ตอนที่ 1457 ศึกแรกของเกาะลอยฟ้า!

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1457 ศึกแรกของเกาะลอยฟ้า! โดย Ink Stone_Fantasy

หลังเข้าส่วนพื้นที่ด้านในของที่ราบลุ่ม ช่วงเวลาในทุกๆ วันบนเกาะลอยฟ้าเอเลนอร์เริ่มจะเหมือนๆ กัน คนส่วนใหญ่รู้เพียงแค่ว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่ แต่ไม่รู้ว่ากำลังเคลื่อนที่ไปทางไหน

มีเพียงเจ้าหน้าที่ในฐานบัญชาการเท่านั้นที่รู้ดีว่าระยะห่างระหว่างพวกเขากับเป้าหมายกำลังหดสั้นลงเรื่อยๆ — เส้นทางการเคลื่อนที่ที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่แสดงให้เห็นถึงระยะห่างที่หดสั้นลงนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกๆ สิบสองชั่วโมง เกาะลอยฟ้าจะปรับเส้นทางไปทางตะวันออกครั้งหนึ่ง จากข้อมูลที่ทางทีมนักสำรวจแจ้งมา อย่างมากอีกสิบแปดวัน เส้นทางการเคลื่อนที่ของพวกเขาก็จะบรรจบกับเส้นทางของพระผู้สร้างแห่งใหม่

แต่ความเงียบสงบมันไม่ได้อยู่จนถึงวันนั้น

ในวันที่สิบสี่หลังออกเดินทางอย่างเป็นทางการ วันเวลาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ถูกทำลายลง

ผู้ที่พบศัตรูก่อนคือเฮฟเว่นเฟลมรุ่นเก่าลำหนึ่ง —- มันอยู่ในหน่วยสอดแนมของอัศวินอากาศ เป็นเครื่องบินส่วนน้อยที่ยังมีสองที่นั่งอยู่ ที่นั่งด้านหลังไม่ได้ติดตั้งปืนกลเอาไว้แล้ว หากแต่เปลี่ยนเป็นเครื่องโทรเลขและสถานีวิทยุไร้สายแทน ถือได้ว่าเป็นการปรับปรุงเพื่อใช้ในการสอดแนมโดยเฉพาะ

“นอกระยะ 150 กิโลเมตร อสูรสยองฝูงหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเรา!”

หน่วยสอดแนมนี้ใช้โทรเลขส่งข่าวออกไปก่อน จากนั้นค่อยให้วิทยุแจ้งซ้ำอีกทีตามกฏ

เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมทางแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม ไม่นานเจ้าหน้าที่รับส่งโทรเลขก็ได้รับโทรเลขและทำการแปลมันออกมา

ในตอนที่เขาเอาแถบกระดาษโทรเลขนี้เข้ามาแจ้งข่าว บรรยากาศภายในห้องทีมที่ปรึกษาพลันจับตัวแข็งขึ้นมา ก่อนจะวุ่นวายขึ้นมาทันที

“รีบยืนยันสถานะและตำแหน่งของหน่วยสอดแนม!”

“รีบดึงสัญญาณเตือน ให้คนงานรีบถอยกลับเข้าที่หลบภัย!”

“โปรดทราบ นี่คือทีมที่ปรึกษา ขอให้ทุกคนรีบเตรียมพร้อมสู้รบ!”

“เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินรายงาน เครื่องหมายเลข 5 และหมายเลข 11 เจอปัญหาระหว่างขึ้นบิน ขณะนี้กำลังรีบทำการแก้ไข”

“ตอนนี้เนี่ยนะ? บอกให้พวกเขารีบๆ เข้า!”

โรแลนด์ที่ได้รับแจ้งข่าวรีบมายังฐานบัญชาการทันที “สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

ศัตรูอยู่ห่างจากพวกเราออกไปมากกว่า 2 ชั่วโมง” เอดิธส์ถือกองเอกสารปึกหนึ่งยืนรายงาน “มาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวนมากกว่า 30 ตัว เครื่องบินสอดแนมสลัดการไล่ตามของอีกฝ่ายได้แล้ว แต่พวกมันเหมือนจะไม่เปลี่ยนเส้นทางที่ตั้งเอาไว้ในตอนแรก”

“เจ้าหมายความว่าปีศาจมันเห็นเกาะลอยฟ้าแล้วงั้นเหรอ?” ขวานเหล็กถาม

“น่าจะยัง ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ส่งปีศาจมาแค่นี้แน่ แต่ว่าปีศาจจะต้องสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแน่ เส้นทางถึงได้แน่ชัดขนาดนี้”

“มันก็ไม่แปลก” โรแลนด์พูดอย่างสุขุม ถึงเกาะลอยฟ้าจะเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นภูเขาที่ลอยฟ้าได้ การที่จะทำให้เป้าหมายขนาดนี้หลบซ่อนตัวเองเอาไว้ได้อย่างมิดชิดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ก็เหมือนกับที่พวกไลต์นิ่งเจอพระผู้สร้างอย่างนั้น ขอเพียงเกาะลอยฟ้าทั้งสองยังเคลื่อนที่เข้าหากันเรื่อยๆ ช้าเร็วศัตรูก็ต้องสังเกตเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้อย่างแน่นอน “ดวงตาเวทมนตร์ของซิลเวียส่วนใหญ่จะคอยจับตามองบนท้องฟ้า ถ้าบนพื้นมีปีศาจสังเกตเห็นพวกเรามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพยักหน้า “เป้าหมายหลักของพวกมันน่าจะเป็นการยืนยันข่าวกรอง ซึ่งอสูรสยองจำนวนเท่านี้ อัศวินอากาศน่าจะกำจัดได้หมด”

“ไม่ว่าจะกำจัดได้หมดหรือปล่อยให้รอดกลับไปได้สองสามตัวก็ล้วนแต่ไม่กระทบต่อผลลัพธ์สุดท้าย” โรแลนด์รู้ได้ถึงจุดนี้ — ด้วยความเร็วของเกาะลอยเอเลนอร์ การจะหลบอสูรสยองไม่ให้พบนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ในอีกแง่หนึ่งก็หมายความว่าช้าเร็วยังไงพวกมันก็ต้องเห็นเกาะลอยนี่แน่นอน “สิ่งสำคัญอยู่ที่ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นน้อยที่สุด”

ขนาดของกองทัพอัศวินอากาศนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังศึกบนเทือกเขาสิ้นวิถี เฮฟเว่นเฟลมที่เป็นเครื่องบินรุ่นที่หนึ่งและฟิวรีออฟเฮฟเว่นที่เป็นรุ่นที่สองก็มีจำนวนมากกว่า 200 ลำ แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ศัตรูบุกมาอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกำลังทหารหรือการสนับสนุนของพวกมันก็ล้วนแต่ไม่มีการจำกัดเอาไว้อีก ต่อให้การต่อสู้จะได้เปรียบแค่ไหน แต่เครื่องบินก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายได้

โรแลนด์ไม่ได้คาดหวังว่าฝ่ายตัวเองจะสามารถกุมความได้เปรียบบนท้องฟ้าได้อย่างเด็ดขาด เขาหวังเพียงแค่ว่าจะสามารถปกป้องเครื่องบินทิ้งระเบิดให้ทำภารกิจทิ้งระเบิดได้สำเร็จ — ซึ่งเป็นการนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องบินที่มีทั้งหมด ถ้าหากอัศวินเกิดความเสียหายอย่างมากในช่วงแรกของการสู้รบ เช่นนี้แผนการช่วงหลังจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน

“ความหมายของท่านคือ ให้ใช้ ‘แผนบี’ ในการโจมตีเหรอ?” ทิลลีเลิกคิ้วถาม

“ถูกต้อง จะได้ถือโอกาสทดสอบผลงานของแม่มดด้วย” โรแลนด์ไม่ลังเลอีกต่อไป “ให้คนของเจ้าเข้าไปในโกดังใต้ดินเถอะ”

…..

หลังจากนั้นสองชั่วโมง ศัตรูก็พบร่องรอยลองเกาะลอยฟ้า

เหมือนกับที่เอดิธส์ว่าเอาไว้ พวกมันมาเพื่อสอดแนมจริงๆ ด้วย แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คืออสูรสยองกลับหยุดอยู่ที่นอกระยะ 4 – 5 กิโลเมตร ปีศาจที่เป็นหัวหน้ายกอุปกรณ์ที่เป็นเหมือนกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังกลับไป ไม่ได้มีความคิดที่จะหยั่งเชิงเลยแม้แต่นิดเดียว

“ดูเหมือนพวกปีศาจจะเรียนรู้มาจากเดอะแมสก์ไม่น้อยเลยนะเนี่ย” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือยิ้มมุมปากขึ้นมา “ตอนนี้ในที่สุดพวกมันก็รู้จักยำเกรงคู่ต่อสู้แล้ว”

“ศัตรูไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด” ขวานเหล็กจ้องมองดูท้องฟาด้วยสายตาเคร่งเครียด “หลังจากนี้คงจะไม่ได้วงยเหมือนอย่างวันก่อนหน้านี้แล้ว”

“แน่นอน” เสียงของเอดิธส์เยือกเย็นเหมือนกับน้ำแข็งในดินแดนทางเหนือ “และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ตัดกำลังของพวกมัน!”

….

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน คลื่นโจมตีแรงของปีศาจก็ปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้า

พวกมันดูเหมือนไม่อยากจะรอแม้แต่วันเดียว

แน่นอนว่าทางกองทัพที่หนึ่งเองก็ได้เตรียมตัวพร้อมรับตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว ประตูที่เชื่อมต่อกับภายนอกทุกบานถูกปิดลง เครื่องบินสองปีกที่ไม่ใช่เครื่องบินสอดแนมลงไปอยู่ในโรงเก็บเครื่องบินใต้ดิน บนเกาะลอยฟ้าทั้งเกาะไม่เหลือใครอยู่เลย แม้แต่ตัวยอดเขาเนินทิศเหนือที่ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นสะพานเรือก็ยังทำการปิดตายหน้าต่างทุกบาน ในเวลานี้เกาะลอยฟ้าเอเลนอร์เป็นเหมือนภูเขาหินขนาดใหญ่ที่ปิดมิดชิด

เจ้าหน้าที่ระดับสูงมารวมตัวกันอยู่ที่ฐานบัญชาการ โดยใช้แกนพลังเวทมนตร์ในการสร้างภาพลำแสงขึ้นมาเพื่อสังเกตดูเหตุการณ์ภายนอก

อสูรสยองกลุ่มนี้มีประมาณ 200 กว่าตัว ในตอนที่พวกมันเรียงเป็นแถวยาวแล้วมุ่งหน้าเข้ามาหาเกาะลอยฟ้านั้น กระทั่งท้องฟ้าก็ดูมืดหม่นลงไปไม่น้อย

“จุ๊ๆ มากันเยอะเลยนะเนี่ย..” ทิลลีขมวดคิ้วขึ้นมา

โรแลนด์พยักหน้า “นี่หน้าจะเป็นกองทัพแนวหน้าที่เข้ามาหยั่งเชิงเท่านั้น” ไม่ว่ายังไง กองทัพปีศาจที่เดินตามอยู่ด้านหลังเมืองจักรพรรดิก็เป็นกองกำลังปีศาจทั้งหมดของแบล็คสโตน ในเมื่อปีศาจคุ้มคลั่งมีจำนวนประมาณ 10 ล้านตัว อย่างนั้นอสูรสยองก็น่าจะมีไม่น้อยเหมือนกัน

เกรงว่านี้คงเป็นความสงบสุขครั้งสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว

‘จำนวนมันก็เยอะอยู่หรอก แต่พวกมันจะทำอะไรภูเขาได้?’ ทันใดนั้นพลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกเข้ามาในหัวของทุกคน น้ำเสียงที่ฟังดูขี้เกียจเล็กน้อยทำให้คนที่ได้ยินไม่มีทางลืมแน่นอน

คนที่พูดคือเอเลนอร์

โรแลนด์ยิ้มขึ้นมา

และนี่ก็เป็นจุดแข็งที่สุดของแผนการรบนี้ — จริงอยู่ที่มนุษย์ไม่อาจทำอะไรพระผู้สร้างได้มากนัก แต่ในทางกลับกัน พวกปีศาจมันก็ทำอะไรเกาะลอยฟ้าไม่ได้มากเหมือนกัน

“หลังจากนี้ฝากเจ้าด้วยนะ”

‘วางใจได้ นี่เป็นการแก้แค้นที่รอคอยมา 400 กว่าปีเลยนะ’ เอเลนอร์ตอบ

ในสายตาของเธอ ตาข่ายที่มองไม่เห็นผืนหนึ่งค่อยๆ กางออก อสูรสยองที่เคลื่อนไหวอยู่บนตาข่ายผืนนี้กลายเป็นตัวเลขเป็นแถวๆ

คณิตศาสตร์นี่มันสนุกจริงๆ เลย….

เธอถ่ายพลังเวทมนตร์เข้าไปในหนวด จากนั้นจึงส่งผ่านไปทั่วทั้งเกาะ แกนเวทมนตร์ขนาดเล็กจำนวนเกือบร้อยอันที่ถูกกระตุ้นค่อยๆ เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา กลไกที่เชื่อมต่ออยู่กับมันก็ค่อยๆ ทำงานขึ้นมา

ป้อมปืนที่ติดตั้งอยู่ริมเกาะพากันหมุนไปยังทิศทางที่ศัตรูบุกเข้ามา ลำกล้องปืนยึดออกมาจากรูยิง ก่อนจะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

วินาทีที่ที่อสูรสยองเข้ามาในระยะยิง ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพ่นออกมาจากปลายกระบอกปืนจนทำให้ตะข่ายที่มองไม่เห็นนั้นกลายเป็นม่านลำแสงอันเจิดจ้าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

……………………………………………………………….