เมื่อคิดได้เช่นนี้ กู้ชูหน่วนเริ่มวิเคราะห์ดูค่ายกลที่กักขังพวกเขาไว้

หลินซือหย่วนพูดขึ้นอยู่ข้างหูอย่างสั่นเทาว่า

“แม่นาง เจ้ารีบมายืนอยู่ข้างหลังข้า ข้าจะปกป้องเจ้า”

กู้ชูหน่วนลูบผมที่ข้างหู พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “เจ้าปกป้องท่านปู่กับตนเองให้ดีก็พอ”

“แล้วเจ้าล่ะ”

เสียงราชาหมาป่าหิมะดังขึ้น

หมาป่าหิมะหลายร้อยตัวงอขาหลังเล็กน้อย ขาหน้าเหยียดไปข้างหน้า เดินมุ่งหน้ามา

กรงเล็บอันแหลมคมฟาดใส่ชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยม

เสียงร้องไห้

เสียงร้องโอดครวญ

เสียงไร้ทางสู้ ดังสนั่นขึ้นมา

แม้แต่คนหนุ่ม ก็มีไม่น้อยที่ตกใจจนฉี่ราด

กู้ชูหน่วนเก็บก้อนหินขึ้นมา พร้อมยิงไปที่หมาป่าหิมะด้วยเทคนิคพิเศษ

นางโยนออกไปทีเดียวหลายสิบลูก

แต่ละลูกโจมตีจุดสำคัญของหมาป่าหิมะอย่างแม่นยำ

“ปัง…..”

“ปัง……”

“พัฟ…..”

หมาป่าหิมะที่ถูกก้อนหินยิงถูกต่างล้มลง นานสักพักกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ เคลื่อนไหวเฉื่อยเล็กน้อยแล้วก็กระโจนใส่ชาวบ้านอีกครั้ง หนึ่งในหลายตัวกลับไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้อีก

พวกชาวบ้านตกตะลึง

กู้ชูหน่วนเองก็ตกตะลึง

ความสามารถของนาง…..อ่อนขนาดนี้เลยหรือ?

ก้อนหินที่ถูกโยนออกไป อย่างน้อยแต่ละลูกควรที่จะทำให้หมาป่าหิมะตายได้ไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงเพียงทำให้หมาป่าหิมะบาดเจ็บแค่นั้น?

พวกไป๋หลี่หมิงที่อยู่บนเขายิ่งตกตะลึง

ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?

ลงมือโยนก้อนหินทีละหลายสิบลูก แต่ละลูกก็รวดเร็วแม่นยำ ยังโจมตีจุดสำคัญของหมาป่าหิมะ

“อึ๊บๆ….”

ก้อนหินหลายสิบลูกถูกโยนออกไปอีกครั้ง

ผลเป็นเหมือนอย่างเมื่อกี้

ไป๋หลี่สงสีตาตัวเอง แล้วก็พูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “คุณชาย ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูสามของตระกูลมู่ มู่หน่วน”

“ข้าเห็นแล้ว คนที่ไม่มีประโยชน์คนนั้น นางมีชีพจรยุทธ์เพียงชั้นหนึ่งไม่ใช่หรือ? ไปเอาความสามารถมาจากไหน จนสามารถล้มหมาป่าหิมะได้จำนวนมากขนาดนี้?”

“คือ….อาจจะเป็นแมวตาบอดเจอหนูตาย?”

“โยนไปเรื่อยๆก็สามารถโยนได้แม่นขนาดนั้นหรือ? อีกอย่าง มู่หน่วนถูกตีตายแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังปรากฏตัวอยู่ที่นี่?”

“เรื่องนี้….. ข้าน้อยก็ไม่รู้ ข้าน้อยจะให้คนรีบไปสืบมา”

มองดูการใช้เทคนิคอาวุธลับที่คุ้นเคย แววตาที่คุ้นเคย เสียงอันแหบห้าวของเย่จิ่งหานดังขึ้นว่า

“นางชื่อมู่หน่วน?”

ไป๋หลี่หมิงนั่งตัวตรง

เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนด้านข้างที่ขาพิการทั้งคู่ สวมหน้ากากผีคนนั้นเป็นใคร

แต่ประมุขสั่งไว้หนักหนาว่า จะต้องเคารพให้เกียรติเขา ห้ามละเลย

เขาอยากได้อะไร ก็ต้องทำให้อย่างไรเงื่อนไข

ไป๋หลี่หมิงพูดขึ้นด้วยทัศนคติที่ดีว่า “ใช่ คนที่ไม่มีประโยชน์คนหนึ่งของตระกูลมู่เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะฝึกฝนยังไง ความสามารถของนางก็ยังอยู่ที่ชีพจรยุทธ์ชั้นหนึ่ง ปกติอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง วันนี้แปลกประหลาด แสดงความสามารถออกมาได้อย่างทรงพลังขนาดนี้”

“ที่แปลกประหลาดไปยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อหลายวันก่อน ข้ากับพี่สาวอีกหลายคน ได้ทุบตีนางจนตายแล้ว พร้อมโยนลงไปในหุบเขาร้าง กลับยังสามารถมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ข้ายังนึกว่าเห็นผีเสียอีก”

“มู่หน่วน คุณหนูสามของตระกูล บุตรลำดับที่สามในตระกูล ชื่อก็มีคำว่าหน่วน นางกับนาง มีส่วนที่คล้ายกันอยู่ไม่น้อย”

“อะไรนะ…..”

ไป๋หลี่หมิงฟังอยู่ยังไม่เข้าใจ จึงถามขึ้น

เย่จิ่งหานกลับเงียบ ไม่พูดอะไรอีก

ไป๋หลี่สงพูดขึ้นอย่างเอาใจว่า “คุณชาย มู่หน่วนเป็นเพียงคนที่ไม่มีประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้นเอง หลายวันก่อนที่นางยังไม่ตายเป็นเพราะนางโชคดี วันนี้นางจะต้องกลายเป็นอาหารของหมาป่าหิมะ”

คนใช้อีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยว่า

“ใช่ ดูซิว่านางโง่แค่ไหน ทั้งที่ในมือยังมีก้อนหินกลับไม่โยนใส่หมาป่าหิมะ กลับโยนก้อนหินไปเรื่อย ข้าว่า นางคงตกใจจนฉี่ราดแล้ว ดังนั้นจึงโยนก้อนหินไปเรื่อย”

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

คนที่โง่คือพวกเจ้าต่างหาก

แม่นางมู่หน่วนคนนั้น รู้วิธีทำลายค่ายกลแล้ว จึงใช้ก้อนหินโยนทำลายค่ายกล

พวกเขาเห็นว่า ค่ายกลที่ปกคลุมภูเขาหมาป่าหิมะ ไม่ช้าก็จะถูกนางทำลายแล้ว

พวกเขาต้องยอมรับว่า ทักษะการรับมือค่ายกลของผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งมาก เวลาสั้นขนาดนี้ก็สามารถหาเจอตาของค่ายกล ทำลายค่ายกลได้ ด้วยความสามารถของพวกเขา คิดอยากที่จะทำลายค่ายกล ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย

ส่วนนาง ยังอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน