ตอนที่ 2141 ทำสงครามกับหยวนชาอีกครั้ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

และในเวลานั้นเอง ยานเหาะลอยเวิ้งว้างอยู่กลางอากาศสูงยี่สิบจั้ง กระเพื่อมขึ้น แวบหนึ่งก็ปรากฏเงาของคนสามคนก็ขึ้นมาอย่างเงียบๆ

สามคนที่หานลี่รอคอยก็โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน

เดิมทีก่อนหน้านี้ที่ยานเหาะถูกโจมตีในฉับพลันนั้น หานลี่ยังคงตอบสนอง ทันทีได้แสดงอิทธิฤทธิ์ล่องหน พาทั้งสามคนนั้นออกไปนอกยาน

ตอนนี้หานลี่ที่ยืนอยู่กลางอากาศ มองลงไปข้างล่างทะเลสาบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ศัตรูด้านล่างนั้นสามารถปิดหูตาของเขากับนักพรตปูได้ แสดงว่ามีอิทธิฤทธิ์อยู่มาก

ดูเหมือนว่าครั้งนี้ จะมาถึงขุมพลังที่แท้จริง ของพวกเผ่ามารแล้ว

ขณะที่หานลี่กำลังครุ่นคิด ก็มีเสียง “ปัง” ดังขึ้น จากมือขนาดใหญ่สีเขียวมรกต กลายเป็นหยดน้ำพังทลายลงมา และค่อยๆ หยดโปรยลงในทะเลสาบใหม่อีกครั้ง

และในเวลาเดียวกัน ในด้านล่างทะเลสาบนั้นกระแสน้ำก็ไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง วิหารหลังใหญ่สูงกว่าสิบจั้งหลังหนึ่ง ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ

ทุกส่วนของวิหารนี้ใสแวววาว เรืองแสงสีฟ้าจางๆ ราวกับว่าใช้น้ำในทะเลสาบปั้นรวมกันออกมาเป็นวิหารหลังนี้

ด้านนอกของวิหารหลังใหญ่  มีหญิงสวมชุดเกาะสงครามสีเขียวยืนอยู่ตรงนั้น ผิวเข้มเล็กน้อย ระหว่างคิ้วมีความสง่างามเปล่งประกายออกมา ดวงตาเย็นเยือกทั้งคู่มองไปยังหานลี่ที่ออยู่กลางอากาศ

ร่างของหญิงสาวเผ่ามารนางนี้กลิ่นไอสุดลึกล้ำ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะสบตาตรงๆ แท้จริงนางคือระดับมหายาน

ทว่าแรกเจอหานลี่รู้สึกมีความคุ้นหน้าคุ้นตากับหญิงสาวผู้นี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้ เลยเอ่ยพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

 “เป็นเจ้า นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะนำร่างเดิมมาถึงดินแดนวิญญาณจริงๆ!”

หลังจากที่หญิงสาวในชุดเกาะสงครามสีเขียวได้ยินคำถามของหานลี่ ริมฝีปากค่อยๆ คลี่ออก เผยให้เห็นฟันขาว ก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

 “ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่า จะพบกับท่านอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ท่านยั่วโทสะข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ถ้าท่านแตะต้องร่างเดิมข้า แน่นอนว่าจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้ ยอมให้จับเสียโดยดี หากเจ้ารู้ตัวว่าจะต้องทำตัวเช่นไร บางทีข้าอาจจะทำให้เจ้ารอดพ้นจากความตาย ไม่เช่นนั้นหากต้องการลงมือจริงแล้วล่ะก็ ในสถานการณ์นี้คงยากที่จะหนีไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อ”

 “หยวนชา เจ้าคิดจะอาศัยร่างเดิมนี้จริงๆ ก็สามารถปล่อยข้าไปได้แล้ว เวลานี้ ข้าเห็นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองแล้ว และไม่เห็นว่าพวกเขาจะทำอะไรฉันได้จริงๆ เลย?” หลังจากที่หานลี่บ่นพึมพำสักพัก เอ่ยขึ้นพร้อมกับอ้าปากหาว

ปีศาจสาวในชุดเกาะสงครามสีเขียวนี้ท่านผู้นั้นกับหานลี่ต้องมีการบาดหมางกับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนชาอย่างแน่นอน และยังคงมีความใกล้ชิดกับร่างเดิมอีก!

ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่หานลี่เห็นร่างเดิมของมารตนนี้ แต่เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เคยถูกหนึ่งในนี้แปลงกายตามฆ่าอยู่เป็นเวลานาน จึงนึกขึ้นได้ในพริบตา อดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ

แต่ว่าเป็นเพราะตัวเขาเองพลังยุทธ์แข็งแกร่งมาก และยังมีนักพรตปูอยู่ข้างๆ จึงไม่มีความตื่นตระหนกมากจนเกินไป แค่ใจเต้นรัวราวกับจะบินเล็กน้อย แอบคิดถึงวิธีการรับมืออยู่ในใจ

หยวนชาที่เมื่อได้ยินคำของหานลี่ คิ้วก็เลิกขึ้น ความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง ทว่าปากยังไม่มีความรู้สึกที่จะเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อย

 “ท่านเคยพบบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อื่นหรือ? ทำไมพูดเช่นนี้ วันก่อนที่มีคนเข้ามาจากช่องทาง ที่แท้ก็คือท่านเอง น่าสนุกขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ ข้าอยากรู้จริงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์จิ๊บจ้อยผู้นี้ หนีเอาชีวิตรอดจากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ได้อย่างไร ท่านสามารถใช้เวลา จากระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางบำเพ็ญตนจนถึงระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ซึ่งนับว่าเป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญตนที่พบเจอได้ยาก น่าเสียดายที่วันนี้ที่ถูกข้าพบท่านแล้ว เส้นทางการบำเพ็ญตนของท่านนับว่าเดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”

หลังสิ้นคำ หยวนชาก็ไม่รอให้หานลี่ได้พูดมากความ มือข้างหนึ่งก็ยกพรวดพราด ซัดเข้าไปจับกุมหานลี่และพวกสามคนนั้นในอากาศว่างเปล่า

 “บูม” เสียงดังขึ้น!

หลังจากที่น้ำในทะเลสาบด้านล่างกระทบกับท้องฟ้าราวกับน้ำตก และในระหว่างทางก็รวมตัวกันขึ้น กลายเป็นมือยักษ์สีเขียวคู่หนึ่ง

แต่มือคู่นี้มีขนาดใหญ่กว่ามือคู่ก่อนหน้านี้เกินกว่าสิบเท่า นิ้วมือทั้งห้าแยกออกจากกัน ก็ปิดบังท้องฟ้ามิดไปเกือบครึ่ง หลังจากที่หมุนกลับไป ก็มุ่งตรงไปทับหานลี่และพวกสามคนนั้นทันที

 “อิทธิฤทธิ์วารี!”

ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่หรี่ลง ปากก็พึมพำประโยคหนึ่งประโยค และทำท่าเต้าหยินอย่างรวดเร็วด้วยมือเดียว พลันอ้าปากพ่นกลุ่มลูกไฟสลัวออกมา

 “ฟู่” เสียงดังขึ้น ลูกไฟสีเงินหมุนติ้ว กลายร่างเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดใหญ่

เวลานี้ หานลี่ใช้มืออีกข้างหนึ่งชี้ไปทางวิหคเพลิงและสะกิดเล็กน้อย

วิหคเพลิงยกหัวขึ้นร้องดังเสียงใส ความเร็วของร่างกายพลันเร่งขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ในพริบตาก็กลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ยักษ์ ปีกทั้งสองข้างกระพือขึ้น พุ่งไปที่มือยักษ์

เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น!

หลังจากที่วิหคเพลิงยักษ์เคลื่อนไหว ก็พุ่งชนตรงไปที่กลางใจมือยักษ์ และทั้งสองก็ระเบิดขึ้นพร้อมกัน

น้ำกับไฟผสานรวมกันกลางเวหาสูง ที่รวมกันเป็นทรงกระบอกถังเก็บน้ำและไฟที่มีความหนา พุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้า ทันใดนั้นก็กลายเป็นหมอกขาวสลัวกระจายไปทั่วสารทิศ

ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยไอน้ำสีขาว

เมื่อเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้หญิงสาวชุดเกราะสีเขียวที่อยู่ในวิหารหลังใหญ่ ก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยามออกมา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่เอ่ยตัวอักษรจวี้ (聚) ออกมาจากริมฝีปากแดงเบาๆ

ทันทีทันใด ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นกลางอากาศ แสงสีฟ้าก็ปรากฏให้เห็นออกมาอย่างหนาแน่น เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก็จมหายไปในไอน้ำราวกับเม็ดฝน

 “ปัง” เสียงดังขึ้น!

หลังจากที่ไอน้ำกลิ้งมารวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นยอดเขาสีขาวลูกหนึ่งสูงหลายพันจั้ง หลังจากที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้น อักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้านับไม่ถ้วนก็ปลิวกระจายออกมาจากข้างใน และร่วงลงมาสู่ข้างล่าง

ยอดเขาที่เบาหวิว ลักษณะที่ดูราวกับไร้น้ำหนัก!

แต่ว่าหานลี่ที่เห็นภาพข้างล่างนี้ หลังจากมีเสียงครางต่ำๆ ออกมาจากปาก ก็เปล่งแสงสีทองออกมากลายร่างเป็นวานรยักษ์ขนสีทอง สองกำปั้นก็ทุบเข้าที่ยอดเขาอย่างแรง

เงากำปั้นสีทองหายวับไป กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นสองลูก และพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ

 “ครื้น” หลังจากที่เสียงดังขึ้น อักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็ถูกลมกระโชกอย่างรุนแรงจนปลิวไปตามสายลม คล้ายกับจะสลายหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ ทว่ายอดเขาสีขาวลูกเดิมยังคงไม่หายไป ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากลมพัดโหมแม้แต่น้อย

หานลี่ที่อยู่ในร่างลิงยักษ์เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น ฉับพลันก็ถูโจมตีจากสองมือใหญ่ และหมุนไปในเวลาเดียวกัน

แสงสว่างเปล่งประกายขึ้น เนินภูเขาสีเขียวครามสองลูกอยู่ๆ ก็ปรากฏออกมาจากกลางใจมือ

ถัดมาแขนทั้งสองข้างของวานรยักษ์ก็หมุนอย่างบ้าคลั่งราวกับกังหันลม และหลังจากสิ้นเสียงคำราม นิ้วทั้งสิบก็คลายออกพร้อมกัน สุดท้ายภูเขาทั้งสองลูกก็ปล่อยเสียงระเบิดออกมา ระหว่างที่โยนมันขึ้นไปกลางอากาศ

เพียงแค่เห็นลูกแสงสีดำและสีเขียวสองลูกกระพริบขึ้นมา ก็ทุบลงไปกลางยอดเขาสีขาวจนล่วงลงไปข้างล่างอย่างโหดเหี้ยม

ในตอนแรกนั้นแสงสว่างไร้เสียงระเบิดออกมากระทบดวงตาก่อน ต่อมาเสียงดังราวกับฟ้าถล่มดินทลายดังไปทั่วทั้งนภาลัยก็ค่อยดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ก็มีระลอกคลื่นที่น่ากลัวราวกับจะทำลายฟ้าดิน ห้อมล้อมขึ้นทั่วทุกทิศ เพียงครู่หนึ่ง ทั่วทั้งนภาลัยก็เกิดเสียงดังหึ่งคลุมเครือขึ้นมา

สายตาของวานรยักษ์ที่ได้เห็นฉากนี้ ไม่เอ่ยสิ่งใดมากความแสงสีทองก็เปล่งประกายขึ้น ก็ม้วนรวบตัวจูกั่วเอ๋อร์เข้าไปด้วย ในเวลาเดียวกันก็ก้าวเท้ายาว ในพริบตาก็เข้าไปในช่องว่างใกล้เคียงอย่างไร้ร่องลอย

นักพรตปูที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าไร้อารมณ์ของร่างกายที่เลอะเลือน ผู้คนกลายเป็นสายลมและหายไปจากสถานที่แห่งนี้

เพียงไม่นาน ก็เกิดระลอกคลื่นทำลายล้างซัดผ่านที่ทั้งสองคนยืนอยู่ ทำให้ช่องว่างใกล้เคียงค่อยๆ บิดเบี้ยวขึ้นมา

ทางด้านของหยวนชา เมื่อดวงตาเห็นระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวที่ซัดมาอย่างรุนแรง คิ้วสีดำค่อยๆ ขมวด ปากก็พ่นคาถาที่ไม่เข้าใจออกมา ทันใดนั้นก็มีแสงสีฟ้าเปล่งออกมาทั่วทั้งวิหารหลังใหญ่

หลังจากที่ระลอกคลื่นได้สัมผัสกับแสงสีฟ้า ผ่านทั้งสองข้างทางไปอย่างไร้การส่งเสียง ไม่ส่งผลใดๆ กับวิหารหลังใหญ่เลยแม้แต่น้อย

ในที่สุดแสงระยิบระยับที่ส่องเข้ามาในดวงตาก็กระจายหายไป เผยให้เห็นสถานการณ์ในอากาศออกมา

เพียงแค่เห็นภูเขาสามลูกที่ปรากฏออกมากลางอากาศอย่างฉับพลัน ลูกใหญ่ลูกเล็กเรียงซ้อนกันขึ้นเป็นตัวอักษรพิ่น (品) กลางอากาศปรากฏให้เห็นการไม่ยอมอ่อนข้อต่อกันของอิทธิฤทธิ์ต่างๆ

แสงสีฟ้ากระพริบบนภูเขาสีขาว อักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้านับไม่ถ้วนล้อมรอบเป็นวงกลม

ยอดภูเขาสีดำและหมอกควันสีเทา เสมือนคลื่นลูกยักษ์ม้วนรวมกันอย่างรุนแรงอยู่กลางอากาศอย่างไม่รู้จบ

เหนือยอดเขาสีเขียวคราม ทันใดดาบล่องหนนับหมื่น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยกระจายไปในพื้นที่ว่างเปล่าใกล้เคียงเกือบทุกที่

ขณะนี้ เกิดระลอกขึ้นอีกครั้ง ร่างของวานรยักษ์และนักพรตปูปรากฏออกมา ในสถานที่ที่อยู่ห่างไปอีกไปร้อยจั้ง

นัยน์ตาเย็นชาของหยวนชาแวบขึ้นมา ทันทีที่นิ้วมือหยกนั้นสั่นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ปรากฏตัวอักษรเฟิง (封) ออกมา

 “ซ่า” เสียงดังขึ้น!

ขณะเดียวอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่วนรอบยอดเขาสีก็ระเบิดแตกแยกจากออกกัน ทันใดนั้นความหนาวเย็นก็แผ่ลงมาจากฟากฟ้าราวกับว่าแช่แข็งทั้งสวรรค์เอาไว้

ภูเขาสีเขียว สีดำสองลูก หลังจากที่เสียงสะอื้นคร่ำครวญดังขึ้น ในเวลาเดียวกันแสงสีฟ้าก็ได้ส่องประกายขึ้น ต่างคนต่างถูกน้ำแข็งสีฟ้าอ่อนปิดผนึกไว้ในนั้น

หานลี่ในร่างของวานรยักษ์ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตัวเอง ก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นโดยไม่คิดไตร่ตรอง ทันใดนั้นเปลวไฟวิญญาณสีเงินก็โผล่ออกมาจากนิ้วมือทั้งห้าอย่างเกรี้ยวกราด หลังจากการขยับแขน ก็ได้โยนภูเขานั้นออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา

ทว่าในตอนนี้ ทั้งสี่ทิศของความว่างเปล่าแสงสีฟ้าอ่อนก็ประกายขึ้นทันที เงาร่างแววใสจางๆ ทั้งแปดร่างก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าที่เหมือนกันกับหยวนชา แต่ทั้งร่างดันโปร่งใสแวววาว ราวกับน้ำแข็งแกะสลัก ฉับพลันมันก็พุ่งเข้าจู่โจมหานลี่และนักพรตปูในทันใด

ส่วนจูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าเพราะพลังยุทธ์นั้นต่ำเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ถูกมองว่าเป็นเป้าหมาย

ในใจของหานลี่ก็เย็นสะท้านขึ้นมา ไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง เปลวไฟสีเงินในมือของลิงยักษ์สว่างขึ้น พลันกลายเป็นโซ่ไฟสีเงินสองเส้น มุ่งไปทางกลุ่มเงากลุ่มหนึ่ง

แสงสีทองและแสงสีเขียวต่างก็วาววับขึ้นทั้งสองด้านพร้อมกัน ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์และร่างวิญญาณสีเขียวมรกตที่เก่งกาจเหนือมนุษย์ก็ปรากฏออกมาอย่างแปลกประหลาด ทันทีที่เคลื่อนไหว ก็เข้าโจมตีกลุ่มร่างเงาวาวใสอย่างไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย

ส่วนร่างเงาทั้งสี่ร่างที่เข้าโจมตีนักพรตปู ทางด้านนั้นนักพรตปูเพียงแค่อ้าปาก แสงสีทองทั้งสี่ก็ยิงพุ่งออกมาอย่างแรง และทะลุผ่านร่างเงาใสไปในพริบตา

ร่างเงาใสทั้งสองหยุดชะงักชั่วขณะ ทั้งสองร่างถูกโซ่ไฟรัดร่างเอาไว้ เปลวไฟที่ซัดขึ้นลงอย่างเกรี้ยวกราด ในพริบตาทั้งสองคนก็จมลงไปข้างในนั้นทันที

ในการข่มความสัมพันธ์ระหว่างธาตุน้ำและธาตุไฟ ร่างเงาก็พลันสลายหายไปในทันที

ส่วนทางด้านร่างเงาอีกสองร่าง ก็ถูกร่างทองและร่างวิญญาณขัดขวางไว้ ไม่คิดเลยว่าจะต่อสู้โดยไร้อาวุธกับสองคนนี้ ขณะที่ขยับทุกส่วนของร่างกาย อากาศหนาวเย็นก็โถมออกมาเป็นพักๆ อนุภาพที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง พลังที่แท้จริงไม่ด้อยไปกว่าจอมมารทั่วไป

และร่างเงาทั้งสี่ที่โจมตีนักพรตปูนั้น ก็ไม่รู้ว่าแสงสีทองที่เจาะทะลุผ่านร่างของพวกมันไป มีความลึกลับข้างในอย่างไร ในตอนที่แสงสีทองผ่านไปชั่วพริบตา ทั้งสี่ร่างพลันหยุดนิ่งอยู่กับที่

ทันทีที่นักพรตปูยกแขนขึ้น ฝ่ามือหนึ่งข้างก็โบกสะบัดเบาๆ  สี่ครั้งต่อเนื่องกันในอากาศ

ทันทีที่เสียงดัง “ปัง ปัง” ร่างเงาวาวใสทั้งสี่ร่างนั้นก็ระเบิดแยกออกจากกัน

เมื่อเห็นดังนี้หานลี่ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง วานรยักษ์ใช้สองนิ้วมือตวัดชี้ไปยังทั้งสองข้างในอากาศ

หลังจากที่แสงกระบี่สีเขียวสลัวความยาวเกือบหนึ่งจั้งหมุน ร่างเงาที่ต่อสู้กับร่างทองและวิญญาณร่าง พลันก็ถูกทุบจนกลายเป็นผุยผงในทันที

หยวนชาในวิหารใหญ่ไกลออกไปเมื่อได้เห็นสิ่งนี้  ไม่เพียงแต่เขาไม่โกรธเลยเท่านั้น กลับกันมุมปากค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น มือทั้งสองวางไว้บริเวณด้านหน้าอก ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นในท่าสวดเต้าหยิน