ตอนที่ 2143 อ่าวเสี่ยวและอิ๋นเย่ว์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หลังจากที่หยวนชาที่ได้ฟังคำเอ่ยของอ่าวเสี่ยว สีหน้าพลันเคร่งขรึม กวาดสายตามองไปยังหานลี่ในร่างของวานรยักษ์และปูยักษ์สีเหลืองทองที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังขึ้น มือข้างหนึ่งคว้าไปในอากาศ ฉับพลันค้อนสีขาวก็ปรากฏออกมา ทว่าหลังจากที่แสงสีทองประกาย ก็หายไปอย่างแปลกประหลาดอีกครั้ง

และเงาหมาป่ายักษ์บนหัวก็โถมเข้าไปในกองไฟ และจมหายเข้าไปในวิหารอย่างไร้ล่องรอย

ต่อมา หลังจากที่เกิดการสั่นสะเทือน ทั่วทั้งวิหารหลังใหญ่ก็มีอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปลิวว่อนออกมา กลายเป็นกลุ่มแสงสีฟ้าแตกออกไป ระหว่างที่เคลื่อนไหวเพียงแวบหนึ่งเท่านั้น ก็ไปถึงสุดขอบฟ้าแล้ว

ในตอนนี้ เสียงของหยวนชาก็พลันดังขึ้นมาแต่ไกล

 “อ่าวเสี่ยว ในเมื่อท่านยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ คราวนี้ข้าก็จะถอยหนี แต่คราวหน้าเมื่อใดที่ท่านมีคนเดียว โชคชะตาพวกท่านจะไม่ได้ดีอย่างเช่นครั้งนี้หรอก ข้าจะไม่ยอมปล่อยพวกท่านไปง่ายๆ แน่นอน”

สิ้นเสียงลง แสงสีฟ้าที่ขอบฟ้าก็ประกายขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง และหายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ

อย่าได้มองว่าหยวนชานั้นเป็นหญิง นางสามารถลงมือได้โดยไม่ลังเล เพียงแค่เห็นอ่าวเสี่ยวปรากฏตัวออกมาก็พอจะรู้แล้วว่าวันนี้นั้นนางไม่มีทางสมหวังที่จะฆ่าหานลี่และคนอื่นๆ ได้เลย กลับกันตัวเองนั้นอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีก  จึงได้หนีออกไปอย่างไม่คิดลังเลเลยทันที

หานลี่ที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหลังจากที่ทักนักพรตปูขึ้น  ทั้งสองคนก็ได้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้งภายในแสงสว่างที่เปล่งประกายขึ้น

ภูเขาน้ำแข็งลูกเดิมสองลูกที่อยู่กลางอากาศ  ถูกหานลี่ที่ยกมือปล่อยเปลวไฟสีเงินออกมาละลายผิวน้ำแข็งด้านนอก และร่วงลงมาใหม่อีกครั้ง แต่ถูกรองรับด้วยแขนเสื้อขนาดใหญ่เอาไว้ทั้งหมด

หลังจากอ่าวเสี่ยวหันร่างกลับมา ดวงตาทั้งสองหันมองหานลี่ที่อยู่ทางนี้ มือข้างหนึ่งยกขึ้น แสงสีขาวก็พุ่งลอยออกมา แสงสว่างไสวกระจายลอยวนอยู่ เผยให้เห็นเรือหอคอยขนาดมหึมาลำหนึ่งที่ทุกส่วนของมันมีแสงสีเงินประกายระยิบระยับ รวมทั้งหมดแบ่งเป็นห้าชั้น มีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง ด้านบนยังมีเหล่าทหารสวมชุดเกราะยืนควงขวานเงินสองคมอยู่จำนวนหนึ่ง

 “พวกท่านขึ้นมาด้วยกันเถิด” ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวเอ่ยกำชับเบาๆ พาร่างอิ๋นเย่ว์ลอยขึ้นมายังเรือหอคอย และเข้าไปในห้องโถงใหญ่ชั้นบนสุด

ทหารในชุดเกราะก็แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างเงียบๆ ก้มหัวเล็กน้อยในลักษณะท่าทางที่แสดงออกถึงการต้อนรับด้วยความยินดี

“หุ่นเชิด!”

หานลี่มองแค่ปราดเดียวก็มองออกแล้วว่าทหารในชุดเกราะเหล่านี้เดิมทีนั้นเป็นพวกภูตผีปีศาจ หลังจากที่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็น ก็ได้ตัดสินใจ พานักพรตปูและจูกั่วเอ๋อร์ลอยขึ้นไปช้าๆ

หุ่นเชิดทหารเกราะสีเงินเหล่านั้น ได้รับคำสั่งจากปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวอย่างชัดเจน สายตามองไปยังหานลี่และสามคนอื่นๆ กำลังขึ้นไปบนเรือหอคอย เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ ความหมายก่อนหน้านี้คือไม่ได้มีการกีดขวางเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เดินมาถึงประตูใหญ่ด้านนอกห้องโถง หานลี่ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างออก หันหน้ากลับไปให้จูกั่วเอ๋อร์อยู่ด้านนอกก่อนชั่วคราว และพาแค่นักพรตปูเข้าไปในห้องโถงชั้นบนสุด

“ขอคารวะ ผู้อาวุโสอ่าวเสี่ยว!”

พอหานลี่เข้าไปในประตูห้องโถง ทันใดนั้นพลันมองเห็นปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิงสีทอง ขณะที่เดินผ่านไป โค้งทำเคารพเล็กน้อยพร้อมเอ่ยขึ้น

ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมา และหลังจากที่พินิจพิเคราะห์หานลี่ขึ้นลงหนึ่งรอบ เผยสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้มจะไม่ยิ้มออกมา

อิ๋นเย่ว์ที่ยืนอยู่ข้างหลังปรมาจารย์อ่าวเสี่ยว ก้มหน้าลง เหมือนกับว่าไม่มีความกล้าที่จะมองหานลี่ตรงๆ

“ท่านคือหานลี่ผู้ที่ใช้เวลากว่าพันปี ฝึกฝนพลังยุทธ์จากระดับเทพแปลงจนถึงผสานอาณาเขต? หลังจากที่ผู้เฒ่าได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงได้รู้ว่าคำบอกเล่าจากโลกภายนอกนั้นได้ประเมินพรสวรรค์ของท่านต่ำไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นระดับผสานอินทรีย์แล้วสินะ?” ในที่สุดปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวก็เปิดปากเอ่ยขึ้น น้ำเสียงดูใจดีเกินคาดคิด

“ชนรุ่นหลังได้ฝึกฝนมาจนถึงระดับสูงแล้วจริงๆ ท่านอาวุโสรู้จักชนรุ่นหลังมาก่อนหน้านี้แล้วหรือ?” หานลี่ถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบ ทว่าหลังจากที่เอ่ยจบก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังอิ๋นเย่ว์แวบหนึ่ง

หญิงสาวผมสีเงินยังคงก้มหน้าเงียบ

“นามว่านักพรตหาน ในตอนที่อิ๋นเย่ว์เด็กคนนี้จากแดนมนุษย์กลับคืนสู่แดนวิญญาณ ผู้เฒ่าก็รู้จักแล้ว แต่ว่า หลังจากที่สหายเข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นสูง ถึงนับว่าผ่านเข้ามาในสายตาของผู้เฒ่าอย่างจริงจัง สุดท้ายแล้วทุกนักพรตระดับผสานอินทรีย์ทุกท่านนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ระดับกำลังรบสูงสุดของทั้งสองเผ่าเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ เป็นธรรมดาที่ผู้เฒ่าจะต้องใส่ใจ อิ๋นเย่ว์ ยังไม่รีบทำความเคารพอีก ในตอนแรกถ้าไม่ได้หานลี่ลงมือช่วยเหลือ เจ้าจะสามารถรวมวิญญาณ กลับสู่แดนวิญญาณใหม่อีกครั้งได้อย่างไร” ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวยิ้มก่อนที่จะตอบกลับ ก็ทักทายอิ๋นเย่ว์ที่อยู่ข้างหลังทันที

“อิ๋นเย่ว์เคยพบกับพี่น้องหานแล้ว วันนั้นในแดนมนุษย์ และข้าก็ไม่เคยพบกับสหายอีกเลย แต่เป็นเพราะบุญคุณในปีนั้น ข้าจำใส่ใจมาตลอด” ในที่สุดใบหน้างดงามของอิ๋นเย่ว์ก็เงยขึ้น สีหน้าบนใบหน้าเรียบเฉย เมื่อเปรียบเทียบกับสีหน้าตื่นเต้นตอนที่พบกับหานลี่ครั้งแรก ราวกับเป็นคนละคน

สีหน้าหานลี่ขยับเล็กน้อย ก็รู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ หลังจากที่สบตาคลุมเครือของฝ่ายตรงข้ามชั่วขณะ และรู้สึกว่าสีหน้าของอิ๋นเย่ว์ที่แสดงออกมานั้นไม่เหมือนกับการแสร้งตั้งใจ หลังจากที่คิดในใจอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ยิ้มและตอบกลับไป

“ตอนนั้น ชนรุ่นหลังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดาผู้นี้ และความผิดหลายๆ อย่างนอกจากนี้ และหวังว่าสหายหลิงหลงอย่าได้ตำหนิกันเลย สำหรับการช่วยเหลือในตอนแรก มันเพียงเป็นไปตามสถานการณ์เท่านั้น เทพธิดาอย่าได้ใส่ใจเลย”

“ฮ่าๆ สองสามปีมานี้ไม่ได้พบกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดูห่างเหินขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไง บุญคุณที่สหายหานลี่ช่วยชีวิตอิ๋นเย่ว์เด็กหญิงคนนี้ไว้เป็นเรื่องจริง ผู้เฒ่าเองคงจะต้องตอบแทนอย่างถึงที่สุด” หลังจากที่สายตาของอ่าวเสี่ยวเปล่งประกายขึ้นต่างจากปกติ พร้อมหัวเราะฮ่าๆ และเอ่ยขึ้น

“ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตที่ถูกควบคุมโดยเผ่ามารแล้วเรียบร้อย ทำไมผู้อาวุโสถึงมาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ ท่านมาที่นี่เพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวอย่างนั้นหรือ?” ไม่รู้ว่าในใจหานลี่นั้นมีความคิดอย่างไร ปากก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและเอ่ยถามขึ้น

“ทั้งใช่และไม่ใช่!”จากที่หานลี่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ให้คำตอบที่คลุมเครือหนึ่งคำ

“ผู้อาวุโสหมายความว่า…” หานลี่ตกใจ

“ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน ได้รับข่าวคราวมาจากทหารพันธมิตร ว่าบรรพชนเผ่ามารที่เป็นผู้สั่งการสามตนดูเหมือนจะสับเปลี่ยนกันขึ้นลงครั้งต่อหลายครั้ง และเหมือนกับว่าเผ่ามารเริ่มจะมายึดครองอาณาเขตเพื่อขยายพื้นที่มาร ผู้อาวุโสได้รับความไว้วางใจจากสหายนักพรตท่านอื่นๆ ประเด็นแรกต้องการมาเห็นด้วยตาของตัวเองว่าข่าวคราวนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ประเด็นที่สองคือมาดูว่าขบวนทัพใหญ่ของพวกเผ่ามารทำลายไปมากเท่าไรแล้ว” อ่าวเสี่ยวเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เรื่องนี้ข้าสามารถเข้าใจได้ แต่ว่าผู้อาวุโสเสี่ยว เกิดอะไรขึ้นกับเขตอาคมใหญ่ของเผ่ามาร ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนในอาณาเขตแดนมนุษย์ ดูเหมือนว่าจะมีสถานที่ไม่น้อยที่พบเห็นเค้าลางของเผ่ามาร และการเปลี่ยนแปลงไปของที่แห่งนี้ก็เช่นกันด้วยหรือไม่” หานลี่กระพริบตาไปมา ถามขึ้นด้วยความสงสัย

 “ถ้าพวกเผ่ามารคิดจะมาปักหลักที่ดินแดนวิญญาณของพวกเราจริงๆ จำเป็นจะต้องกำหนดพื้นที่มาร ให้พลังวิญญาณรอบๆ เปลี่ยนเป็นพลังมารถึงจะสามารถเป็นไปได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้ จำเป็นที่จะต้องพึ่งกองทัพมารแบบหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนพฤกษาธรรมดาให้เป็นพฤกษามารถึงจะสามารถเป็นไปได้ ในตอนแรกเผ่ามารก็เคยพยายามเช่นนี้เข้ามาในแดนปีศาจ และแดนมนุษย์ของพวกเรา ทว่าในตอนเริ่มต้นกลับถูกพวกเราพบเสียก่อน และได้ทำลายเขตอาคมส่วนใหญ่ไปได้ทันเวลา ดังนั้นพลังมารเลยไม่มีผล แต่ว่าเผ่าพฤกษาสถานการณ์ทางนี้ก็คงยุ่งยากมากพอแล้ว ไม่เพียงแต่อาณาเขตที่ถูกยึดครองไว้ส่วนใหญ่ล้วนถูกจัดให้ให้อยู่ในเขตอาคมลักษณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหลายปีก่อนได้มีการเริ่มสร้างเขตอาคมพลังมารขึ้นมา เมื่อมีเขตอาคมพลังมารเช่นนี้แล้ว ก็สามารถที่จะเชื่อมโยงพันหมื่นกว่าเขตอาคมพลังมารรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากต้องการทำลายแล้วล่ะก็ คงยากอยู่มากโข แต่ถ้าหากสามารถทำลายพวกมันไปได้สักสองสามตัว จะต้องสามารถถ่วงเวลาให้อาณาเขตเผ่าพฤกษารอดจากขั้นตอนการเปลี่ยนพลังมารช้าออกไปอีกได้”

พอปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวพูดมาถึงตอนนี้ จึงได้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หลังจากที่ชะงักไปพักหนึ่ง ก็แสดงสีหน้ากึ่งยิ้มแวบขึ้นมา ทันใดนั้นก็ถามคำถามที่ทำให้หานลี่รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาหนึ่งประโยค

“หลายปีมานี้ไม่ได้ข่าวคราวสหายหานเลย ว่าแต่คนในตระกูลวิญญาณเที่ยงแท้ไปที่ดินแดนปีศาจหมดแล้วหรือ?”

 “ท่านอาวุโสรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? ข้ากับสหายหลง เทพธิดาเย่ และเผ่าวิญญาณบางคน ก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือเข้าไปในแดนมารจริง!” หลังจากที่หานลี่ทำสีหน้าเลิ่กลั่กอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ยิ้มขมขื่นตอบกลับไป

 “มีอะไรยากอย่างนั้นเหรอ พวกเจ้าทั้งหมดเล่นหายไปพร้อมกัน มีทั้งเรื่องบ่อชำระวิญญาณและบัววิญญาณพิสุทธิ์ ในสายตาของข้าไม่มีความลับใดไม่ถูกเปิดเผย ทุกครั้งที่ดินแดนมารและแดนวิญญาณเชื่อมกัน แต่ละเผ่าจะมีคนที่หาโอกาสแอบรวมกลุ่มกันแทรกซึมเข้ามาในแดนมาร เพียงแต่น้อยถึงน้อยมากที่จะประสบความสำเร็จ  ตอนนี้มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่กลับมาได้ ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ มากกว่าครึ่งจะตกอยู่ในแดนมารแล้ว” ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวเอ่ยขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน

 “สายตาของท่านอาวุโสดุจคบไฟ พวกชนรุ่นหลังใช้โอกาสนี้เข้าไปจริง สหายนักพรตคนอื่นๆ ได้พบกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงแค่ชนรุ่นหลังที่บังเอิญโชคดี ถึงกลับมาที่แดนวิญญาณได้อีกครั้ง” หานลี่มึนงงอยู่สักพัก จึงได้ถอนหายใจเบาๆ ตอบกลับ

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าก่อนหน้านั้นเรื่องที่ตนเองอยู่ในแดนมาร จะเป็นสิ่งที่ทำซ้ำรอยกับคนรุ่นก่อนที่สิ้นสุดไปแล้ว แต่เกรงว่าพวกคนรุ่นก่อนส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครไปถึงทะเลกำเนิดมาร

 “การที่พลังยุทธ์ของพวกเจ้าเข้าไปในแดนมาร ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก แต่ว่าการเดินทางครั้งนี้ที่สิ่งที่เจ้าได้รับก็ไกลเหนือจินตนาการไปมาก ไม่พูดมากความ เดิมที ‘สหายนักพรต’ข้างหลังชื่อของเจ้า ควรจะเป็นของปูศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองทองจากทะเลกำเนิดมารท่านนั้นนะ ว่าแต่พลังยุทธ์ทำไมถึงได้ลดลงถึงเพียงนี้ จิ๊ๆ หากเซียนจอมปลอมนี้ได้ออกฝีมือสุดกำลังล่ะก็ แม่แต่ผู้อาวุโสเองก็ยังกลัวว่าจะรับมือไม่ได้ คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเจ้าจะล่อลวงมันออกมาได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้านั้นทำเรื่องนี้ได้อย่างไร” หลังจากปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวหัวเราะทะเล้น ในที่สุดสายตายากที่ปิดบังความร้อนแรงเหมือนไฟก็ลดลงไปที่ร่างของนักพรตปูพร้อมเอ่ยขึ้น

“ดูเหมือนว่าท่านอาวุโสอ่าวเสี่ยวจะเคยพบกับพี่ปูมาก่อน สหายปูมีสติปัญญาดีอยู่แล้ว จะล่อลวงมาได้อย่างไรกัน ข้าเพียงแค่ทำข้อตกลงผลประโยชน์กับสหายปูมันถึงได้ตามชนรุ่นหลังมาเพียงชั่วคราวเท่านั้น” หลังจากที่หานลี่ถอนหายในเฮือกหนึ่ง จึงได้ตอบกลับไปอย่างไม่จริงจัง

 “เป็นเช่นนี้เอง!” ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวหาวขึ้น ในใจกลับไม่เชื่ออย่างที่สุด

ถ้าหากปูยักษ์สีเหลืองทองนี้พูดได้ง่ายจริงๆ ตอนนั้นก็คงจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งจากโลกอื่นๆ หลอกล่อไปนานแล้ว ซ้ำยังรออยู่ที่ทะเลกำเนิดมารเป็นเวลาเกินกว่าร้อยปีหมื่นปีอีก

แต่ว่าอ่าเสี่ยวถึงแม้ว่าจะมองไปยังปูยักษ์สีเหลืองทองเซียนจอมปลอมนี้ รู้สึกอิจฉาเป็นที่สุด กลับกันไม่ได้หมายความว่ามีแผนที่จะยึดครองแต่อย่างใด ที่จริงพลังยุทธ์ที่ถึงระดับเขาแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าเดิมทีเรื่องแบบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ข้างนอก

ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ที่พลันได้พบกับหานลี่ ก็พบว่าพลังยุทธ์เขานั้นถึงระดับผสานอินทรีย์ขั้นสูงแล้ว

และดูเหมือนว่าจะมีโอกาสทะลวงขึ้นระดับมหายานขั้นสูงด้วย ในใจก็สั่นไหวราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ไหลเชี่ยวอยู่

เดิมทีนั่นเป็นเรื่องที่เขารู้สึกเสียใจมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าจะพบกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

ปรมาจารย์อ่าวเสี่ยวพอคิดมาถึงเท่านี้ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปสำรวจอิ๋นเย่ว์ที่อยู่ด้านหลัง  เห็นความนิ่งเฉยที่แสดงออกบนในหน้าของนาง หลังจากใจค่อยๆ สงบลง ทันใดนั้นก็ถามกลับหานลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 “ผู้อาวุโสไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆ ในแดนมารของท่านว่าเป็นเช่นไร สุดท้ายแค่อยากจะถามท่านอยู่เรื่องหนึ่ง และหวังว่าท่านจะตอบมันด้วยความสัตย์จริง สหายหาน ท่านเข้าไปในบ่อชำระวิญญาณของทะเลกำเนิดมาร และได้ชื่นชมครอบครองบัววิญญาณพิสุทธิ์แล้วหรือ?”