บทที่ 766 โจมตีเหลียงหยวนเตา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 766 โจมตีเหลียงหยวนเตา

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เหล่าขุนนางใหญ่และยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักได้เห็นหลินเป่ยเฉินแสดงฝีมือด้วยตาของตนเอง

ท่วงท่าช่างสง่างาม

สีหน้าเยือกเย็น

กระบี่ที่พลิ้วไหว

เสื้อคลุมสีขาวโบกสะบัดตามแรงลม ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจนั้นไม่ต่างไปจากเทพบุตรที่ลงมาจากสวรรค์

ยังไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของฝีมือกระบี่ เพียงรูปลักษณ์ภายนอกและท่วงท่าการเคลื่อนไหวอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึงได้แล้ว

แต่เหลียงหยวนเตาไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง

วูบ! วูบ!

เมื่อเด็กหนุ่มกระโดดข้ามราวระเบียงลงมา เงาร่างในชุดสีเทาสี่สายก็พุ่งสวนขึ้นไป

เช้ง!

กระบี่ของพวกเขาถูกชักออกจากฝัก

กระบี่มาพร้อมกับคลื่นพลังลมปราณ

มือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสี่คนลงมือจู่โจม

พวกเขาเป็นผู้มีพลังที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ เมื่อสอดประสานร่วมมือโจมตีพร้อมกัน เงากระบี่ทั้งสี่สายก็หลอมรวมกลายเป็นมังกรเงินสี่ตัวพุ่งเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ออกไปแนวขวาง

กระบวนท่ากระบี่ที่สอง

วูบ!

เงากระบี่มังกรเงินสี่สายจางหายไปในอากาศทันที

จากนั้น หลินเป่ยเฉินก็โจมตีออกไปอีกหนึ่งกระบวนท่า

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

เขาใช้กระบวนท่าเดิมโจมตีออกไปถึงสี่ครั้งซ้อน

มือปราบอินทรีธูมรณะส่งเสียงคำรามในลำคอ กระบี่ในมือหลุดลอยกระเด็นปักลงไปบนพื้นหิมะ ก่อนที่ตัวคนจะตกลงไปสู่พื้นดิน พวกเขาได้แต่ส่งเสียงคำรามแหบต่ำในลำคอ ร่างกายยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง

ภายใต้แสงแดดจากท้องฟ้าและสายลมที่โชยพัดผ่าน

ขีดสีแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้นตรงกลางหว่างคิ้วของมือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสี่

มันคือโลหิต

โลหิตค่อย ๆ ไหลซึมออกมาอย่างแช่มช้า จากนั้น ผิวหนังก็ปริแตกแยกออกจากกันราวกับดอกบัวบาน

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนพื้นดิน ไม่ชำเลืองมองมือปราบทั้งสี่คนนั้นแม้แต่หางตา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะยกมือโบกสะบัดในแนวขวาง โคจรพลังปราณธาตุทองคำลงไปในกระบี่สายฟ้า และควงกระบี่พุ่งเข้าไปหาเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา…

“คุ้มครองท่านเจ้าเมือง”

ขันทีเฒ่าเซียวเซียวแผดเสียงคำราม หมุนวนมือขวาในอากาศ แล้วกระบี่สีแดงเข้มเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา บนกระบี่แปดเปื้อนด้วยคราบโลหิตแปลกประหลาด ไม่ต่างจากการลงอักขระอาคมบางชนิด

ในเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายของขันทีเฒ่าพลันห่อหุ้มด้วยชุดเกราะที่สร้างขึ้นมาจากพลังลมปราณ

มวลอากาศปั่นป่วน

ชุดเกราะสีแดงเข้มปรากฏขึ้นบนลำตัวของขันทีเฒ่า เช่นเดียวกับสนับแขนขาป้องกันการโจมตีตามจุดอ่อนของร่างกาย

นี่คือวิชาการสร้างชุดเกราะจากพลังลมปราณซึ่งมาจากคัมภีร์ระดับแปดหรือเก้าดาวขึ้นไป และคงมีแต่ยอดฝีมือระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายเท่านั้นถึงจะสามารถใช้งานได้

การสร้างชุดเกราะขึ้นมาจากพลังลมปราณต้องอาศัยสองสิ่งสำคัญ หนึ่งนั้นคือพลังลมปราณ สองคือการสร้างค่ายอาคม หากสามารถสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ ชุดเกราะที่ออกมาก็จะมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าชุดเกราะทองคำ หรือชุดเกราะเหล็กกล้าทั่วไปมากมายหลายเท่า

กล่าวโดยรวมก็คือ สำหรับยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย ไม่ว่าจะมีพลังปราณธาตุในร่างกายเป็นธาตุชนิดใดก็ตาม นอกจากพวกเขาจะสามารถใช้พลังเหล่านั้นโจมตีศัตรูได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้สร้างชุดเกราะเพื่อป้องกันตัวได้อีกด้วย

ยิ่งระดับพลังสูงส่งมากแค่ไหน ชุดเกราะก็มีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น

ขันทีเฒ่ามือหนึ่งถือกระบี่ ร่างกายห่อหุ้มด้วยชุดเกราะหนาแน่น กระโดดเข้ามายืนขวางทางการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน

กระบี่ในมือสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังลมปราณในร่างกายโคจรเต็มพิกัด

วูบ!

กระบี่สายฟ้าพุ่งแทงเข้ามาแล้ว

ขันทีเฒ่าเซียวเซียวยกกระบี่ขึ้นปัดป้อง

กระบี่ในมือชายชราแตกหักกระจาย

ขันทีเฒ่ารู้สึกถูกกระแทกเข้าอย่างแรง

ชุดเกราะของเขาเกิดรอยแตกร้าว

“ฟู่…”

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังกดดันมหาศาล โลหิตสีแดงสดก็ฉีดพุ่งออกมาจากปากและจมูกของชายชรา ตัวคนลอยกระเด็นไปหาคนแบกเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา!

เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะไปชนกระแทกเข้ากับคนแบกเสลี่ยง ขันทีเฒ่าก็ใจหายวาบ แต่แล้วในทันใดนั้นเอง ได้เกิดคลื่นพลังสายหนึ่งแผ่เข้ามาปกคลุมร่างกายของชายชรา และสลายพลังกดดันออกไปจากร่างกายเขาหมดสิ้น!

ขันทีเฒ่าเซียวเซียวกลิ้งกระเด็นกลับออกไปจากเสลี่ยง แม้จะบาดเจ็บไม่ใช่น้อย แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มด้วยความปลื้มปีติ

“ขอบพระคุณนายท่านที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ฮื่อ นายท่าน…ให้อภัยข้าน้อยแล้วใช่ไหมขอรับ?”

ชายชราลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ ถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความตื่นเต้น ในดวงตามีน้ำตาคลอเต็มเบ้า

“ถอยไปซะ”

เหลียงหยวนเตาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

ถึงขันทีคนสนิทจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่มันก็ทำให้เหลียงหยวนเตาได้รู้ว่าเซียวเซียวมีความภักดีต่อเขาอย่างแท้จริง

ขันทีเฒ่ารีบล่าถอยไปยืนอยู่ด้านหลัง ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้า ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเสมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า

ด้วยความเสียดาย

ที่ขันทีเฒ่าไม่ตายจากการโจมตีของเขา

แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มได้รู้แล้วว่าพลังปราณธาตุทองคำยังคงเป็นหนึ่งในพลังปราณธาตุหลักสำหรับมือกระบี่ ยิ่งรวมเข้ากับร่างกายที่แข็งแกร่ง มันจึงทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถเอาชนะเซียวเซียวผู้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายได้สำเร็จ

ถ้าหลินเป่ยเฉินมีระดับพลังสูงมากกว่านี้ ก็คงไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว

ทันใดนั้นเอง…

ตุบ!

ตุบ!

ตุบ!

ตุบ!

เหล่ามือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสี่คนที่มีโลหิตไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ก็ค่อย ๆ ล้มลงไปบนพื้นดินทีละคน

ชีวิตดับสิ้นลง

เกิดเสียงอุทานดังรอบกาย

บางคนยังมีพลังไม่สูงส่งมากพอ เมื่อสักครู่นี้ไม่ทันได้สังเกตการต่อสู้ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์เหล่านี้ถูกหลินเป่ยเฉินสังหารตายภายในไม่กี่กระบวนท่า

ทำไมหลินเป่ยเฉินถึงได้มีวิชากระบี่สูงส่งถึงเพียงนี้?

เพียงพริบตาเดียวก็สังหารคนตกตายไปหลายศพ

ในหัวใจของใครหลายคนเกิดความหนาวเย็นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

ต่อให้พวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหลินเป่ยเฉินมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย แต่ทุกคนก็ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

สมแล้วที่เป็นศิษย์ของเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุน

ฝีมือกระบี่ของเขาย่อมไม่ธรรมดา

ทันใดนั้น เริ่มมีขุนนางใหญ่บางส่วนล่าถอยออกไปโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวว่าตนเองจะตกเป็นเป้าหมายของหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มยกกระบี่ขึ้นชี้ไปทางเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา

หลังจากนั้น เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “ท่านเจ้าเมืองทำเช่นนี้คงไม่ยุติธรรมแล้วกระมัง นี่คือปัญหาระหว่างท่านกับข้า แต่ท่านกลับส่งบริวารออกมาตาย พวกเรามาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่า ข้าจะเปิดโอกาสให้ท่านได้คิดบัญชีแค้น การต่อสู้ครั้งนี้ใครเป็นผู้ชนะก็จะถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง โดยที่มีเกียรติยศของมือกระบี่เป็นเดิมพัน”

ใช่แล้ว

ต้องสู้กันตัวต่อตัวนี่แหละ

เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของเขาสแกนหาข้อมูลไม่ได้ว่าเหลียงหยวนเตามีระดับพลังอยู่ในขั้นไหนกันแน่ ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเป็นกังวลว่าคนใกล้ตัวของตนเองอาจจะอาสาออกมาทดสอบพลังของชายอ้วนผู้นี้ด้วยความปรารถนาดีและอยากเสียสละ ซึ่งนั่นจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่หลินเป่ยเฉินไม่อยากให้เกิดขึ้น

แม้ว่าการสู้ตัวต่อตัวกับเหลียงหยวนเตาจะทำให้เด็กหนุ่มหวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หลินเป่ยเฉินมีแต่ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น ทุกคนถึงจะปลอดภัย

วันนี้ เขาแค่อยากจะทำให้ทุกคนปลอดภัย

เหลียงหยวนเตาผู้นั่งอยู่บนเสลี่ยงฉีกยิ้มกว้าง

ดวงตาเป็นประกายเย็นชาอำมหิตขณะยกมือส่งสัญญาณ

แล้วกลุ่มมือปราบอินทรีธูมรณะที่ยืนอยู่ด้านหลังเสลี่ยงกว่า 100 คนก็เคลื่อนไหวพร้อมกันราวกับเป็นหุ่นกระบอก ดวงตาที่อยู่หลังหน้ากากทองคำของพวกเขาทองประกายดุดันอำมหิตไม่ต่างจากสัตว์ร้ายกระหายเลือด

ฟึบ!

เสื้อผ้าของพวกเขาฉีกขาด

คล้ายกับมือปราบเหล่านี้ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้วันนี้ต้องตาย พวกเขาก็จะต้องลากหลินเป่ยเฉินลงนรกไปด้วยกันให้ได้

“เกิดเป็นลูกน้องคนอื่น มันก็ไม่ดีแบบนี้ละนะ”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความเวทนา

เหลียงหยวนเตาสมควรออกมาสู้กันตัวต่อตัวอย่างลูกผู้ชายสิ

ทำไมถึงทำแบบนี้?

ทั้ง ๆ ที่ชายอ้วนก็ควรรู้ดีอยู่แล้วว่าบริวารของตนเองไม่ใช่คู่มือของเขาสักหน่อย

แต่เหลียงหยวนเตาก็ยังส่งมือปราบอินทรีธูมรณะพวกนี้ออกมาตายอยู่ดี

ความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจของเด็กหนุ่ม

แต่แล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายอำมหิตขึ้นมาเช่นกัน

อย่าคิดมากเลยดีกว่า

“เฮ้อ…”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ

พริบตาเดียวก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง

ในที่สุด บทพูดที่เตรียมเอาไว้ตั้งนานก็ได้ใช้งานเสียที

“วันนี้แหละ พวกเจ้าทุกคนจะต้องตายด้วยเงินของข้า”

ลมหายใจต่อมา เหรียญทองคำจำนวน 99 เหรียญก็ลอยขึ้นไปในอากาศ

เหรียญทองคำเหล่านี้ด้านหนึ่งสลักเป็นรูปใบหน้าองค์จักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเป่ยไห่ อีกด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปดอกไม้ประจำจักรวรรดิ ซึ่งก็คือดอกโป๊ยเซียนที่มีกระบี่ล้อมรอบเสมือนกลีบดอกบัว นี่คือสัญลักษณ์ที่ผ่านการออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบและได้รับการใช้งานมายาวนานหลายร้อยปี

เมื่อเหรียญทองคำลอยอยู่ในอากาศ พวกมันก็สะท้อนกับแสงแดดฤดูหนาววิบวับสวยงาม และแสงสะท้อนของพวกมันก็สาดลงมาส่องต้องกับใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน ยิ่งช่วยทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่ม…

โว้ย!

ทำไมแสบตาจังเลยวะ

หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องปรับระดับเหรียญทองคำที่ลอยอยู่ในอากาศให้ต่ำลงมาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แสงสะท้อนของพวกมันแยงดวงตาของเขา

กลุ่มขุนนางใหญ่และยอดฝีมือที่รวมตัวอยู่โดยรอบไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

เหรียญทองคำจำนวนมากหมุนวนอยู่รอบตัวเด็กหนุ่ม ไม่ต่างไปจากลูกอ๊อดสีทองกำลังมองหามารดา… ซึ่งก็คือหลินเป่ยเฉิน และนั่นก็ช่วยเสริมสร้างให้เขามีสง่าราศี ดูเป็นเด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยที่สุดภายในเมือง

สรุปได้สั้น ๆ ว่า…

หลินเป่ยเฉิน… ช่างสูงส่งเหลือเกิน

และนี่แหละคือความสามารถของพลังปราณธาตุทองคำที่หลินเป่ยเฉินภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

วูบ! วูบ!

บรรดาเหรียญทองเคลื่อนไหวในอากาศ

พวกมันพุ่งเป็นลำแสงตรงออกไปข้างหน้า

มือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านั้นวิ่งสวนเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาต้องล้มลงไปบนพื้นคนแล้วคนเล่า จำนวนมากต้องตกตายไปด้วยการโจมตีของเหรียญทองคำ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้ชักกระบี่ตอบโต้ด้วยซ้ำ

เหรียญทองคำคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา เพราะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนรักใคร่

ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

แต่บัดนี้ พวกมันกลับกลายเป็นคมเคียวมัจจุราช คอยปลิดชีพผู้คน

ปุ! ปุ! ปุ! ปุ! ปุ! ปุ! ปุ! ปุ!

นั่นคือเสียงยามเหรียญทองคำพุ่งทะลวงเนื้อหนังมนุษย์ ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ มือปราบอินทรีธูมรณะจำนวน 100 นายนั้นได้รับบาดเจ็บกันอย่างถ้วนหน้า หลายสิบคนล้มลงนอนตายบนพื้นดิน หนึ่งในสามใบหน้าเสียโฉมแหลกเละไม่เหลือความเป็นใบหน้ามนุษย์อีกแล้ว

แต่กลุ่มมือปราบที่เหลืออยู่ก็ยังไม่กลัวตายแม้แต่น้อย

พวกเขายังคงดาหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ในกลุ่มมือปราบเหล่านี้ บางคนเจนจัดเรื่องการใช้อาวุธลับ บางคนมีความชำนาญเรื่องการใช้ยาพิษ บางคนมีความชำนาญเรื่องการสร้างค่ายอาคม เมื่อพวกเขายกมือขึ้น อาวุธลับก็ถูกซัดออกมา ผงพิษก็ถูกโปรยในอากาศ เช่นเดียวกับค่ายอาคมที่ถูกสรรค์สร้าง

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นโบกสะบัดเล็กน้อย

สายลมโชยพัดผ่าน

เกิดเป็นม่านพลังป้องกันร่างกายของเขา

อาวุธลับทุกชนิดและการโจมตีทุกรูปแบบไม่สามารถทะลวงผ่านม่านพลังเข้ามาได้

เมื่อเห็นกลุ่มอินทรีธูมรณะที่เหลืออยู่ยังคงดาหน้าเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย หลินเป่ยเฉินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายอำมหิต จิตใจด้านชา ไม่หลงเหลือความลังเลอีกต่อไป

ในเมื่อรนหาที่ตายขนาดนี้ ถ้างั้นก็ตายซะเถอะ!

นี่คือครั้งแรกที่เขาใช้พลังปราณธาตุทองคำสังหารศัตรู

หมู่มวลเหรียญทองที่ลอยอยู่ในอากาศเคลื่อนไหวด้วยความสวยงามและเป็นระเบียบ

แสงสะท้อนสีทองคำของพวกมันทำให้ผู้คนตาลาย

20 ลมหายใจต่อมา

ในอากาศก็มีแต่ม่านหมอกเลือด

บนพื้นดินเกลื่อนกลาดด้วยศพของมือปราบอินทรีธูมรณะ

เมื่อผู้คนตกตาย หน้ากากบนใบหน้าก็หลุดออกมา เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริงซึ่งถูกไฟไหม้อย่างน่าเกลียดน่ากลัว ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าชายฉกรรจ์เหล่านี้เคยมีใบหน้าที่แท้จริงเป็นอย่างไร

หลินเป่ยเฉินเหม่อมองอย่างใช้ความคิด

หลังจากนั้น เหรียญทองคำทั้ง 99 เหรียญก็พุ่งเข้าไปโจมตีใส่เหลียงหยวนเตา

“ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก…”

บทเพลงถูกเปิดเล่นในพื้นหลังจากแอป NetEase Cloud Music

พลัน กลุ่มเหรียญทองคำก็กระจายตัวแผ่ปกคลุมเหนือเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา ก่อนที่พวกมันจะพุ่งตัวลงไปไม่ต่างจากอุกกาบาตถล่มโลก…