ตอนที่ 724 คิดว่าพี่ไม่เอาหน้าหรือไง + ตอนที่ 725 เสียเงินก้อนใหญ่ โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 724 คิดว่าพี่ไม่เอาหน้าหรือไง
จ้าวเสวียหลินได้สติเป็นคนแรกถามด้วยความตกใจ “เหมยเหมยออกเงินได้หนึ่งหมื่นเลยเหรอ? เธอฟังผิดไปหรือเปล่า?”
เขารู้อยู่แล้วว่าน้องสาวมีเงิน แค่ไม่กี่ร้อยน่าจะไม่ใช่ปัญหาแต่ตอนนี้ต้องการหนึ่งหมื่นเชียวนะ พ่อของเขาอย่างจ้าวอิงหัวเงินเดือนทั้งปีรวมกันยังไม่ถึงหนึ่งหมื่นด้วยซ้ำ น้องสาวเขาจะเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ!
จ้าวเสวียกงก็พูดเสริมขึ้นว่า “นั่นสิ หนึ่งหมื่นเชียวนะ พี่สามขาดเงินอีกหนึ่งหมื่นหยวน เหมยเหมยต้องฟังผิดแน่ๆ!”
เหมยเหมยป้องปากขำ “หูของหนูยังใช้การได้ดีอยู่ จะฟังผิดได้ยังไง? ก็เงินหนึ่งหมื่นไง หนูให้ได้หนึ่งหมื่น พี่สามจะเอาเมื่อไหร่?”
จ้าวเสวียเอ๋อร์เห็นเหมยเหมยไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่นเลยสะดุ้งลุกพรวดด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“ยิ่งเร็วยิ่งดี ฉันตกลงราคากับเจ้าของร้านไว้แล้ว ค่าเช่าต่อปีอยู่ที่หกพันหยวน เหลืออีกสี่พันไว้จ้างคนมาอบรม ไหนจะต้องโฆษณาอีก ขอแค่มีเงิน ทุกอย่างจะเสร็จภายในหนึ่งเดือน ถึงปีใหม่ต้องได้ต้นทุนคืนมาแน่”
จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดยาวเหยียดน้ำลายกระจุยกระจาย มองเหมยเหมยราวกับกำลังมองบ่อขุมทรัพย์ด้วยสายตาตื่นเต้น
พระเจ้า!
น่าสงสารที่เขาต้องเครียดเรื่องเงินอยู่ทุกวัน โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าน้องสาวคนนี้เป็นเหมือนตู้ถอนเงินเคลื่อนที่ เงินหนึ่งหมื่นบอกจะให้ก็ให้ไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักที บ่งบอกว่าบนตัวน้องสาวไม่ได้มีเงินแค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น
หลังจากนี้เขาต้องตีสนิทกับน้องสาวให้ดี ถ้าโครงการไหนขาดเงินก็ไปหาน้องสาวแล้วกัน!
เหมยเหมยเองก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “ได้ พรุ่งนี้หนูจะให้พี่หนึ่งหมื่นหยวน แต่พี่สามต้องเซ็นหนังสือตกลงค่าตอบแทนกับหนูก่อน”
จ้าวเสวียเอ๋อร์ตาวาววับฉายแววชื่นชมน้องสาวมากกว่าเดิม รู้กฎระเบียบในแวดวงธุรกิจดีเหมือนกันนี่!
“ได้ ฉันจะเขียนตอนนี้เลย เหมยเหมยได้ร้อยละสามสิบไม่ขาดแน่นอน เราจะเขียนบนกระดาษไว้ละเอียดยิบเลย” จ้าวเสวียเอ๋อร์ตบอกรับปาก
ต่อให้ใจเขาจะเจ็บปวดมากขนาดไหนก็ตาม ตั้งร้อยละสามสิบแหนะ ยังไม่ทันเปิดร้านเงินก็หายไปแล้วร้อยละสามสิบ ทั้งที่เขาออกค่าธรรมเนียมร้านไปตั้งสามหมื่นหยวน!
เหมยเหมยห้ามจ้าวเสวียเอ๋อร์ที่เตรียมลงปากกาเขียนหนังสือสัญญาไว้ ยิ้มกล่าว “พี่สามเขียนอย่างนี้แล้วกัน พี่หกส่วน หนูสองส่วน พี่ชายหนู พี่สี่พี่ห้าแล้วก็มู่มู่แบ่งกันหนึ่งส่วน”
ความจริงเรื่องนี้เธอคิดไว้แล้วล่วงหน้า แม้ค่าขนมปกติของพวกจ้าวเสวียหลินไม่ได้น้อยแต่ก็ไม่พอใช้อยู่ดี เธอให้ครั้งสองครั้งยังพอว่า พอให้บ่อยครั้งไปเหล่าพี่ชายก็ไม่รับไว้อีก ต่อให้ทำยังไงก็ไม่ยอมรับไว้
เงินสดไม่รับ ถ้าอย่างนั้นมีแต่แบ่งกำไรให้ ถือว่าเป็นของขวัญวันบรรลุนิติภาวะล่วงหน้าที่เธอให้พวกพี่ชายแล้วกัน!
พวกจ้าวเสวียหลินชะงักก่อนครู่หนึ่งจากนั้นก็ได้สติ รีบพูดค้านกันอย่างพร้อมเพรียง จะพูดอย่างไรก็รับส่วนแบ่งนี้ไว้ไม่ได้
พวกเขาเป็นพี่ชาย ตามเหตุผลแล้วพวกเขาต้องหาเงินค่าสินเดิมของฝ่ายหญิงให้น้องสาวต่างหาก จะรับเงินของน้องสาวได้อย่างไร? มันไม่ถูกต้องนี่นา!
เพียงแต่เหมยเหมยมีวิธี หลังอ้อนไปยกหนึ่งพวกจ้าวเสวียหลินก็รับไว้อย่างมึนงง เหมยเหมยพูดอีกว่า “เงินพวกนี้ถือว่าเป็นทุนที่หนูสนับสนุนให้พวกพี่ตามจีบสาวแล้วกัน วันหน้าอย่าหาพี่สะใภ้ที่เข้าหายากกลับมาให้หนูนะ”
“สบายใจได้ ถ้ากล้าทำไม่ดีกับเหมยเหมย พี่ห้าจะหย่ากับเธอทันที!” จ้าวเสวียกงตบอกรับปาก แม้ว่าอนาคตจะไม่เห็นแม้แต่เงาภรรยาเขาเลยก็ตาม
จ้าวเสวียเอ๋อร์ลังเลอยู่พักใหญ่ มือที่กำปากกาสั่นแล้วสั่นอีก สุดท้ายได้แต่กัดฟันหลับตาฉีกสัญญาที่เพิ่งเขียนได้ครึ่งทางอย่างห้าวหาญ
“พี่สามฉีกทำไม?” เหมยเหมยถามอย่างสงสัย
“เขียนใหม่อีกฉบับ!”
จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดเล็ดลอดไรฟันแถมยังถลึงตาใส่เหมยเหมยแวบหนึ่ง ยายนี่ใจกว้างเชียว ทำไมถึงไม่คิดเผื่อเขาบ้าง? เขาไม่ขายหน้าหรือไงกัน?
…………………………..
ตอนที่ 725 เสียเงินก้อนใหญ่
จ้าวเสวียเอ๋อร์แปรเปลี่ยนความโกรธเป็นพลัง ตวัดปากกาจรดเขียนบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ได้สัญญาฉบับสมบูรณ์ที่เพิ่งเขียนใหม่ออกมา เพียงแต่–
“พี่สามเขียนผิดหรือเปล่า? เราแค่แบ่งกันส่วนเดียว ไม่ใช่คนละส่วน!”
จ้าวเสวียหลินแวบเดียวก็จับผิดสิ่งปกติได้ มองจ้าวเสวียเอ๋อร์อย่างแปลกใจ
หัวใจที่เป็นรูพรุนของจ้าวเสวียเอ๋อร์บีบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก เขาถลึงตาใส่เหมยเหมยอีกที ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร “ไม่ผิด อีกครึ่งถือว่าฉันให้พวกนายแล้วกัน”
คนเป็นน้องสาวยังใจป้ำขนาดนี้ คนเป็นพี่ใหญ่อย่างเขาถ้าไม่ทุ่มอะไรให้เลย แล้ววันหน้าจะเหลือความน่าเกรงขามตอนอยู่ต่อหน้าพวกน้องชายอีกหรือ?
อีกอย่างศักดิ์ศรีของเขาก็ข้ามผ่านมันไปไม่ได้!
ความผิดของยายนี่คนเดียว รู้อยู่แล้วเชียวว่าอย่าได้ร่วมมือกับยายนี่ สุ่มเสี่ยงไม่พอยังต้องขาดทุนอีก ตั้งสองส่วน ทำเขาปวดใจเสียจริง!
พวกจ้าวเสวียหลินไม่รู้สึกลำบากใจกับของขวัญชิ้นนี้จากจ้าวเสวียเอ๋อร์สักนิด รับไว้อย่างสบายใจ “ขอบคุณพี่สามนะ วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรบอกได้นะ เราไม่มีเงินแต่มีแรง ช่วยทำงานไม่มีปัญหาแน่นอน”
จ้าวเสวียเอ๋อร์ฉีกยิ้มทั้งที่ใจข่มขื่น ลอบก่นด่าในใจว่ามีเงินตั้งมากเขาจะหาลูกจ้างไม่ได้เลยเหรอ ถึงขนาดต้องต้องให้พวกนายไปทำงานเชียวหรือ?
เหมยเหมยป้องปากแอบขำ ครั้งนี้พี่สามของเธอเสียเงินก้อนใหญ่เสียแล้ว นานทีปีหน!
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยแสร้งไปเบิกเงินที่ธนาคาร แต่ความจริงเอามาจากช่องเก็บของฉิวฉิว เงินธนบัตรใบละร้อยจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนถ้วน ดูไม่หนาเท่าไร ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่เงินหมื่นเอามากองเป็นภูเขาลูกเล็กได้
เหมยเหมยส่งเงินหนึ่งหมื่นให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ทำ เขาดีใจยกใหญ่ อุ้มเหมยเหมยหมุนวนไปมาหลายรอบก่อนจะวิ่งแจ้นไปเซ็นสัญญากับเจ้าของร้าน และพยายามจะเปิดบริการให้ทันตั้งแต่ปิดเทอมนี้
จ้าวเสวียเอ๋อร์เองก็มีข้อสงสัย ตัดสินใจว่าจะหาเวลาว่างมาถามจ้าวเสวียหลินทีหลังว่าน้องสาวเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ หากมีช่องทางหาเงินง่ายๆ เขาจะได้หน้าด้านมาขอให้น้องสาวพาเขารวยไปด้วย!
เหมยเหมย สยงมู่มู่และอู่เชาสามคนไม่ได้กลับบ้านแต่เลือกไปห้างสรรพสินค้าแทนเพื่อเตรียมซื้อโทรทัศน์ เมื่อวานสัญญากับท่านปู่จ้าวไว้แล้ว วันนี้จึงต้องทำตามสัญญา
แต่ประเภทโทรทัศน์ในห้างสรรพสินค้ามีน้อย ส่วนใหญ่เป็นโทรทัศน์จอขาวดำไร้สีสัน พอถามพนักงานก็บอกว่าโทรทัศน์จอสีต้องสั่งจอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าจะเข้าเมื่อไร ไม่แน่อาจต้องรอถึงปีหน้า
เหมยเหมยที่เคยชินกับโทรทัศน์จอสีจะดูโทรทัศน์จอขาวดำอย่างไรไหว เธอไปห้างสรรพสินค้าอีกห้างซึ่งก็เจอปัญหาเดียวกันต่างไม่มีสินค้าพร้อมขาย ขณะนี้เธอถึงรู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ว่ามีเงินแต่ก็ซื้อของไม่ได้
มิน่ายุคสมัยนี้ค้าขายอะไรก็รวยกันหมด ผลิตสินค้าที่มีความต้องการสูงในปริมาณน้อย ขอแค่สินค้าคุณภาพดีไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก
“หรือว่าเราซื้อทีวีขาวดำเถอะ ทีวีที่คุณปู่คุณย่าเธอดูตอนนี้ก็ขาวดำเหมือนกันนี่!” อู่เชาว่า
“ขาวดำน่าดูตรงไหน ไม่มีสีสันเลยสักนิด ดูแล้วหมดอารมณ์” สยงมู่มู่คัดค้าน
เหมยเหมยเองก็มีความคิดเดียวกัน เธอครุ่นคิดสักพักก็วิ่งไปใช้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรหาเหยียนหมิงซุ่นบอกว่าที่เมืองหลวงไม่มีสินค้าพร้อมขาย เหยียนหมิงซุ่นต้องมีแน่ๆ มีปัญหาอะไรก็หาพี่หมิงซุ่นลูกเดียว
เหยียนหมิงซุ่นแบกเป้เตรียมออกเดินทาง เขาบอกพวกคุณยายหยางว่าไปเที่ยวโดยที่คนแก่ทั้งสองก็ไม่พูดอะไร บอกแค่ว่าให้เขาระวังตัวให้ดี
ได้ยินเสียงใสของเหมยเหมยจากโทรศัพท์เหยียนหมิงซุ่นก็อดยกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ “ไม่มีปัญหา สามวันหลังจากนี้น่าจะถึง ฉันจะไปเลือกให้เอง”
ผู้บัญชาการอาวุโสสองท่านที่มีความสำคัญยิ่งกว่าท่านพ่อตาอยากดูโทรทัศน์ เขาจะกล้าชักช้าได้อย่างไรเล่า ต้องเลือกโทรทัศน์จอสีที่ดีที่สุดในร้านให้อยู่แล้ว!
…………………………