ตอนที่ 943 มังกรย่อมมีเกล็ด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กลิ่นคาวเลือดอบอวลอย่างรุนแรง ทะลวงชั้นแรกไปได้ในเวลาหนึ่งเดือน มู่เฉียนซีก็ใช่ว่าจะไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อเห็นร่างชุดขาวที่คุ้นเคย มู่เฉียนซีก็สบายใจแล้ว นางกล่าว “เสี่ยวไป๋ พาข้ากลับไปทำแผลเถอะ ครั้งนี้บาดเจ็บไม่น้อยเลย”

“อืม!”

ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา การได้มาเมืองเฮยตูนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ได้เปรียบอยู่มาก เมื่อได้รับบาดเจ็บก็สามารถรักษาตัวเองให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้เร็ว ส่วนพิษก็สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ได้

เวลาสองวันมู่เฉียนซีก็ฟื้นตัวกลับมาหายดีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถผ่านด่านของเสี่ยวไป๋ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ข้าหายดีแล้วจริง ๆ”

“หายดีแล้ว เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ก็เอาชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เจ้าพูดเองนะ”

กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมา กู้ไป๋อีมองไปที่กระบี่มังกรเพลิงเล่มนั้น แสงสลัวก็วาบผ่านดวงตาของเขาทันที

“กระบี่ขอคุณหนูใหญ่ กลิ่นอายแห่งการสังหารและความโหดร้ายได้ผ่านการต่อสู้อันนองเลือดมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งเดือน แข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว”

“เมืองเฮยตูเป็นที่ที่เหมาะกับมันมาก ต่อไปมันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีก เสี่ยวไป๋เจ้าอย่าได้ตกใจไปล่ะ”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

กระบี่เฉียนหานถูกชักออกมาจากฝัก กู้ไป๋อีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “เงาจันทราหนาวเหน็บ!”

เขากระโจนขึ้นกลางอากาศ และโรยตัวลงที่ข้างกายมู่เฉียนซี เขากล่าวว่า “ความโหดร้ายเช่นนี้ คุณหนูใหญ่สามารถควบคุมได้หรือไม่?”

“มังกรเพลิงจะไม่ฆ่าผู้เป็นนาย เสี่ยวไป๋เจ้าวางใจเถอะ!”

“ทักษะเทียนซวน!”

ตูม!

แต่มู่เฉียนซีนั้นกล่าวไม่หมด มังกรเพลิงจะไม่ฆ่าผู้เป็นนาย แต่พิฆาตวิญญาณนั้นไม่แน่

ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ใช่เจ้านายของพิฆาตวิญญาณ

ตูม ตูม ตูม!

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีได้ปะทะฝีมือกัน และนางแพ้แล้ว!

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เสี่ยวไป๋ เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว พลังของเจ้ากลับคืนมาแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

กู้ไป๋อีส่ายหน้า “พลังไม่ได้แข็งแกร่งขึ้น แต่เมืองเฮยตูได้ส่งผลกระทบต่อกำลังการต่อสู้ของข้าก็เท่านั้น”

เขายื่นมือออกไปพลางกล่าว “คุณหนูใหญ่แพ้แล้ว กลับไปรักษาบาดแผลก่อนเถอะ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “แพ้แล้วก็ต้องยอมรับ”

หลังจากพักผ่อนมาทั้งวัน อาการของนางก็หายดีอย่างสมบูรณ์ และมู่เฉียนซีก็มาถึงหอคอยแห่งความตายอีกครั้ง

“คุณหนูมู่ เชิญตามข้ามาที่ชั้นสอง”

ในตอนนี้ ชั้นบนสุดของหอคอยทมิฬ ชายผู้หนึ่งกล่าวเสียงขรึมว่า “ไป๋อี เจ้าไม่ได้มาดื่มชากับข้านานแล้ว หรือว่าเจ้ากำลังยุ่งกับการเก็บศพของคนงามผู้นั้นล่ะ!”

ดวงตาของกู้ไป๋อีมืดสลัวลง “หลงฉือ เจ้าอย่าแตะต้องเกล็ดมังกรของข้า”

หลงฉือยิ้มเย้ยหยันขึ้น “ว่ากันว่ามังกรเท่านั้นถึงจะมีเกล็ด นึกไม่ถึงว่าไป๋อีจะมีเกล็ดด้วย แถมยังเป็นสตรีผู้หนึ่งอีกด้วย”

“เจ้าเรียกข้ามามีเรื่องอันใด?”

“ไป๋อี เจ้าอย่าใจร้อนนักสิ ก็แค่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว กว่าเจ้าจะมาหาข้าได้มันไม่ง่ายเลยนะ ไม่อยู่คุยกับข้าสักหน่อยเหรอ?”

“น่าเบื่อ!” กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชา

ในตอนนี้ พิธีกรในชั้นสอง ได้แนะนำมู่เฉียนซีด้วยความตื่นเต้นในชั้นที่สองของหอคอยแห่งความตาย

“วันนี้ พวกเรามีผู้มาใหม่ นางใช้เวลาภายในหนึ่งเดือนในการสังหารและขึ้นมาชั้นที่สองได้ และนางนั้นก็ยังสวยมากด้วย หวังว่าพวกเจ้าจะคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว และคู่ที่เปิดการประลองในชั้นที่สองของวันนี้ก็คือ มู่เฉียนซีกับโหลวหยูน”

“เป็นนางจริงด้วย! เพียงไม่นานนางก็ลงประลองต่อแล้ว!”

“คนงาม คนงาม นึกไม่ถึงว่าเมืองเฮยตูจะมีคนงามเช่นนี้ด้วย”

“……”

ในขณะที่ร่างในชุดม่วงได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้มีความสงสัยอันใดแล้ว

ผิวขาวนวลเนียน หน้าตางดงามอย่างไร้ที่ติ ดวงตาสดใสสุกสกาวชวนมองดุจดั่งดวงดารา ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก

อย่าว่าแต่ในเมืองเฮยตูเลย แม้แต่ในโลกที่พวกเขาอยู่ พวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นความงามเช่นนี้มาก่อน

“รีบดูเร็วเข้า มิเช่นนั้นเดี๋ยวจะไม่มีให้ดูแล้ว”

“ช่างโชคร้ายจริง ๆ เปิดสนามแรกคนงามก็ได้พบกับโหลวหยูนผู้ประหลาดผู้นั้นแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่ศพก็เกรงว่าจะไม่มีให้ดู”

“มองได้แค่ไหนก็รีบมอง!”

ฝั่งตรงข้ามที่ย่างกรายเดินขึ้นมาบนลานประลองเป็นชายผู้หนึ่งในชุดสีสันสวยงาม ภายในดวงตาที่แคบยาวนั้นเผยความอันตรายออกมา

ทันทีที่เขาขึ้นลานประลอง เขามองไปที่มู่เฉียนซีอย่างพิจารณาและกล่าวว่า “แม่นางน้อย ถึงแม้ว่าเจ้าจะสวยมาก แต่ข้าขอปฏิเสธที่จะกล่าวคำว่ายอมแพ้ต่อเจ้า เพราะข้าชอบศพที่สวยงามมากกว่า วันนี้ต่อให้เจ้าไม่ต้องการต่อสู้ เจ้าก็ต้องสู้อยู่ดี”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่เคยคิดจะยอมแพ้ และคนที่ต้องกลายเป็นศพจะต้องไม่ใช่ข้าแน่นอน แต่เป็นเจ้า”

“เหอะ เหอะ เหอะ! เจ้าก็คอยดูเองก็แล้วกัน!”

เสียง ชิ้ว ชิ้ว! ดังขึ้นสองครา มีดโค้งงอพระจันทร์เสี้ยวสองเล่มก็พุ่งไปทางมู่เฉียนซีทันที

มู่เฉียนซีหลบท่ามกลางการโจมตีของมีดพระจันทร์เสี้ยว

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” เข็มยาหลายเข็มพุ่งออกไป

เมื่อเผชิญหน้ากับเข็มยาที่เหมือนสายฝนเช่นนี้ โหลวหยูนก็รีบหลบหลีกทันที

เขายิ้มและกล่าวว่า “แม่นางน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปแล้ว”

ความเร็วของมีดพระจันทร์เสี้ยวเร็วขึ้น และกระบี่ที่ร้อนแผดเผาก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เฉียนซี!

ตูม!

การปะทะกันระหว่างทั้งสองนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนางถึงสามารถมาชั้นที่สองได้ในเวลาหนึ่งเดือน ความแข็งแกร่งของแม่นางน้อยผู้นี้ช่างวิปริตจริง ๆ”

“รับมือได้ยากมาก! หากเป็นข้า เกรงว่าจะต้องระมัดระวังให้มากเมื่อต้องรับมือกับนาง”

“ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะผิดวิปริต แต่พวกเจ้าก็อย่าได้ลืมไปว่าโหลวหยูนก็รับมือได้ยากเช่นกัน ต่อให้เขาแพ้ เขาก็ต้องฉีกเนื้อหนังมังสาของคู่ต่อสู้ได้เช่นกัน!”

ตูม!

ร่างของทั้งสองแยกออกจากกัน และสีหน้าของทั้งสองก็ไม่ค่อยจะดีนัก!

คราบเลือดสีแดงสดปรากฏขึ้นบนแก้มของมู่เฉียนซี นางถูกคมมีดนั้นกรีด

แต่เปลวเพลิงของกระบี่มังกรเพลิงก็เผาเสื้อผ้าของโหลวหยูนจนขาดรุ่งริ่งเช่นกัน

โหลวหยูนมองมู่เฉียนซีด้วยความโหดเหี้ยม “ช่างเป็นสาวน้อยที่รับมือได้ยากจริง ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าก็เช่นกัน!”

ผู้แข็งแกร่งกับผู้แข็งแกร่งต่อสู้กันไปมาไม่รู้กี่กระบวนท่าต่อกี่กระบวนท่า

พลังวิญญาณธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นรอบตัวมู่เชียนซี และมู่เฉียนซีก็โจมตีไป!

“ทักษะโยวหลัว!”

ตูม!

เสียงดังสนั่นขึ้น และร่างของโหลวหยูนก็กระเด็นลอยออกไป

ในตอนนี้ มีดพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่ในมือของเขาพุ่งออกมา และมู่เฉียนซีก็เอียงตัวหลบ แต่มีดพระจันทร์เสี้ยวอีกเล่มกลับพุ่งออกมาจากพื้น!

พรวด!

แม้ว่าการตอบสนองของมู่เฉียนซีจะเร็วมาก แต่ข้อมือของนางก็ถูกคมมีดเล่มนี้กรีดอยู่ดี

เพียงนิดเดียว!

ข้อมือข้างหนึ่งของมู่เฉียนซีถูกย้อมไปด้วยเลือด

พรวด! โหลวหยูนกระอักเลือดคำโตออกมา

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าแพ้แล้ว แต่ข้อมือของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าก็ไม่อาจถือกระบี่ได้แล้ว เจ้ามีชีวิตรอดอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า!”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใครบอกว่าข้อมือของข้าจะถือกระบี่ไม่ได้ มันเป็นเพียงบาดแผลที่ถลอกผิวหนังเล็กน้อยก็เท่านั้น”

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจขึ้น นางว่ายังไงนะ นางบอกว่ามันเป็นเพียงบาดแผลที่ถลอกผิวหนังเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ!

โหลวหยูนยิ้มพลางกล่าว “แม่นางน้อย เจ้าอย่าฝืนไปหน่อยเลย ข้อมือของเจ้าจะต้องพิการเป็นแน่ และเจ้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าก็พูดเหมือนว่ามันสาหัสมาก”

“ไม่สาหัสอย่างนั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพจะไม่หลั่งน้ำตา” โหลวหยูนกล่าวอย่างโหดเหี้ยม

ในตอนนี้พิธีกรในชั้นสองกล่าวถามว่า “แม่นางมู่ ต้องการให้พวกเราไปเชิญนักปรุงยามาให้หรือไม่ แต่อาการบาดเจ็บเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่นักปรุงยาก็ไม่อาจมาทัน เกรงว่า…”

มู่เฉียนซีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ข้าไม่ต้องการนักปรุงยา” โหลวหยูนหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “ดูท่า เจ้าจะยอมรับแล้วสินะ ข้าโหลวหยูน ต่อให้พ่ายแพ้ ก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยให้ได้!”