ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 107 ไล่เขาออกไป

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ท่าป๋าก้มศีรษะลง แล้วเดินตามหวงฝู่ซวิ่นเข้าไปในจวน ไม่มีผู้ใดเห็นรอยยิ้มได้ใจที่มุมปากของเขา 

 

 

พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้ข่าว วันนั้นที่เจียงหนาน นางได้ตามท่านอ๋องฉีไปพบท่าป๋าหั่นหลิน สำหรับคำมั่นสัญญาในวันนั้นนางจำได้ชัดเจน ได้ยินคำรายงานของหลินหลง จึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร 

 

 

แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าเป้าหมายของท่าป๋าหั่นหลินนั้นมิใช่สู่ขอหวงฝู่เย่าเย่ว์เท่านั้น แต่ว่าเพราะเหตุผลใดนั้น นางก็ไม่รู้ 

 

 

แม้ว่าจะไม่ยินยอมเพียงใด ไม่นานท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนก็เดินตามเข้ามาในจวน 

 

 

ท่าป๋าถือว่าเป็นแขกสำคัญ ท่านอ๋องฉีควรจะดูแลด้วยตัวเอง แต่ท่านอ๋องฉีเห็นหน้าเขาก็ไม่สบอารมณ์ จึงหาข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบาย กลับไปที่เรือนหลัก ปล่อยให้หวงฝู่อี้เซวียนอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่พูดจา สั่งให้คนยกไหสุราที่หมักไว้หลายปีออกมาสามไห วางไว้หน้าแต่ละคนคนละหนึ่งไห มองไปที่หวงฝู่ซวิ่นแล้วกล่าวว่า “วันนี้ลูกสาวของน้องเข้าสู่วัยสาว น้องมีความสุขมาก พวกเราคนละหนึ่งไห ดื่มไม่หมดห้ามกลับ” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นหน้าซีดเผือดทันที เหล่าขุนนางในราชสำนักใครไม่รู้ว่าเขาดื่มสุราแรงมิได้ หวงฝู่อี้เซวียนทำเยี่ยงนี้ ก็แค่อยากแก้แค้นเขาที่ให้ท่าป๋าเข้ามา นี่คือต้องการให้เขาสลบกลับวังไปแน่นอน 

 

 

สีหน้าของท่าป๋าหั่นหลินก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตั้งแต่ปีนั้นที่เขาอายุสิบสองปีแล้วไปที่จวนขององค์ชายใหญ่ ดื่มสุรามากไป หลังจากตื่นมากลางดึก เดินผิดทาง แล้วไปเห็นภาพนั้นเข้า หลังจากนั้นเขาก็ไม่ดื่มสุราอีกเลย ยิ่งไปกว่านั่นคือ เขาสู่ขอหวงฝู่เย่าเย่ว์นั้นเพราะมีเป้าหมายแอบแฝงอยู่ หากดื่มมากไป แล้วเผลอพูดอะไรออกมา เขาจะกลับรัฐอิงไม่ได้อีกเลย 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนอะไรทั้งสิ้น เปิดฝาอย่างรวดเร็ว แล้วเทใส่ถ้วยใหญ่ให้ตัวเอง เงยหน้าแล้วยกขึ้นดื่มทันที ดื่มเสร็จก็ยื่นถ้วยเปล่าให้ทั้งสองคนดู แล้วยังทำท่าเชิญให้ทั้งสองคน 

 

 

ทั้งสองทำอะไรไม่ได้ จึงต้องกัดฟันแล้วเปิดฝาออก เทสุราเต็มถ้วยให้ตัวเอง เงยหน้าแล้วยกขึ้นดื่มทันที 

 

 

ทั้งสองดื่มเสร็จ ยังไม่ทันวางถ้วยลง หวงฝู่อี้เซวียนก็ดื่มถ้วยที่สองหมดแล้ว 

 

 

ทั้งสองคนหนึ่งหน้าดำอีกคนหน้าแดงไปหมดแล้ว หลังจากทั้งสองด่าว่าหวงฝู่อี้เซวียนในใจหลายรอบโดยไม่ได้นัดหมายแล้ว ก็ดื่มถ้วยที่สอง 

 

 

ถ้วยที่สามก็เช่นกัน 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นเริ่มไม่ไหวแล้ว อ้าปาก กล่าวด้วยอาการเมาเล็กน้อยว่า “เซวียน น้องเซวียน เจ้าควรให้พวกข้าทานอาหารสักเล็กน้อยได้หรือไม่ ข้ามาตั้งแต่เช้า ถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้ทานอาหารร้อนๆ แม้แต่คำเดียว” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย “เพื่อมาให้ทันวันเข้าสู่วัยสาวของท่านหญิงเย่ว์เอ๋อร์ในวันนี้ ข้าเร่งขี่ม้าเร็ว ดื่มกินในป่า จึง… จึงไม่ได้ทานอาหารร้อนๆ มานานแล้วเช่นกัน” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มมุมปาก แล้วยกไหสุราขึ้นมา เทเต็มถ้วย แล้วยกไปทางท่าป๋าหั่นหลินแล้วกล่าวว่า “ฮ่องเต้ของรัฐอิงเดินทางมาไกล สุราถ้วยนี้ถือว่าต้อนรับท่าน” 

 

 

“ไม่…” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินเพิ่งจะห้ามออกมาได้คำเดียว หวงฝู่อี้เซวียนก็เงยหน้าแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแล้ว 

 

 

ท่าป๋าทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เทสุราเต็มๆ หนึ่งถ้วยเช่นกัน 

 

 

ถ้วยที่สามแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนสีหน้าเรียบ ส่วนท่าป๋าหั่นหลินนั้นเริ่มเอนตัวไปมาแล้ว 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นไม่สนใจ ฉวยโอกาสที่ทั้งสองคนดื่มสุรากันรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบอาหารทานไปหลายคำ จึงจะรู้สึกว่าความร้อนในกระเพาะหายไปเล็กน้อย 

 

 

ในเมื่อหวงฝู่ซวิ่นได้กินอาหารลงไปบ้างแล้ว หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนดื่มหมดแล้วก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบผักกาดดองตรงหน้าตัวเองกินไปหลายคำ 

 

 

แต่ท่าป๋านั้นไม่ไหวจริงๆ เอนหัวไปมา หาตะเกียบเจอ แล้วหยิบขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่มือสั่นจนผักใบเดียวก็คีบขึ้นมาไม่ได้ 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นรู้สึกสงสารเขา แต่ก็ไม่กล้าช่วยเขาอีก ปล่อยให้เขาคีบเสียนาน กว่าจะเสียบตะเกียบลงบนแผ่นมันฝรั่ง แล้วใส่เข้าปาก กินลงไป 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเหมือนไม่เห็นท่าทางยากลำบากของเขา เอาแต่กินอาหารของตัวเอง จนกินไปไม่น้อยแล้ว จึงวางตะเกียบในมือลง แล้วเทสุราเต็มถ้วยอีก 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นเศร้าใจ 

 

 

แต่ท่าป๋านั้นแม้แต่ถ้วยสุราก็ถือไม่นิ่ง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจึงออกความคิดเห็นด้วย ‘ความหวังดี’ ว่า “ฮ่องเต้ของรัฐอิง ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าก็ยกไหสุราขึ้นดื่มเลยดีกว่า เช่นนี้จะสะดวกกว่า” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินเริ่มเวียนหัวไปหมดแล้ว จึงแยกไม่ออกว่าคำพูดนี้ดีหรือไม่ดี แต่ก็ยกไหสุราขึ้นมาจริงๆ อึกๆๆ ดื่มจนสุราในไหหมด ตุ้บ แล้ววางไหสุราลงบนโต๊ะทันที กล่าวด้วยคำพูดที่ไม่ชัดเจนว่า “ดื่ม ดื่ม พวกเจ้าก็ดื่ม” 

 

 

“ฮ่องเต้ของรัฐอิงดื่มเก่งจริงๆ ข้าน้อยชื่นชม” หวงฝู่อี้เซวียนพูดคำประจบสอพลอ 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินมีเรื่องในใจ จึงใช้สติสุดท้ายที่เหลืออยู่น้อยนิด รู้ว่าหากยังดื่มต่อไป ต้องไม่ดีต่อตัวเองแน่ๆ จึงลุกขึ้นเอนตัวไปมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ ไม่ไหวแล้ว ข้า ข้าดื่มมากไปแล้ว ข้า ข้า ข้า…” 

 

 

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ล้มตัวลงไปข้างหลังแล้ว 

 

 

โจวอันที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาไวจึงรีบรับตัวเขาไว้ ไม่ให้เขาล้มลงบนพื้น 

 

 

“ส่งออกไป คืนให้ลูกน้องเขา” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสั่งทันทีโดยที่ไม่มองเขาแม้แต่น้อย 

 

 

โจวอันรับคำสั่ง แล้วยกเขาออกไปกับองครักษ์อีกหนึ่งคน 

 

 

 

 

 

ตอนเข้าไปนั้นเดินเข้าไป แต่ตอนออกมากลับสลบออกไป แม้ว่าจะอยู่ห่างกันมาก แต่ก็ได้กลิ่นสุราที่แรงมาก ไม่ต้องพูด นี่คือเมาแล้วแน่นอน เหล่าขุนนางต่างส่ายหัวไปมา ฮ่องเต้ของรัฐอิงนี่ ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ยังไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูป ก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ไปแล้ว คิดว่าประโยคสู่ขอก็ยังไม่ทันเอ่ยแน่นอน เสียหน้าฮ่องเต้ของรัฐเขาจริงๆ  

 

 

ลูกน้องของท่าป๋าหั่นหลินเห็นเขาถูกยกออกมา คิดว่าถูกตี จึงตกใจเป็นอย่างมาก ต่างวิ่งมาทางนี้ จนได้กลิ่นสุราที่ฉุนเข้าจมูก ก็หน้าแดงกันทันที เจ้านายของตัวเองนั้นไม่ไหวจริงๆ เวลาสั้นๆ แค่นี้ก็ถูกโยนออกมาแล้ว 

 

 

แต่ว่า ที่ถูกโยนออกมา เพราะตอนที่โจวอันยกท่าป๋าออกมานั้น ได้รับคำสั่งจากสายตาของหวงฝู่อี้เซวียน ฉะนั้น หลังจากก้าวขาออกจากประตูจวน ก็ตะคอกใส่ลูกน้องของท่าป๋าว่า “รับเจ้านายของพวกเจ้าให้ดี” แล้วใช้แรงโยนเขาออกไปพร้อมกัน ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะรับทันหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของพวกเขาแล้ว ไม่เกี่ยวกับทางนี้ 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินถูกโยนออกไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนจึงโบกมือให้คนใช้ในห้องออกไป เอนตัวไปข้างหลัง พิงบนเก้าอี้ แล้วมองหวงฝู่ซวิ่นด้วยรอยยิ้ม ปรึกษาอย่างใจเย็นว่า “พี่ใหญ่ พวกเรามาดื่มอีกหนึ่งไหสุราเป็นไง” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นตกใจจนกระโดดขึ้นมา ตะเกียบในมือก็ตกลงบนพื้นทันที “เซวียน เซวียน เซวียน น้องเซวียนเจ้าฟังข้าพูด…” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดตัดหน้าเขา “พี่ใหญ่ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่หวังดี ฉะนั้นจึงอยากจะขอบคุณพี่ใหญ่” 

 

 

เรียกพี่ใหญ่หลายครั้ง จนหวงฝู่ซวิ่นเริ่มตกใจกลัว รีบประจบสอพลอด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเซวียน ข้าก็รู้ว่าเสด็จอาและเจ้าไม่อยากให้เย่ว์เอ๋อร์แต่งออกเรือนไปไกล แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ จากฐานะของเย่ว์เอ๋อร์ของพวกเราแล้ว ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเหมาะสมจริงๆ ข้าทำเยี่ยงนี้ก็เพราะคิดแทนเย่ว์เอ๋อร์ หรือว่าเจ้าอยากจะให้เย่ว์เอ๋อร์แก่อยู่ที่จวน” 

 

 

“จวนอ๋องฉีของเราเลี้ยงนางไม่ได้หรือ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวถามเบาๆ 

 

 

“พูดอย่างนี้ไม่ได้ ชายหนุ่มต้องแต่งภรรยา หญิงสาวต้องออกเรือน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่อดีตแล้ว แม้แต่เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์ก็ไม่ยกเว้น แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ยินยอมเพียงใด แต่พวกนางก็ถึงวัยที่ต้องแต่งงานอยู่ดี” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเงียบไป 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นเห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว จึงถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้น เช็ดเหงื่อบนหน้าของตัวเอง 

 

 

ได้ยินว่าท่าป๋าหั่นหลินถูกโยนออกไป อารมณ์ของท่านอ๋องฉีก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่อยู่กับครอบครัวเมิ่งเป็นเพื่อนพระชายาฉีได้ยินเรื่องที่ท่าป๋าหั่นหลินมาสู่ขอ ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร ตื่นเต้นเล็กน้อย ดีใจเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

หลังจากทานอาหารเสร็จ หวงฝู่ซวิ่นก็กลับไป เหล่าขุนนางก็พาครอบครัวกลับไป ในจวนจึงสงบขึ้นมาทันที 

 

 

พ่อบ้านสั่งให้คนเก็บโต๊ะอาหาร ทำความสะอาดให้เรียบร้อย 

 

 

ครอบครัวเมิ่งตั้งใจกลับช้าที่สุด ค่อยๆ หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมาให้พวกนาง ตั๋วเงิน เครื่องประดับ เสื้อผ้าที่เข้ากับรูปร่าง สิ่งของที่หายากมากมาย มีหมดทุกอย่าง เต็มครึ่งห้องไปหมด 

 

 

“เมื่อครู่แขกเยอะ ไม่ได้เอาออกมา พวกเจ้าสองคนดูซิว่าชอบหรือไม่” เมิ่งซื่อกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าด้วยความดีใจ “ชอบเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านยาย” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก 

 

 

“ไม่ต้อบขอบคุณข้า สิ่งของพวกนี้มิใช่ข้าที่เป็นคนเตรียมไว้ให้พวกเจ้า พวกลุงพวกนี้ของพวกเจ้าต่างหากที่เป็นคนหามาให้พวกเจ้า” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์เริ่มขอบคุณทีละคน ตั้งแต่เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยาจนครบทุกคน ครอบครัวเมิ่งดีใจกันมาก พูดคุยกันในห้องเป็นเวลานาน 

 

 

เงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก เมิ่งจงจวี่จึงลุกขึ้นมากล่าวว่า “มืดแล้ว พวกเราก็ควรกลับกันแล้วล่ะ” 

 

 

ทุกคนจึงเดินออกไปข้างนอก ขึ้นบนรถม้า แล้วกลับไปที่จวนนอกเมือง 

 

 

ส่งครอบครัวเมิ่งกลับไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังเดินมาที่เรือนของพระชายาฉีทันที เพิ่งจะนั่งลง ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ซื่อจื่อ ข้างนอกมีคนมาขอพบขอรับ” 

 

 

เห็นสีหน้าของเขาแล้ว ท่านอ๋องฉีก็รอทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน จึงโมโหขึ้นมาทันที ตะคอกออกมาว่า “ผู้ใด” 

 

 

พ่อบ้านตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย กล่าวตอบด้วยความกลัวว่า “เยียลี่ว์ องค์ชายรัชทายาทของรัฐหมิงขอรับ” 

 

 

เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกท่านอ๋องฉีตะคอกตัดหน้าว่า “ไล่เขาออกไป” 

 

 

“ขอรับ ท่านอ๋อง” พ่อบ้านตกใจจนเดินถอยหลังหนึ่งก้าว รีบรับคำสั่ง แล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอกทันที 

 

 

“ช้าก่อน” 

 

 

พระชายาฉีออกเสียงห้ามเขาไว้ 

 

 

พ่อบ้านหยุดเดิน แล้วหันกลับมาด้วยความกลัวจนใจเต้นรัว 

 

 

พระชายาฉีมองไปทางท่านอ๋องฉีแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง วันนี้เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์เข้าสู่วัยสาว เป็นวัยที่ต้องพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทของรัฐหมิงคนนี้ ก็ยังมีผู้อื่น หรือว่าท่านจะปฏิเสธทุกคนเช่นนี้หรือเพคะ” 

 

 

อ๋องฉีอ้าปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

 

 

 

พระชายาฉีเอ่ยต่อว่า “ข้าว่าองค์ชายรัชทายาทของรัฐหมิงคนนี้ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่มาตอนเช้าเหมือนท่าป๋าหั่นหลิน เพื่อให้ทุกคนในเมืองหลวงรับรู้ เห็นแก่ส่วนนี้ พวกเราก็ควรให้เขาเข้ามา” 

 

 

ท่านอ๋องฉีสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยสีหน้าจนใจว่า “ซู่อิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายรัชทายาทของรัฐหมิงนั้นแท้จริงหมายถึงอะไร” 

 

 

พระชายาฉีหยุดชะงักไป แล้วถามกลับไปว่า “มิใช่องค์ชายรัชทายาทหรือ ยังมีอย่างอื่นหรือ” 

 

 

“ตอนนี้เขาเป็นองค์ชายรัชทายาท ต่อไปเขาก็จะเป็นฮ่องเต้ เขาเหมือนกับซวิ่นเอ๋อร์ จะต้องมีสามตำหนักหกหมู่เรือน มีพระสนมมากมายนับไม่ถ้วน หรือว่าเจ้าอยากให้เมิ่งเอ๋อร์ไปแย่งความรักกับสตรีอื่นๆ หรือ”