การมาถึงของมี่ตั้วตั้วและมี่ฮงทำให้ความเครียดของทางฝั่งสันเขาหมื่นอสูรเพิ่มมากยิ่งขึ้น
คนผู้นี้อยู่ฝั่งไหนกัน? และอีกอย่างที่มันแปลกประหลาดเป็นอย่างมากก็คือชายผู้นี้มีอสูรทมิฬสงครามคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้ได้ยังไง?
หรือว่าเรื่องที่ทะเลชางหมางมีความลับสำคัญซ่อนอยู่มันจะเป็นเรื่องจริง?
เมื่อได้ยินข้อเสนอของมี่ตั้วตั้ว อสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิก็มองหน้ามี่ฮง และถามว่า “ข้ารู้กฎของเผ่าเจ้า หากเจ้าช่วยพวกข้าหรือถ้าพวกข้าอยากให้เจ้าหลีกทางให้ พวกข้าต้องจ่ายเท่าไหร่?”
มี่ฮงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้ามีข้อตกลงผูกมัดกับมี่ตั้วตั้วเอาไว้แล้ว ดังนั้นข้ายังไม่รับข้อตกลงอื่นจนกว่าข้อตกลงเก่าจะเสร็จสมบูรณ์”
อันที่จริงบรรพบุรุษของเขาสั่งมาให้เขาคอยปกป้องมี่ตั้วตั้ว มันไม่ใช่การทำข้อตกลงใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่เขาจะเดินทางออกมาจากเผ่า บรรพบุรุษของเขาก็อธิบายเหตุผลเอาไว้เช่นกันว่า มี่ตั้วตั้ว มีผลต่ออนาคตทั้งเผ่าของเขาอย่างไร
ดังนั้นมันต้องเป็นราคาเท่าไหร่กันถึงจะสามารถเทียบเท่ากับอนาคตของเผ่าของเขาได้?
แต่เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความลับนี้แม้เพียงเล็กน้อย เขาจึงใช้ข้ออ้างว่าเขากำลังอยู่ในระหว่างการทำหน้าที่ตามข้อตกลงเพื่อปฏิเสธไปแบบไม่ให้มีพิรุธ
อสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิหัวเราะอย่างขมขื่น และตอบกลับว่า “ก็ได้ ถ้างั้นข้ายืนดูอยู่เฉย ๆ ตามข้อเสนอที่พวกเจ้าบอกมาก็แล้วกัน!”
มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เนื่องจากอสูรทมิฬสงครามขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าหากปะทะกันขึ้นมามันจะมีแต่ฝั่งของพวกเขาที่เสียเปรียบ เพราะทางฝั่งของอาณาจักรจันทราก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิอยู่คนหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาก็คือยืนดูอยู่เฉย ๆ ตามข้อเสนอของมี่ตั้วตั้ว
ในเวลาเดียวกัน บรรดาอสูรเผ่าอื่น ๆ ก็ถามโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง “นายน้อยพวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”
เนื่องจากอาณาจักรจันทราแห่งนี้มันไม่ปกติเกินไป กองกำลังแล้วกองกำลังเล่าปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ ขัดขวางแผนการของพวกเขา ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาจะไม่กังวลได้ยังไง?
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งตอบกลับด้วยสีหน้าแน่วแน่ “ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร พวกเราจำเป็นต้องสู้ศึกครั้งนี้! นี่มันคือครั้งแรกในรอบหมื่นปีที่พวกเราเดินทัพใหญ่ออกมาจากสันเขาหมื่นอสูร! พวกเราต้องแสดงให้โลกเห็นว่าพวกเราจะไม่ถอยให้กับใครง่าย ๆ!”
อสูรจิ้งจอกระดับสูงพยักหน้า และพูดว่า “ข้าเห็นด้วยกับนายน้อย! ยิ่งเห็นว่าอาณาจักรจันทราไม่ปกติแบบนี้ พวกเราก็ยิ่งจำเป็นต้องบังคับให้พวกมันเผยไพ่ลับของพวกมันออกมาให้ได้มากที่สุด ต่อให้ข้าจะต้องสังเวยลูกหลานของข้าไปสักล้านตนเพื่อแลกกับการได้เห็นไพ่ลับของอาณาจักรจันทราทั้งหมดเพื่อเอาไปหาจุดอ่อนพวกมันในอนาคตข้าก็ยอม!”
“และที่สำคัญพวกเราจะต้องไปกลัวอะไร พวกเราเผ่าอสูรนั้นมีทายาทได้ทีละมาก ๆ อยู่แล้วต่อให้พวกเราตายไปสักล้านตน แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นจำนวนของพวกเผ่ามนุษย์ที่ตายก็ต้องไม่แพ้เราสักเท่าไหร่ พวกเราใช้เวลาไม่นานก็สามารถชดเชยจำนวนที่เสียไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นพวกมนุษย์ล่ะก็พวกมันไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้น ๆ เหมือนพวกเราแน่!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้บรรดาอสูรเผ่าอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกันหมด
การสูญเสียอสูรล้านตนนั้นไม่ได้ถือว่ามากมายอะไรสักเท่าไหร่สำหรับสันเขาหมื่นอสูร อย่างมากที่สุดพวกมันก็อาจจะใช้เวลาสักไม่กี่ร้อยปีในการชดเชยจำนวนที่เสียไปคืนมาทั้งหมด แต่ถ้าเทียบกับพวกมนุษย์แล้วพันปีก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่ากับการชดเชยจำนวนของผู้เชี่ยวชาญที่หายไปมากขนาดนั้น
เมื่อได้ข้อสรุปทุกอย่างแล้ว โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งก็ตะโกนไปหาหลิงยี่เทียน “ข้าไม่นึกเลยว่าอาณาจักรเล็ก ๆ ของเจ้าจะมีขุมกำลังหนุนหลังมากมายขนาดนี้ แต่ต่อให้เจ้าจะมีใครหนุนหลังมากสักเท่าไหร่มันก็ไร้ค่า ไม่ว่ายังไงวันนี้อาณาจักรจันทราจะต้องราบเป็นหน้ากลองด้วยฝีมือของข้า!”
“แต่ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้งหนึ่ง ถ้าเจ้าส่งตัวผู้ที่สังหารและกินเผ่าอสูรของข้ามาให้ข้าทั้งหมดและประกาศคำขอโทษของเจ้าอย่างเป็นทางการให้คนทั้งโลกรู้และชดใช้ความเสียหายทั้งหมดให้กับฝั่งของข้า ข้าจะยอมถอยทัพกลับออกไป”
ในความเป็นจริง ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไรเขาก็ไม่มีวันถอยทัพกลับไป
แม้ว่าหลิงยี่เทียนจะยอมตกลงในข้อเสนอนี้ เขาก็จะเรียกร้องเงื่อนไขเพิ่มจนหลิงยี่เทียนไม่อาจตกลงได้ไปเอง
ส่วนทางด้านของหลิงยี่เทียน เขาเองก็ไม่มีความคิดจะตกลงอะไรด้วยอยู่แล้ว
ใครบ้างล่ะที่ฆ่าพวกอสูรเหล่านั้น? ใครบ้างล่ะที่กินพวกอสูร? มันก็ญาติพี่น้องและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งนั้น เขาจะไปตกลงได้ยังไง?
ในเมื่อทุกอย่างลงเอ่ยเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้เท่านั้น!
“อย่าเสียเวลาพูดให้มากความ เจ้ากับข้าเมื่อเตรียมทัพเสร็จพวกเราก็มาสู้กันซะให้มันจบ ๆ ไป!” หลิงยี่เทียนตอบกลับ
มี่ฮงและมี่ตั้วตั้วได้ยื่นข้อเสนอไปแล้วให้สันเขาหมื่นอสูรไม่ส่งอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิออกมา ดังนั้นตอนนี้เขาก็เหลือแต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 2 คนที่เป็นคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ และอีก 3 คนที่เป็นของสันเขาทรราช ซึ้งด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ กำลังรบของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของฝั่งเขาย่อมไม่ด้อยไปกว่าฝั่งตรงข้ามแน่นอน
ดังนั้นปัญหาอย่างเดียวที่เขามีในตอนนี้ก็คือถึงแม้อาณาจักรของเขาจะได้รับกองกำลังทหารมาเพิ่มจากอาณาจักรเลือดทระนงและอาณาจักรอี้จิ๋นกว่าล้านนาย แต่ทหารเหล่านี้ก็ยังไม่เคยออกสนามรบจริงเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าทหารเหล่านี้ที่เขาได้มาใหม่จะมีค่ายกลรบเป็นของตัวเอง แต่หลิงยี่เทียนก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าทหารเหล่านี้จะพึ่งพาได้มากแค่ไหน
ตอนนี้มันจึงกลับกลายเป็นว่ากองทัพเดียวที่เขาหวังพึ่งได้ก็คือกองทัพมังกรของหลิงว่านจุน
ในขณะที่หลิงยี่เทียนกำลังจะกลับไปเตรียมวางแผนการรบ อสูรจิ้งจอกระดับสูงก็พูดกับโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งทางโทรจิตเพื่อเสนอแผนอะไรบางอย่าง
ก่อนที่หลิงยี่เทียนจะกลับไปเตรียมตัว โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งก็ตะโกนขึ้น “อย่าเพิ่งไป!”
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีก?” หลิงยี่เทียนถามขึ้น
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งหัวเราะและพูดว่า “ให้ข้าพูดตามตรง จำนวนของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิของทางฝั่งเจ้านั้นมันเกินที่ข้าคาดคิดเอาไว้มาก ในตอนแรกข้าคิดว่าแค่เพียงอสูรขอบเขตจักรพรรดิของข้าแค่ตนเดียวก็จัดการกับพวกเจ้าได้แล้ว”
“แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิของฝั่งพวกเราทั้งสองดันเท่ากัน ดังนั้นเอาแบบนี้ไหม พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิในการห้ำหั่นกัน? ไม่เช่นนั้นหากมีการรบของเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิเกิดขึ้น ทั้งอาณาเขตนภาคงจะเหลือแต่ซาก ที่นี่มันอาณาเขตบ้านเกิดของเจ้านี่นาจริงไหม? เจ้าไม่คิดถึงอนาคตของพวกเจ้าบ้างเหรอว่าจะอยู่กันยังไงถ้าอาณาเขตนี้ทั้งหมดมันเหลือแต่ซาก?”
เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ หลิงยี่เทียนก็นิ่งเงียบไปสักพัก มันเป็นจริงอย่างที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดทุกประการ หากการรบครั้งนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิเข้ามาร่วมด้วย ความเสียหายของการปะทะกันมันจะมหาศาลเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตัวเขาและเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอาจจะรอดตาย แต่บรรดาทหารระดับล่างรวมไปถึงประชาชนคนธรรมดาคงจะต้องตายกันจนนับไม่ถ้วน ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ เขายอมรับความเสียหายแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับเหล่ามนุษย์ไม่ได้
และนี่ยังไม่รวมไปถึงสนามรบแห่งนี้คือดินแดนของอาณาจักรเขาเอง ต่อให้เขาจะชนะ แต่ถ้าทุกอย่างมันเหลือแต่ซากมันก็ไม่มีความหมายอะไร
ยิ่งหลิงยี่เทียนคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเสียเปรียบตรงจุดนี้จริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตกลงตามข้อเสนอที่โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเสนอออกมา “ข้าตกลง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบของเราที่กำลังจะเกิดขึ้น”