มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 768
เมื่อเข้าไปใกล้สมบัติทั้งสองชิ้นนี้ในระยะร้อยเมตร ก็จะมีออร่ากฎดั้งเดิมอันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้น ของขลังชั้นสูงต่างถูกบดขยี้เป็นผุยผงในชั่วพริบตา

เทพธิดาต้าวหวูซินจากสำนักดำเหลืองรอบตัวเปล่งแสงเป็นประกาย เหนือศีรษะของนางมีเตาหนึ่งลอยอยู่ บนตัวของเตานั้น มีออร่าเหลืองเสวียนพันโดยรอบ และสามารถต้านทานการบดขยี้ของออร่ากฎดั้งเดิมไว้ได้ ค่อย ๆ ก้าวเดินทีละก้าว ๆ ตรงไปยังเกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยกที่อยู่ใจกลางโถง เพียงแต่การเคลื่อนไหวร่างกายของนางช่างลำบากยากเย็นยิ่งนัก

เสวียนหมายถึงสีดำ แทนความลึกลับ

เหลืองหมายถึงราชันย์ แทนความสูงส่ง

ต้าวหวูซินในครั้งนี้สำแดงพลังที่แกร่งกล้าออกมา ทำให้ผู้คนตกใจ โดยเฉพาะเตาที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของนาง แม้แต่หลัวซิวยังสงสัยว่าอาจจะเป็นอัญมณีแห่งเทพมาร

อีกด้านหนึ่ง ซิงหลิง หวูหยุนและกุ่ยโยวต่างก็สำแดงกลยุทธ์ของตนออกมา ก้าวทีละก้าวอย่างยากลำบากแบบเดียวกัน เพื่อเข้ามาใกล้ศูนย์กลางของห้องโถง

อัจฉริยะหนุ่มมารม่วงก็ไม่ได้เก็บซ่อนกลยุทธ์อีกต่อไป เดินเข้าไปด้านหน้าเช่นเดียวกัน ในตอนนี้กำลังแข็งกันว่าใครจะเป็นคนแรกที่สามารถเดินถึงกลางโถงใหญ่ได้ และมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้ครอบครองสมบัติทั้งสองชิ้นนี้

ส่วนคนอื่น ๆ กลับไม่มีกลยุทธ์ชั้นเลิศเช่นอัจฉริยะเหล่านี้ ทำได้เพียงหยุดอยู่ที่หลังระยะหนึ่งร้อยเมตรจากศูนย์กลางของห้องโถง ไม่สามารถเข้าไปต่อได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถต้านทานออกร่ากฎดั้งเดิมที่ถูกปล่อยออกมาได้

เพียงแค่ออร่าที่แผ่กระจายออกมานั้นก็น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้แล้ว หากว่าเป็นพลังแห่งกฎดั้งเดิม จะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?

“ปัง!”

หลงเย๋เทียนก็สาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไป รอบตัวมีออร่าสีทองเปล่งประกายออกมา ดั่งราชามังกรบินข้ามท้องฟ้า เข้าใกล้ศูนย์กลางของห้องโถง

ในเวลานี้เอง เกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลอมรวมใบหน้าสีทองนิ่งเรียบขึ้นมา และปล่อยเสียงคำรามดังลั่น!

ทันใดนั้น เกราะนักยุทธ์เหลืองทองเปล่งประกายเจิดจ้า พื้นที่ในห้องโถงทั้งหมดถูกบิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์ อัจฉริยะหาตัวจับยากที่อยู่ภายในรัศมีร้อยเมตร ต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เพิ่มขึ้น ร่างกายหยุดชะงักลง ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

“วิญญาณแห่งเกราะทอง?” หลัวซิวได้ยินเสียงคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อครู่ใบหน้าสีทองที่หลวมรวมอยู่เหนือเกราะนักยุทธ์เหลืองทอง มีจิตวิญญาณ

“สวรรค์ เกราะนักยุทธ์นี้คือสมบัติล้ำค่าที่ถูกกลั่นขึ้นโดยภูตทองฟ้าดิน!”

“ใช้จิตฟ้าดินกลั่นสมบัติ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นใครกันแน่ที่มีพลังแกร่งกล้าเช่นนี้”

“ภูตทองฟ้าดินได้ชื่อว่าร่างกายที่เป็นอมตะ ด้วยการกลั่นสมบัติเช่นนี้ เมื่อได้สวมใส่เกราะนักยุทธ์นี้ ไม่ว่าในที่ใดใต้หล้าก็สามารถไปเยือนได้โดยไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว”

คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังพอที่จะบุกเข้าไปในระยะ 100 เมตรตรงกลางโถง แต่ก็ยังมีคนที่มีความรู้อยู่มากมาย

ณ ขณะนี้ ร่างหนึ่งเดินไปข้างหน้า คราวนี้เดินตรงไปยังเขตหวงห้าม 100 เมตรตรงกลางห้องโถง

เขาเปลี่ยนหน้าด้วยการวิชาปรับกระดูก แต่ทุกคนในที่แห่งนี้ตัวสำนึกต่างไม่มีใครที่แข็งแกร่งเท่าหลัวซิว แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้คนประหลาดใจคือ มีเพียงอัจฉริยะหาตัวจับยากที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่าพรีเมี่ยมยุทธ์เท่านั้นที่สามารถเข้ามาในเขตหวงห้าม 100 เมตรได้ หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ก็มีพลังการต่อสู้ถึงระดับนั้น?

“หยุดตรงนั้น!” คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดอยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมา ในมือเขาถือกระจกทองสัมฤทธิ์ ในกระจกนั้นฉายภาพใบหน้าที่แท้จริงของหลัวซิวออกมา

สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด แค่เพียงเพราะตามไล่ล่าเขา ถึงกับนำสมบัติล้ำค่าที่ส่องความจริงติดตัวออกมาด้วย

แต่หลัวซิวก็ไม่ได้กังวลใจอะไร ในตำหนักแห่งนี้ไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งอาวุโสจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ เป็นแค่เพียงเหล่าอัจริยะรุ่นหลังเท่านั้น เขาไม่ได้มองอยู่ในสายตาอยู่แล้ว

ในเมื่อถูกจับตัวตนที่แท้จริงได้แล้ว หลัวซิวจึงไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป และเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา

“ฆ่าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของข้า เจ้ายังกล้ามาปรากฏตัวอยู่ในที่แห่งนี้ วันนี้อย่าได้คิดว่าจะหนีไปได้ ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสีย” บรรดาศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดพากันลุกฮือ จิตสังหารแผ่กระจายออกมา