ตอนที่ 901 โอสถราชันไร้เทียมทาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 901 โอสถราชันไร้เทียมทาน
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็พุ่งตัวออกมาอย่างรุนแรง ฝ่ามือกดลงไปในห้วงอากาศ ธารดาราอัคคีแถบหนึ่งพวยพุ่งออกมา ดาราดวงแล้วดวงเล่าลุกโชนระเบิดปะทุ เกิดเป็นภาพประหลาดน่าหวั่นกลัว

นี่คือธารดาราหลอมเพลิง เป็นวิชามรรคชั้นเลิศที่แท้จริง!

ชายชุดทองคนนั้นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสี หลบหนีไปไกลด้วยความเร็วเหนือธรรมดา เพียงแต่ยามนี้เขายังไม่ทันหนีพ้นก็ถูกหลินสวินเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว

สาเหตุก็เพราะหลินสวินไวกว่าเขา เหยียบย่างด้วยก้าวย่างชือน้ำแข็งก้าวเดียวราวเคลื่อนย้ายกลางอากาศ

โครม!

ธารดาราที่ลุกโชนระเบิดม้วนรุนแรง กลบเงาร่างของชายชุดทองผู้นั้นจนท่วม…

“ไม่! ไม่นะ…!” กลางทะเลเพลิง ชายชุดทองร้องโหยหวน เผยให้เห็นความประหวั่นและอับจนหนทาง แต่ในที่สุดก็ตายอนาถคาที่ ถูกเผาเป็นเถ้าธุลี

ผู้แข็งแกร่งที่สังเกตเห็นภาพนี้จากไกลๆ ล้วนสูดหายใจเย็นเยียบ ในใจตื่นตะลึง

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทันทีที่เทพมาหลินเริ่มโจมตี ฝีมือเช่นนั้นก็อหังการไม่เป็นรองใคร น่าครั่นคร้ามถึงที่สุด ไม่มีโอกาสให้อีกฝ่ายหลบหนี

“รนหาที่ตาย!” ฉับพลันหลินสวินก็หันหลังกลับมา เห็นว่ามีคนฉวยโอกาสระหว่างที่ตนต่อสู้อยู่ เคลื่อนดอกตูมสำริดดอกนั้นมา

สวบ!

สายโซ่เปล่งประกายสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งเคลื่อนออกมา สายโซ่นั้นหนาเพียงนิ้วโป้ง คล้ายจะพันผูกดอกตูมสำริดนั้นไว้เป็นของตัวเอง

ทว่าไม่ทันรอให้เข้าใกล้ เงาร่างของหลินสวินก็พุ่งออกไปแล้ว นิ้วมือคว้าออกไปจับสายโซ่สีน้ำเงินเข้มนั้นอย่างจังและเขย่าข้อมือแรงๆ ทันใด

ซ่า!

สายโซ่ส่งเสียงสั่นสะเทือนแสบแก้วหู ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของสายโซ่ ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดคนหนึ่งถูกโยนกระเด็นไปอย่างแรง

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มกร้าวแกร่งหาใดเทียบคนหนึ่ง ผิวพรรณดำคล้ำ นัยน์ตายาวแคบ

เมื่อประสบเรื่องไม่คาดคิดกะทันหันเช่นนี้ การตอบโต้ของเขาก็หนักแน่นถึงที่สุด ละทิ้งสายโซ่ในมือโดยไม่ลังเล ร่างกายหายลับไปกลางอากาศ เคลื่อนออกไปไกลร่าวลูกศรที่ยิงออกจากคันธนู

“ยังจะคิดจะหนีหรือ”

ดวงตาสีดำของหลินสวินบังเกิดรังสีเยียบเย็นขึ้น ต่อยออกไปหมัดหนึ่ง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไม่มีความแข็งแกร่งใดต้านทานได้ พลังเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำหลอมรวมอยู่ภายในนั้นโดยสมบูรณ์

ตูม!

ชายหนุ่มกร้าวแกร่งคนนั้นก็ถูกสังหารในชั่วพริบตาพร้อมกับเสียงโครมครามน่าหวาดหวั่น

เพียงแต่ที่ทำให้ผู้อื่นเหนือความคาดหมายก็คือ ร่างกายแหลกละเอียดของเขากลับแปรสภาพเป็นละอองแสงสีทองปลิวว่อน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ร่างจริงของเขา

ยันต์มรรคจักจั่นทอง!

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น หลินสวินก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหมอนี่ใช้พลังของยันต์มรรคจักจั่นทอง เมื่อจักจั่นลอกคราบก็หนีไปได้อย่างงดงามแล้ว

ชั่วพริบตาเท่านั้น บุคคลระดับผู้กล้าชั้นยอดสองคน คนหนึ่งตาย อีกคนหนึ่งหนี!

ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้เคียงต่างจิตใจหดหู่แล้ว พลังต่อสู้ของเทพมารหลินคนนี้ช่างเย้ยฟ้านัก ท่วงท่ากวาดกำราบโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครสามารถรับการโจมตีของเขาได้!

ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาอีก

และก็เป็นตอนนี้เอง ดอกตูมสำริดที่ดึงดูดความสนใจของหลินสวินดอกนั้นก็เริ่มเบ่งบาน กลีบดอกแต่ละกลีบบานเต็มที่ท่ามกลางความสั่นระรัว

ครู่ต่อมา ตรงเกสรดอกไม้ปรากฏแสงธรรมเพริศแพร้วพุ่งออกมาราวโคมสำริดอันหนึ่งถูกจุดให้สว่าง

แต่เพียงชั่วพริบตา ดอกไม้ที่บานเต็มที่นั้นก็เหี่ยวเฉา กลีบดอกไม้ปลิดปลิวร่วงผล็อย ในขณะเดียวกันแสงสีแดงสดแสงหนึ่งก็ทอดลงมาจากภายในนั้น

หลินสวินยื่นมือไปคว้าสิ่งนั้นไว้ มันคือก้อนหินราวหยกมันแพะก้อนหนึ่ง ด้านบนชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาเป็นจุดๆ รอยน้ำตาสีแดงบาดตาราวกับโลหิต

มันมีขนาดเพียงถั่วซิ่งเหริน (ถั่วอัลมอนด์) แต่หนักถึงหลักหมื่นจิน เปล่งปลั่งไปทั้งเมล็ด คลื่นพลังนุ่มนวลเย็นสบายชั้นแล้วชั้นเล่ากระจายออกมา

ระหว่างที่อึ้งงัน ในก้อนหินราวกับมีปรากฏการณ์ประหลาดที่มหาหงส์ร้องครวญเศร้า สั่นสะท้านจิตวิญญาณ

ศิลาโลหิตน้ำตาหงส์!

ของล้ำค่าในฟ้าดินชนิดหนึ่ง เป็นเจตวัตถุชั้นยอดที่บังเอิญพบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ ไม่อาจประเมินราคา เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการหลอมศาสตราจิตและสมบัติอริยะ

อย่าเห็นว่าเป็นเพียงหินก้อนเล็กเท่าถั่วซิ่งเหรินก้อนหนึ่ง หากถูกอริยะเห็นเข้าก็ต้องอิจฉาตาร้อน!

เจตวัตถุเดิมก็หายากอย่างยิ่ง บนโลกในปัจจุบันแทบไม่มีทางเสาะหาได้แล้ว ส่วนศิลาโลหิตน้ำตาหงส์ยิ่งเป็นของล้ำค่าหายากในหมู่เจตวัตถุ

ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นศุภโชคที่ไม่ใช่เล็กๆ เลยครั้งหนึ่ง!

ชั่วพริบตาหลินสวินก็สังเกตเห็นว่ามีสายตาละโมบไม่น้อยกวาดมองมา

เขาเก็บศิลาโลหิตน้ำตาหงส์อย่างแนบเนียน จากนั้นดวงตาสีดำก็กวาดไปทั่วทิศอย่างเย็นเยียบ พลันทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นต่างสั่นไปทั้งตัว ความโลภในใจถูกดับสิ้น

“สวรรค์ นี่เป็นสมบัติโบราณกายสิทธิ์!”

“ตามไป!”

เหนือกิ่งก้านต้นไม้โบราณที่อยู่ไกลออกไป ธงหยกขาวลำหนึ่งแปรสภาพเป็นแสงประกาย กำลังล่องหนีในห้วงอากาศ เบื้องหลังมีผู้แข็งแกร่งมากมายกำลังงัดทุกวิถีทางไล่ตาม

ครู่เดียวบริเวณนั้นก็โกลาหลหาใดเปรียบ แสงเทพตัดพัน ผู้แข็งแกร่งจากที่ต่างๆ สำแดงฝีมือหมายจะไปกำราบธงหยกขาวนั่น

ทุกคนดูออกว่านี่ต้องเป็นสมบัติอัศจรรย์ที่เกิดจากดอกไม้มรรคโบราณ เป็นมหาศุภโชคครั้งหนึ่งแน่!

หลินสวินก็อดใจเต้นไม่ได้ กำลังจะเข้าไปร่วมด้วยก็เห็นว่าอีกแถบหนึ่งของต้นไม้โบราณก็มีวาสนาถือกำเนิดอีก เป็นม้วนหนังสือโบราณสำริดสีทองเจิดจ้า

เพียงแต่มันก็เหมือนมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง บินไปทางสุดกิ่งก้านของต้นไม้โบราณ ด้านหลังกลับมีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งตามติดไม่ยอมแพ้

เวลานี้บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณทั้งบนล่าง ดอกตูมสำริดดอกแล้วดอกเล่าเบ่งบาน เปล่งรัศมีเทพใหญ่โต จากนั้นก็ก่อตัวเป็น ‘ผล’

ทว่านี่ไม่ใช่ ‘ผล’ ทั่วไป แต่เป็นศุภโชคชิ้นแล้วชิ้นเล่า หากไม่เป็นสมบัติอริยะกายสิทธิ์ก็เป็นมรดกลี้ลับ

กระทั่งยังมีสิ่งของพิสดารหายากบางอย่าง ทุกอย่างล้วนอัศจรรย์ไม่ธรรมดา

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของต้นโคมสำริดมรรคโบราณล้วนสำแดงฝีมือทั้งหมด แก่งแย่งช่วงชิงกันเหมือนเสียสติ

การสังหารและไล่ตามเกิดขึ้นอย่างดุเดือด

เสียงกรีดร้อง เสียงคำราม เสียงห้ำหั่นดังขึ้นมาให้ได้ยินอยู่ตลอดท่ามกลางฟ้าดิน

บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณที่ตั้งตระหง่านอย่างแข็งแกร่ง ครู่เดียวก็โกลาหลอย่างยิ่ง ศุภโชคแต่ละอย่างตกลงมาราวพิรุณ กระตุ้นให้ผู้กล้าทุกคนดวงตาวาวโรจน์

“สวรรค์! นี่เป็นโอสถราชันไร้เทียมทานต้นหนึ่งหรือ ถึงได้มีสองเท้าและปีกงอกออกมา ห้อตะบึงไปในห้วงอากาศได้!” เสียงร้องตกตะลึงดังขึ้น

ก็เห็นว่าโสมวิญญาณขาวปลั่งต้นหนึ่งกำลังตะบึงไปในห้วงอากาศ มันเหมือนชายชราแคระผู้หนึ่ง ใบไม้สีเขียวชอุ่มงอกขึ้นที่หัว ส่วนรากแน่นขนัดแปรสภาพเป็นสองเท้า บนหลังของมันยังมีปีกราวมายาคู่หนึ่งงอกออกมา ดูมหัศจรรย์ถึงที่สุด

โสมวิญญาณต้นหนึ่ง กลับกำลังวิ่งแตกตื่นราวมีชีวิต!

ภาพการเช่นนั้นต้องเรียกได้ว่ามหัศจรรย์ พาให้คนตกตะลึงอ้าปากค้าง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นต้องเป็นโอสถราชันไร้เทียมทานต้นหนึ่ง ดำรงชีพอยู่ไม่รู้เนิ่นนานเพียงใด เป็นสิ่งกายสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

โอสถราชันไร้เทียมทานเช่นนี้ ในโลกปัจจุบันแทบเสาะหาไม่ได้ หายากยิ่งนัก หากถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเห็นเข้าก็ต้องไปช่วงชิงโดยไม่สนใจสิ่งใดแน่!

“ตามไป!”

ผู้แข็งแกร่งร้องตะโกน ขณะที่ทุกคนดวงตาวาวโรจน์ราวเสียสติ

เพียงแต่ต้นโสมกายสิทธิ์ต้นนั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์หาใดเทียบ วิ่งไปทั่วทุกทิศประหนึ่งเคลื่อนที่ในห้วงอากาศ ไม่อาจถูกไล่ทันได้อยู่ครู่หนึ่ง

ซ่า!

หลินสวินก็ลงมือแล้ว สะบัดสายโซ่สีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายเส้นนั้นไปยังโสมขาวกายสิทธิ์ต้นนั้นทันที

เกิดภาพที่น่าตื่นตะลึงขึ้น โซ่โฉบไปบนต้นโสมขาวกายสิทธิ์ แต่กลับไม่อาจพันธนาการมันไว้ได้ เหมือนร่างของมันไม่มีจริง

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ดวงหลินสวินเปล่งประกาย ของดีนี่!

โครม!

เขาโจมตีเต็มกำลัง สำแดงผนึกป้าเซี่ย พยายามขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายก้าวเดินได้ กลับไม่คิดว่าวิชามรรคอัศจรรย์วิชานี้ยังไม่ได้ผล ไม่มีประโยชน์กับโสมขาวกายสิทธิ์นั้นเช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็ออกโจมตี สำแดงฝีมือนานาชนิดมาสู้ แต่สุดท้ายล้วนไม่ได้ผล เหมือนโสมขาวกายสิทธิ์ต้นนั้นหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย สรรพสัตว์ไม่อาจจับได้ อัศจรรย์ถึงที่สุด

“ให้ตายสิ เจ้าโสมแก่ต้นนี้มีวิญญาณแล้วหรือไง” มีผู้แข็งแกร่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ร้อนรนจนด่าทอยกใหญ่

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนก็กระเทือนใจเช่นกัน โอสถไร้เทียมทานต้นหนึ่งอยู่ตรงหน้านี้เอง แต่ไม่อาจฉกฉวยมาได้ กลับถูกมันปั่นจนหัวหมุน นี่ช่างทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

หลินสวินก็อัดอั้นอยู่บ้างเช่นกัน ที่น่าชังที่สุดก็คือโสมวิญญาณดุจชายชราแคระต้นนั้นดันแสยะยิ้มเยาะเย้ยออกมา ในดวงตาเจือไปด้วยความท้าทายและดูถูก

“ไม่ไหว ข้ายอมแพ้แล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งบางคนคว้าน้ำเหลวมานาน โมโหจนหันหลังจากไป ไปช่วงชิงศุภโชคชิ้นอื่น ไม่ต้องการเสียเวลากับโสมแก่ต้นนี้อีก

ที่ต้องรู้ก็คือทุกเวลาในตอนนี้หมายถึงศุภโชคแต่ละชิ้น ใครจะยอมสิ้นเปลืองเล่า

หลินสวินยังไม่ยอมแพ้ เขาดูออกแล้วว่าต้นโสมแก่นี้มีจิตวิญญาณอยู่ ดูเหมือนกำลังหลบหนี แต่เห็นได้ชัดว่าจงใจหยอกพวกเขาเล่น

เห็นชัดว่ามันคิดว่าไม่มีใครกำราบมันได้ ถึงได้กล้าท้าทายอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นกลัวเช่นนี้

แต่ว่าหลินสวินย่อมมีวิธี ในใจลอบตัดสินใจอย่างเหี้ยมเกรียม ว่ารอจับเจ้าโสมสารเลวยิ่งต้นนี้ได้ จะต้องจับมันมาดอง!

สวบ!

โสมแก่ต้นนั้นไหววูบอยู่ในอากาศ มันสังเกตเห็นหลินสวินที่ไล่ตามไม่ปล่อย บนใบหน้าระบายรอยยิ้มหยอกเย้าเยาะเย้ย ท่าทางได้ใจเหมือนกำลังบอกว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ดูชั่วร้ายถึงที่สุด

ถึงขั้นที่มันยังจงใจแหย่หลินสวินเล่น บินไปเบื้องหน้าหลินสวินครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเขาเงื้อมือจะจับ ปีกด้านหลังของมันก็กระพือไหวแล้วลอยละล่องออกไปไกลทันที ท่าทางเจ้าเล่ห์เช่นนั้นทำให้หลินสวินโมโหเต็มที

ผู้แข็งแกร่งที่ตามฆ่าโสมแก่ค่อยๆ น้อยลงทุกที โดยมากถอดใจยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแล้ว ด้วยรับรู้ว่าโอสถราชันไร้เทียมทานเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะจับได้เลย

ไม่นานนักก็เหลือเพียงหลินสวินคนเดียว ที่ไล่ตามโสมแก่ต้นนั้นซึ่งหลบหนีพัลวันบนต้นไม้เทพ ผู้แข็งแกร่งหลายคนต่างสีหน้าพิกล

นี่เทพมารหลินกำลังเสียเวลากับโสมแก่ที่น่าโมโหจนตายได้!

แต่เช่นนี้ก็ดี เพราะทำให้เทพมารหลินแยกตัวออกมาจากการช่วงชิงศุภโชคชิ้นอื่นกับพวกเขา ก็ให้เขาตามเล่นไปคนเดียวเถิด!

เหล่าผู้กล้าต่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่บ้าง ไม่คิดว่าหลินสวินจะทำสำเร็จได้ เป็นไปได้สูงมากที่จะเสียแรงเปล่า

ไม่นานนักหลินสวินก็ตามไปถึงที่สูงของต้นไม้โบราณ เลียบไปตามกิ่งก้านใหญ่โตหาใดเทียบกิ่งหนึ่ง ถึงกับพุ่งขึ้นไปในชั้นเมฆโดยไม่รู้ตัว

โสมแก่ต้นนั้นเหมือนจะเหนื่อยบ้างแล้ว มองดูหลินสวินด้วยท่าทางหมดคำจะเอื้อนเอ่ย เหมือนคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะดื้อดึงเช่นนี้ ท่าทางหมายจะทำให้มันหมดแรงตายเสียให้ได้

ทันใดนั้นมันก็ยิ้มเหี้ยมแล้วเคลื่อนกายรวดเร็วต่อไป บางครั้งบางคราวเมื่อคว้าโอกาสได้ก็จะปรากฏตัวเบื้องหลังหลินสวินกะทันหัน แล้วถีบหลังเขาอย่างแรงครั้งหนึ่ง

แม้แรงจะน้อยไม่ได้ทำให้หลินสวินบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่นี่ช่างน่าอดสูเกินไปแล้ว เขาเป็นถึงเทพมารหลิน ตอนนี้กลับถูกสมุนไพรแก่ต้นหนึ่งถีบเข้าให้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงต้องกลายเป็นตัวตลกใหญ่เท่าฟ้าตัวหนึ่งแน่

ผัวะ!

ทันใดนั้นโสมแก่ต้นนั้นก็พุ่งตัวแล้วยื่นเท้าออกมาถีบไปที่หลังของหลินสวินอย่างแรง ใบหน้ายังระบายไปด้วยรอยยิ้มลำพองใจ

เพียงแต่ในตอนนี้เอง หลินสวินพลันหันกายแล้วกัดฟันพูดว่า “ไอ้โสมแก่ ข้าทนเจ้ามานานแล้ว!”

โสมแก่ผงะไป ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยไร้เสียง คิดว่าเจ้าเด็กนี่พูดด้วยความโมโห จะถูกตนทำให้โกรธจนคลุ้มคลั่งแล้ว

นี่ทำให้มันพอใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่กลับเห็นว่าหลินสวินก็ยิ้มเหี้ยมเกรียมเช่นกัน เจดีย์สมบัติแปดเหลี่ยมรูปลักษณ์เก่าแก่ เจิดจรัสราวสร้างขึ้นจากทองคำองค์หนึ่งปรากฏขึ้นในมือตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้