บทที่ 762 อาหารจานพิเศษ (ต้น)

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 762 อาหารจานพิเศษ (ต้น)

ว่าอย่างไรนะ?

กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่หน้าทางเข้าค่ายที่พักนึกว่าตนเองหูฝาด

ยังจะต้องรอ…

รับประทานอาหารเช้าให้เสร็จอีกหรือ?

นี่หมายความว่า หลังจากที่ปล่อยให้ท่านเจ้าเมืองเหลียงหยวนเตาอดทนรอตนเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินยังจะให้ชายอ้วนผู้อำมหิตรอคอยตนเองรับประทานอาหารเช้าให้เสร็จสิ้นอีก?

นี่มัน…

ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเหลียงหยวนเตากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทันทีที่ทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็รับทราบทันทีว่าชีวิตของเด็กหนุ่มคงจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้แล้ว

โค้วจงชำเลืองหางตามองขึ้นไปบนยอดต้นไม้

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางอยู่รอดได้อีกต่อไป

หลังจากนั้น ไม่ทันที่เหลียงหยวนเตาจะได้พูดอะไรออกมา สองสาวรับใช้ก็นำโต๊ะอาหารและเก้าอี้ออกมาตั้งที่ริมระเบียง ตามด้วยอาหารอีกหลายชนิดซึ่งถูกจัดวางอย่างสวยงามอยู่บนจานเงินและจานทอง…

กลุ่มคนที่รออยู่หน้าค่ายที่พักมีเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก

จะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?

หลินเป่ยเฉินคิดจะปล่อยให้ผู้คนยืนรอตนเองรับประทานอาหารจริง ๆ ?

นี่คือเด็กหนุ่มสมองเสื่อมโดยแท้

เขาไม่เห็นหรือไงนะว่าท่านเจ้าเมืองนำกองทัพมาปิดล้อมค่ายที่พักของตนเองแล้ว หากหลินเป่ยเฉินรู้ แล้วทำไมถึงยังมีอารมณ์รับประทานอาหารได้อีก?

เด็กคนนี้ถือดีอะไรกัน?

เมื่อเผชิญหน้าการยั่วโมโหของหลินเป่ยเฉิน เหลียงหยวนเตาก็จ้องมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสงบสุขุม

ชายอ้วนกำลังใช้ความคิด

จริงอยู่ที่เหลียงหยวนเตาเป็นคนวิกลจริต

แต่เขาก็เป็นคนวิกลจริตที่มีสมอง

โดยส่วนใหญ่ บุคคลวิกลจริตมักไม่ค่อยใช้สมองไตร่ตรองเรื่องราวทุกอย่าง เพราะการใช้สมองจะทำให้พวกเขาปวดหัว และคนวิกลจริตไม่ชอบให้ตนเองปวดหัว

แต่เหลียงหยวนเตาเป็นบุคคลวิกลจริตที่รู้จักใช้สมอง เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นความน่ากลัวของเขาชนิดหนึ่ง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ริมระเบียงของกระโจมที่พักบนยอดต้นสนอย่างสบายอารมณ์

โต๊ะอาหารของเด็กหนุ่มมีอาหารมากกว่า 40 ชนิดวางเรียงรายละลานตา เฉียนเหมยในชุดเกราะสีแดงยืนอยู่ด้านหลังคอยนวดไหล่ให้เด็กหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ ขณะที่เฉียนเจินฉินในชุดกระโปรงขาวสวยงามบริสุทธิ์ก็คอยป้อนอาหารใส่ปากให้แก่เด็กหนุ่มตลอดเวลา…

ภาพเหล่านี้ทำให้เหล่าขุนนางใหญ่ต้องตกตะลึงไปอีกครั้ง

เด็กสาวผู้กำราบขันทีเฒ่าเซียวเซียวเมื่อสักครู่นี้ เป็นคนเดียวกับที่กำลังยืนนวดไหล่ให้แก่หลินเป่ยเฉินขณะนี้จริง ๆ หรือ?

นางมือหนักขนาดนั้น หลินเป่ยเฉินไม่กลัวถูกเฉียนเหมยบีบหัวไหล่จนกระดูกแตกหักหรืออย่างไร?

แล้วเทพธิดาในชุดขาวนั่นอีก เหตุไฉนถึงต้องป้อนอาหารใส่ปากหลินเป่ยเฉินด้วยความประคบประหงมขนาดนั้น…

ยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ จิตใจของเหล่าผู้ที่เป็นบุรุษหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกอิจฉามากเท่านั้น

โดยเฉพาะบรรดาขุนนางใหญ่ที่ขณะนี้กำหมัดแน่น

จริงอยู่ที่พวกเขามีอาหารและเครื่องดื่มรวมไปถึงจำนวนหญิงรับใช้ประจำตัวมากกว่าหลินเป่ยเฉิน

แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องคุณภาพแล้วล่ะก็ หญิงรับใช้ของพวกเขาไม่มีทางสู้กับคนรับใช้ส่วนตัวของหลินเป่ยเฉินได้เด็ดขาด

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ความคิดและจิตใจของทุกคนวุ่นวายสับสน

เพราะว่าภาพที่พวกเขาเห็นคือสิ่งที่แปลกประหลาดเหลือเกิน

ตอนแรกที่บรรดาคนใหญ่คนโตประจำนครเจาฮุยเดินทางมาถึงหน้าค่ายที่พักของผู้อพยพแห่งนี้ สิ่งที่พวกเขาคิดว่าตนเองจะได้เห็น ก็คือภาพของเด็กหนุ่มหน้าขาวสมองเสื่อมคุกเข่าขอโทษต่อเหลียงหยวนเตาด้วยความหวาดกลัว

แต่บัดนี้ เด็กหนุ่มหน้าขาวสมองเสื่อมผู้นั้นกำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

สายลมโชยพัด

ขันทีเฒ่าเซียวเซียวยังคงแนบหน้าผากติดกับพื้นดินตัวสั่นเทาต่อไป

ใบหน้าของชายชราเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลนและมีหิมะจับตัวหนา เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่บุคคลที่ใจแข็งที่สุดก็ยังอดรู้สึกสงสารไม่ได้

แต่เห็นได้ชัดว่าเหลียงหยวนเตาเป็นคนไม่มีหัวใจ

ชายอ้วนไม่ได้ชำเลืองมองขันทีคนสนิทของตัวเองสักนิด

ราวกับว่าไม่เห็นเซียวเซียวอยู่ในสายตาอีกต่อไปแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าคุณชายหลินเจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง”

ใบหน้าของเหลียงหยวนเตาเกิดรอยยับย่นขึ้นมามากมายเพราะเขากำลังฉีกยิ้ม “หุหุ เดี๋ยวข้าจะมอบอาหารจานพิเศษให้แก่เจ้าเอง รับรองว่าเจ้าจะต้องเจริญอาหารมากขึ้นแน่นอน… เอาของมา”

สิ้นเสียงคำสั่ง

มือปราบอินทรีธูมรณะที่ยืนอยู่ด้านหลังสองนาย ก็ขยับเท้าก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับหีบเหล็กใบหนึ่ง

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหีบเหล็กใบนั้น

อาหารจานพิเศษ?

มันจะเป็นอะไรกันนะ?

มือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสองคนนั้นเปิดหีบออก

กลิ่นคาวเลือดโชยขึ้นมาอย่างรุนแรง

ให้ตายเถอะ

หลายคนรีบเบือนหน้าหนีไปจากหีบเหล็ก

เพราะว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ด้านในคือเลือดสีแดงสดและมีแขนขามนุษย์ รวมถึงอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายกองทับถมกันอยู่ในนั้น

ผู้คนจำนวนไม่น้อยผงะถอยหลัง

เห็นได้ชัดว่าเจ้าของซากศพคงถูกทรมานและฆ่าตายได้ไม่นานนัก

ว่าแต่เป็นผู้ใดกัน?

เหล่าขุนนางใหญ่ยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปากปิดจมูก ขยับถอยหลังออกไปห่างไกลโดยไม่รู้ตัว

แทบไม่มีใครมองเห็นดวงตาของเหลียงหยวนเตาอีกแล้วเมื่อเขาหัวเราะอย่างมีความสุข ชายอ้วนรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลประเภทรักพวกพ้องที่สุด เด็กหนุ่มพยายามคุ้มครองความปลอดภัยของคนสนิทอย่างสุดความสามารถ ทำให้เหลียงหยวนเตาไม่สามารถจับตัวผู้ใดมาเป็นข้อต่อรองกับหลินเป่ยเฉินได้อีก

แต่โชคดีที่เขายังเหลือใครบางคนในคุกใต้ดิน ซึ่งจะทำให้หลินเป่ยเฉินต้องขวัญผวาอย่างแน่นอน

และมันก็เป็นจริงตามนั้น

เพราะหลินเป่ยเฉินรับประทานอาหารไม่ลงอีกแล้ว

เด็กหนุ่มลุกพรวดด้วยความตกใจสุดขีด

ใบหน้าของเขาขาวซีด มือจับราวระเบียงแน่น ก่อนจะระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นว่า “ฮื่อ พี่ไต้ พี่ใหญ่ของข้า โฮ่ ๆ ๆ ๆ ท่านต้องมาตายอย่างน่าอนาถนัก แม้แต่ศพก็ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วพี่สะใภ้จะอยู่อย่างไร…”

เหลียงหยวนเตายิ้มกว้างมากกว่าเดิม

ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสะใจ

นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ

นี่แหละอาหารจานพิเศษสำหรับหลินเป่ยเฉิน

ชายอ้วนยกมือโบกสะบัด หีบเหล็กพลิกคว่ำ อวัยวะภายในหีบกระจายลงบนพื้นดิน เขากำลังจะสั่งให้บริวารนำศีรษะของไต้จือฉุนไปส่งมอบให้เด็กหนุ่มได้เห็นชัดถนัดตา แต่แล้วในทันใดนั้นเอง เหลียงหยวนเตาถึงได้สะดุดใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ

มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

ไต้จือฉุนโดนมีดหั่นเนื้อขนาดใหญ่สับร่างจนแหลกละเอียด แขนขากระจัดกระจาย ไม่หลงเหลือร่องรอยที่ยืนยันตัวตนว่าเป็นศพของผู้ใด เว้นแต่ว่าจะเห็นศีรษะเท่านั้น

และศีรษะของไต้จือฉุนยังคงซ่อนอยู่ใต้กองอวัยวะบนพื้นดิน…

ถ้าอย่างนั้น หลินเป่ยเฉินสามารถรู้ได้อย่างไรว่านี่คือศพของไต้จือฉุน?

เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็วเกินไปหน่อยหรือ?

ความสงสัยผุดขึ้นในหัวใจของเหลียงหยวนเตา