บทที่ 1145 สู้กับเซี่ยหยู่

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1145 สู้กับเซี่ยหยู่

“ไสหัวไป**!”**

ภายใต้การห่อหุ้มของคลื่นหลิง เสียงคำรามเย็นชาของมู่เฉินกวาดออกไปราวกับคลื่นน้ำ กระทั่งน้ำในทะเลสาบก็ยังซัดเป็นคลื่น

ผู้ชมโดยรอบหลบหลีกเกลียวคลื่น ขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาแปลกประหลาดและตกใจ

เห็นชัดพวกเขาไม่คิดเลยว่าเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อย่างเซี่ยหยู่ มู่เฉินจะตอบกลับแบบทั้งตรงและแรงโดยไม่ไว้หน้าเซี่ยหยู่แม้แต่น้อย

นั่นเซี่ยหยู่นะ! องค์รัชทายาทแคว้นเซี่ย จอมยุทธ์รุ่นใหม่อันดับสี่ของทวีปเชียวนะ!

แม้แต่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ในทวีปเทียนหลัวก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเซี่ยหยู่ได้ นอกจากนี้ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้มาจากฐานะ แต่มาจากการต่อสู้เลือดเดือดที่ในอดีต

เมื่อเผชิญกับคนเช่นนี้ แม้แต่จาโหลหลัว ซูชิงหยิงและคนอื่นๆ ก็ต้องต่อสู้อย่างจริงจัง

“มู่เฉินบ้าระห่ำเกินไปแล้ว…” บางคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงต่ำแฝงแววเยาะเย้ย แม้ว่ามู่เฉินจะโดดเด่นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ยังขาดอีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์เจนสนามอย่างเซี่ยหยู่

“ใช่ แต่มู่เฉินก็ไม่ง่ายเช่นกัน ในเมื่อไปไกลขนาดนี้ได้ตั้งแต่อายุเพียงนี้”

“ฮ่าๆ เขาจะธรรมดาได้อย่างไรในเมื่อรับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำ? ถ้าเซี่ยหยู่คิดสู้จริงๆ ข้าคิดว่าชนะหรือแพ้ก็คาดเดาลำบาก” มีคนหลายคนไม่ชอบขี้หน้าเซี่ยหยู่ ดังนั้นจึงมีความคิดเห็นแง่ดีเกี่ยวกับมู่เฉิน

“ตลกล่ะ! ตัวตนของมู่เฉินในฐานะศิษย์ระดับมังกรทองคำจะเทียบกับเซี่ยหยู่ได้ยังไง? ข้าคิดว่าเขาอาจแค่โชคดีพบช่องโหว่ในประตูมังกรทะยานสวรรค์”

“…”

ขณะที่เสียงสนทนาผู้คนดังก้อง เซี่ยหยู่ก็ยืนกอดอกมองไปที่มู่เฉิน ก่อนจะค่อยๆ ถอนรอยยิ้มบนใบหน้าทีละน้อย

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้พบพวกเย่อหยิ่งต่อหน้า” เซี่ยหยู่หลุบตาขณะพูดเสียงเบา

“ถ้างั้นเจ้าก็ได้พบแล้ว” มู่เฉินตอบกลับแบบสบายๆ เซี่ยหยู่จ้องหาเรื่องเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำถ้ามีโอกาสก็จะโจมตีอย่างโหดเหี้ยม ถ้าไม่ใช่ความจริงที่เขาต้องการรับการชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาคงซัดเซี่ยหยู่เต็มเหนี่ยวไปแล้ว ยิ่งตอนนี้เซี่ยหยู่ยังพยายามคิดปล้นจิตทะเลสาบ มู่เฉินก็ไม่คิดยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว!

แสงเย็นเยือกวูบวาบในดวงตาของเซี่ยหยู่ก่อนจะพยักหน้า “ดี ในเมื่อแกเรียกร้องความตาย ข้าจะช่วยให้สมหวัง ถึงตอนนั้นข้าจะสงเคราะห์ส่งศพกลับไปที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ให้”

“ยังไม่แน่เลยว่าใครจะส่งศพใครกลับ” มู่เฉินยิ้มขณะตอกหน้า

“ดูเหมือนค่ายกลรอบตัวเหล่านี้จะทำให้แกมีความมั่นใจมากนะ” เซี่ยหยู่เยาะเย้ย ในมุมมองของเขา เหตุผลที่มู่เฉินกล้าท้าทายเป็นเพราะการห้อมล้อมด้วยชั้นค่ายกลจำนวนมาก แต่มันไม่รู้หรือไงว่าฝ่ายตรงข้ามต้องเข้าสู่ขอบเขตค่ายกลถึงจะปลดปล่อยพลังได้?

เผชิญกับหลิงเจิ้นซือที่วางค่ายกลไว้ คนมีสมองก็ไม่คิดทะเล่อทะล่าเข้าไปหรอก ดังนั้นหากมู่เฉินพูดยั่วยุคิดให้เขาพุ่งเข้าไปในค่ายกลก็ผิดคาดไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลชั้นนอกสุด ทำให้เกิดความหวาดกลัวแม้กระทั่งตัวเขา หากเขาเข้าไปต่อให้เป็นความมั่นใจในตัวเอง เซี่ยหยู่ก็ไม่รู้สึกว่าจะสามารถทำลายค่ายกลได้ง่าย

ประจันหน้ากับการเยาะเย้ยของเซี่ยหยู่ มุมปากมู่เฉินก็เผยรอยยิ้มเหยียดคล้ายกัน “แกกล้าท้าทายข้า แต่กลับขี้ขลาด รัชทายาทแคว้นเซี่ยน่าสังเวชจริงๆ”

ใบหน้าของเซี่ยหยู่เย็นชาลงหลายส่วนพลางจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาคมกริบเหมือนใบมีด ราวกับว่าเขาต้องการสับอีกฝ่ายเป็นพันชิ้น!

ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจกลับยิ้มบาง “ในเมื่อองค์ชายใหญ่แคว้นเซี่ยอ่อนขนาดนี้ งั้นครั้งนี้ข้าก็จะเสียเปรียบให้หน่อยละกัน ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าข้ารังแกเจ้าด้วยค่ายกล”

เมื่อพูดจบเรือมังกรทองคำก็ลอยออกมาจากขอบเขตของค่ายกล

มู่เฉินไม่ได้ประเมินความสามารถของตัวเองสูงล้ำที่ออกจากแนวป้องกันของค่ายกล นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าเซี่ยหยู่ไม่มีความกล้าที่จะเข้ามานี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียเวลามาก ซึ่งมู่เฉินไม่ต้องการให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากนี่คือช่วงเวลาทองคำ เขาต้องเก็บทุกวินาทีเพื่อจับจิตทะเลสาบ นอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถอยู่ในค่ายกลได้ตลอด หากเขาบังคับเซี่ยหยู่มากเกินไปและทำให้อีกฝ่ายใช้วิธีการชั่วร้ายโดยการดึงดูดจิตทะเลสาบบางส่วนให้เข้ามาปะทะกับค่ายกล งานนี้มู่เฉินอาจจะพังยับเยินก็ได้

ดังนั้นเขาจึงเลือกก้าวออกไป ทิ้งปราการค่ายกลไว้ข้างหลังเพื่อเป็นการปกป้อง

“คึๆ มู่เฉินปล่อยค่ายกลแล้ว…เขามั่นใจอะไรขนาดนั้น” เมื่อผู้ชมเห็นภาพนี้ต่างก็อดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะการก้าวออกจากแนวป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ต้องการความกล้าหาญและมั่นใจในตนเองมากจริงๆ

“เป็นเพราะเซี่ยหยู่ขี้แหยนะสิ เขาเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ย แต่กระนั้นก็ยังขี้ขลาด มิน่าเขาถึงด้อยกว่าจาโหลหลัว ซูชิงหยิงและจู้เยี่ยน” มีคนส่ายหัวพลางพูดขึ้น

“ใช่สิ…”

ชัดว่าการกระทำของมู่เฉินทำให้ได้รับคำชม ขณะเซี่ยหยู่ถูกตำหนิ

เมื่อเซี่ยหยู่ได้ยินคำพูดจากที่ไกลเหล่านั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่คิดว่าการที่มู่เฉินก้าวออกมาก่อนจะทำให้เขาตกอยู่ในจุดน่าเกลียดชังเช่นนี้

แม้ว่าเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ แต่คนอื่นๆ อาจบอกว่าเขาไม่สมควรได้รับชัยชนะ และถ้าเขาแพ้ก็จะกลายเป็นหินรองเท้าให้มู่เฉินก้าวขึ้นไป ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรเขาแพ้ไปครึ่งทางแล้ว

“ไอ้เจ้าเล่ห์!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่มืดมนลงเนื่องจากไม่คิดว่าความลังเลเล็กน้อยของตนเองจะทำให้ตกอยู่ในแผนของมู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะอายุน้อยแต่ก็เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่เซี่ยหงก็แพ้คามือ มิหนำซ้ำยังถูกหลอกให้ประทับตราในใบแจ้งหนี้ด้วย

มู่เฉินยิ้มบาง ในเมื่อเซี่ยหยู่ต้องการให้เขาหยุดใช้ไพ่ตาย แกก็ต้องจ่ายราคาในการแลกเปลี่ยนเช่นกัน!

แม้ว่าความคิดเห็นของสาธารณชนจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเขา แต่เซี่ยหยู่ก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ ก่อนที่จะมองมู่เฉินอย่างไม่แยแสพร้อมกับจิตสังหารกะพริบอยู่ในดวงตา

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหยู่วางแผนที่จะทำให้มู่เฉินเป็นง่อยอยู่ที่นี่แล้ว

เซี่ยหยู่ทิ้งแขนลงข้างลำตัว คลื่นหลิงไร้ขอบเขตปะทุออกมาจากร่างกายคล้ายกับภูเขาไฟพร้อมกับกวาดคลื่นออกมาทำให้น้ำในทะเลสาบถูกผลักออกไป พื้นที่รอบตัวกลายเป็นสุญญากาศ

คลื่นหลิงอันทรงพลังถูกปล่อยออกมา

เมื่อผู้ชมรู้สึกถึงแรงกดดันคลื่นหลิง ใบหน้าก็เปลี่ยนไป ระดับของความกดดันอยู่ในขอบเขตระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มและใกล้เคียงกับจุดสูงสุดแล้ว

เซี่ยหยู่คู่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อมู่เฉินแล้ว

“ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าแผนทุกประเภทเป็นเรื่องตลกต่อหน้าความแข็งแกร่งแท้จริง”

ใบหน้าเซี่ยหยู่ฉายความไม่แยแส จากนั้นก็เหยียดมือตรงก่อนที่จะกระแทกลงไปหามู่เฉินจากระยะไกล

ครืน!

เมื่อมือของเซี่ยหยู่กดลงมา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันอยู่ใต้ฝ่ามือกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่เอิบอาบด้วยกลิ่นอายสูงส่ง ราวกับว่าเป็นจักรพรรดิ ณ ที่แห่งนี้

“แคว้นเซี่ย ฝ่ามือโอรสสวรรค์!”

ฝ่ามือควบแน่นด้วยกลิ่นอายมังกรของแคว้นเซี่ยซึ่งคล้ายกับจักรพรรดิปกครองโลก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าธรรมดาความกล้าก็ยังแตกสลายด้วยฝ่ามือนี้

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหยู่เปิดเผยความแกร่งกร้าวทรงพลังทันทีที่ออกกระบวนท่า

ตู้ม ตู้ม!

มังกรตัวใหญ่กลายเป็นตราประทับมังกรแหวกผ่านมิติพุ่งเข้าหามู่เฉิน ช่างดูสูงส่งและครอบงำ

มู่เฉินเงยหน้าขึ้น ฝ่ามือของเซี่ยหยู่อาจดูเรียบง่าย แต่พลังที่รวบรวมอยู่นั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ

“แคว้นอ่อนแอกล้าที่จะประกาศตัวเองว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์เรอะ?”

ใบหน้าของมู่เฉินสงบลง ถ้าแคว้นเซี่ยสามารถครองทวีปเทียนหลัวได้ทั้งหมดรัศมีก็คงจะน่ากลัว แต่น่าเสียดายที่แคว้นเซี่ยเป็นเพียงผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นในทวีปเทียนหลัวเท่านั้น ซึ่งยังอ่อนหัดเกินไปที่ต้องการกดดันผู้คนด้วยรัศมี

โฮก!

มู่เฉินประกบมือ ทันใดนั้นเกลียวแสงสีทองก็พร่างพราวออกมาจากร่างก่อนที่ทุกคนจะเห็นเงามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉิน เมื่อเทพอสูรทั้งสองอุบัติขึ้น พลังอำนาจที่ไม่อาจพรรณนาได้ก็กระจายออกไป

นี่เป็นรัศมีจากมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง จักรพรรดิแห่งเผ่ามังกรและหงส์ฟ้า พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจุดสูงสุดของมหาพันภพ ดังนั้นพลังอำนาจจึงน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘รัศมีเทียนจื่อ’ ของแคว้นเซี่ย

“ฝ่ามือมังกรหงส์ปกครองสรรพสิ่ง”

มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงสถิตอยู่ในม่านตาของมู่เฉิน ขณะที่เขาผลักฝ่ามือออกไป จิตวิญญาณเทพอสูรทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็รวมตัวเข้าหาฝ่ามือเขา ยิงออกไปในลักษณะของลำแสงสีทอง

ครืน!

ฝ่ามือทั้งสองกวาดข้ามมิติโดยแต่ละฝั่งมีมังกรอยู่ภายใน เปล่งกลิ่นอายสูงส่งขณะที่ปะทะกัน

พลังสองสายที่น่ากลัวปะทะกัน

จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงทะยานออกมาปะทะกับมังกรฝ่ายตรงข้าม

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ทะเลสาบแปรปรวน แต่ใบหน้าของเซี่ยหยู่กลับไม่น่าดูเอาเลย เนื่องจากเขาเห็นว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง มังกรของเขาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

แม้มังกรที่เขาได้รับการฝึกฝนจะทรงพลัง แต่ก็อ่อนแอกว่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงอย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นหลิงของเขาแข็งแกร่งกว่ามู่เฉิน มังกรของเขาคงจะพังทลายไปนานแล้ว

“ไม่คิดว่าแกจะมีจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่มืดมน แต่ในส่วนลึกกลับปะทุด้วยความโลภ หากเขาได้รับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและให้มังกรของเขาได้กลืนกินละก็จะต้องเพิ่มพลังในการต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน

“วันนี้มู่เฉินต้องตาย!”

ดวงตาของเซี่ยหยู่เปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่า จากนั้นเขาก็โบกมือเรียกมังกรที่อ่อนแอลงอย่างรวดเร็วกลับก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไป เกลียวแสงมากมายระเบิดออกข้างหลังก่อนที่ร่างขนาดใหญ่จะควบแน่นอย่างรวดเร็ว

ร่างนั้นสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิสีทองพร้อมมงกุฎราวกับเป็นผู้ปกครองที่เปล่งรัศมีสูงส่ง

เมื่อผู้ชมเห็นภาพนี้ม่านตาก็หดลงทันทีขณะที่อุทาน “นั่นคือ…ร่างราชันฟากฟ้า?”

อันดับที่สี่สิบห้าของคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง—ร่างราชันฟากฟ้า!