหน้าแพทย์ศัลยกรรมก็เข้ามา
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า หล่อนรีบคลุมศีรษะปิดหน้าแล้วสั่งสอนเส้นหมี่ต่อหน้าฝูงชน
เส้นหมี่กำมือแน่น
สุดท้ายก็หล่อนก็เหลือบไปมองผู้ชายคนนั้นที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งๆ โดยที่ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย หล่อนหันหลังไปด้วยน้ำตาคอเบ้าและเดินจากไป
ถึงแม้หล่อนจะรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา
แต่หล่อนก็เสียใจมากจริงๆ
เส้นหมี่ไม่รู้ว่ากลับมาหน้าประตูห้องผู้ป่วยเตียง15ได้อย่าไงไร หล่อนรู้แค่ว่าหลังจากที่หล่อนมาที่นี่ คนที่นั่งอยู่รถเข็นวีลแชร์ที่หล่อนเข็นออกมาก็หายไปแล้ว
คนไปไหนแล้วล่ะ?
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความเศร้าโศกในใจยังหายและยังโชคร้ายมาเจอคนนี้อย่างกะทันหันอีก
“หมอคิตตี้ผมอยู่ข้างใน”
ไม่คิดว่าจู่ๆจะมีเสียงประณพดังออกมาจากห้องผู้ป่วย
เมื่อเส้นหมี่ได้ยินถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาและรีบเข็นรถวีลแชร์เข้าไปในห้อง: “คุณ…ทำไมถึงกลับมาที่ห้องผู้ป่วยอีกหล่ะคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้หมอ….”
“คุณรู้จักกับคุณชายตระกูลเทวเทพไหม? คุณเคยเป็นแพทย์ดูแลเขาเหรอ? ประณพพูดแทรกขัดจังหวะหล่อน ไม่ใช่ว่าเขาอารมณ์เสียแต่เขาถามด้วยความสนใจต่างหาก
คุณชายตระกูลเทวเทพ?
เส้นหมี่รู้สึกแปลกๆเมื่อมีคนที่ไม่คุ้นเคยเรียกชื่อหล่อน
“ไม่รู้จักคะ ช่วงนั้นผู้อำนวยการไพบูลย์เป็นคนฝากคนไข้ให้ฉันดูแล แล้วคุณประณพรู้จักเขาไหมคะ?
“ใช่ผมรู้จักเขา ก็เขาคือคุณชายเล็กของตระกูลเทวเทพที่เพิ่งหาตัวเจอไม่ใช่เหรอ?”ประณพพูดอย่างเยาะเย้อ ระหว่างคิ้วบางๆของเขามองเห็นการเย้าเย้อได้อย่างชัดเจน
เส้นหมี่:“……”
แหง่สิ ในเมืองนี้ใครจะไปสู้เขาได้อีกล่ะ?