GGS:บทที่ 1104 สยองขวัญ
หลังจากที่สายลับของอเมริกาได้ปล่อยวิดีโอของเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมาทำให้ประชาคมโลกได้เปลี่ยนความคิดของตัวเองที่มีต่อจีนและซูจิ้งในทันที
อเมริกาเองที่รู้เรื่องก็รีบออกมาตอบโต้โดยการจัดแถลงการณ์ออกมาว่า “คนทั้งสามที่อยู่ในวิดีโอนั้นไม่ใช่สายลับของCIA วิดีโอนี้เป็นของปลอมและถูกทำขึ้นมาใส่ร้ายอเมริกาเพื่อลดความน่าเชื่อถือลงเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจะนี้แล้วบรรดาผู้นำประเทศทั้งหลายนั้นไม่ได้โง่แต่อย่างใด มีเพียงประชาชนในประเทศอเมริกาเองไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อมั่นในประเทศตนเองมากพอที่จะเชื่อว่าวิดีโอนี้คือของปลอม
แต่ยังไงซะ ด้วยการที่เนื้อหาของวิดีโอนี้ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ใช่การจัดฉากแม้แต่น้อยเพราะมันมีรายละเอียดมากพอที่จะดูออก แถมตัวตนของสายลับทั้งสามคนที่เปิดเผยความลับของCIAออกมาได้อย่างแม่นยำนั้นช่วยทำให้คนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง
และด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนต่างก็เชื่อว่าการที่ประเทศอเมริกาออกมาป่าวประกาศว่าสถาบันของซูจิ้งสามารถผลิตปฏิสสารนั้นมีลับลมคมใน
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ทำให้ประชาคมโลกหันมายืนอยู่ข้างประเทศจีนในทันที แต่ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้พวกเขานั้นเกิดความเคลือบแคลงในความมั่นใจของอเมริกาด้วยเช่นกัน และนี่จะทำให้หลายๆประเทศเลือกที่จะไม่สนับสนุนอเมริกาและคอยดูท่าทีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป
ประเทศรัสเซีย ณ ห้องแล็บวิจัยแห่งหนึ่ง
ชายคนหนึ่งที่เป็นนักเขียนโปรแกรมได้ทำการวิเคราะห์เอกสารอยู่ ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้น หลังจากเขารับสาย อยู่ๆริมฝีปากของเขาก็ขมวดแน่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการเปิดอินเตอร์เน็ตดูจนพบวิดีโอของสายลับอเมริกา พร้อมทั้งชื่อของสายลับอเมริกาที่ถูกส่งเข้าไปสืบราชการลับในรัสเซีย และในนั้นก็มีชื่อของเขาที่ใช้เป็นนามแฝงอยู่
ชายวัยกลางคนคนนี้ได้ผละจากงานทั้งหมดในทันที เขาไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับผู้คนที่เข้ามาถามเขาเกี่ยวกับความคืบหน้าหรือขอความเห็นจากเขาเกี่ยวกับงานวิจัยเลยแม้แต่น้อย
เขาตรงไปที่คอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งก่อนที่จะทำการคัดลอกข้อมูลต่างๆจากคอมพิวเตอร์เข้ายูเอสบีดิสก์พร้อมทั้งโกยเอกสารบางอย่างยัดใส่กระเป๋าของตัวเอง ก่อนที่จะรีบเร่งออกจากห้องวิจัยในทันทีที่เสร็จสิ้น
เขาเดินออกมาจากห้องวิจัยอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังพยายามที่จะไม่ให้เร็วจนเด่นสะดุดตาผู้คนจนเกินไป เขาลงไปที่ชั้นหนึ่งลงไปยังห้องโถงใหญ่และกำลังจะเดินไปถึงทางออกอยู่แล้ว
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที และในทันทีที่เห็นเขาก็รีบวิ่งไปอีกทางแต่กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าตนเองโดนล้อมกรอบไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เขากำลังวิตกกับสถานการณ์จนหน้าถอดสีนั้น อยู่ๆเขาก็ได้หมดสติลงเพราะว่าถูกหน่วยรักษาปลอดภัยเข้ามาช็อตไฟฟ้าจากด้านหลัง
ในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี้ก็ได้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ จะต่างกันก็ตรงที่เมื่อสาบลับของอเมริการในประเทศอังกฤษเมื่อรู้ว่าตนเองถูกเผยสถานะแล้วเขาได้ซ่อนตัวในทันที กว่าที่ทางอังกฤษจะรู้เรื่องเกี่ยวกับชายคนนี้จนเริ่มไล่ล่านั้นก็เรียกได้ว่าช้าเกินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าการที่ประเทศๆหนึ่งโดนสายลับจากประเทศอื่นมาสอดแนมนี้จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ด้วยการที่รัสเซียและอังกฤษเองนั้นไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับอเมริกา นั่นทำให้เหตุการณ์ไม่ได้ส่งผลให้ทั้งสองประเทศคิดจะเอาคืนอเมริกาแต่อย่างใด จะบอกว่าในฐานะประเทศมหาอำนาจแล้ว การร่วมกลุ่มกันเอาไว้ยังซะก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของพวกเขา
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุการณ์จะทำให้เหล่าประเทศมหาอำนาจเชื่อมั่นแล้วว่าคนที่อยู่ในวิดีโอที่อ้างตัวว่าเป็นสายลับของอเมริกานั้นคือเรื่องจริง
และด้วยเหตุนี้ การที่อเมริกานั้นบอกว่าประเทศจีนสามารถผลิตปฏิสสารได้และต้องการให้ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและอังกฤษร่วมมือกดดันนั้นล้มเลิกไปโดยปริยายเพราะทั้งสองประเทศจะไม่เชื่อในสิ่งอเมริกาบอกอีกต่อไป
“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้พวกเลวระยำสามตัวนั่นกันแน่เนี่ย” ผอ.ของCIA(ซีไอเอของอเมริกา)ได้พูดออกมาด้วยความโกรธจนอยากจะทุ่มคอมพิวเตอร์ที่กำลังเล่นวิดีโอที่สายลับทั้งสามคนออกมาพูดทิ้งในทันที
“เป็นไปได้รึเปล่าว่าพวกมันจะถูกจีนซื้อตัวไปแล้ว หรือว่าพวกเขาโดนตามล่าจนทำอะไรไม่ได้แล้วเลยคิดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ออกมา หรือจะเป็นเพราะพวกเราไม่สามารถพาพวกเขาออกมาได้เลยเลือกที่จะหักหลังพวกเราแทน”
“น่าจะเป็นจีนได้ตัวไปมากกว่าครับ” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของผอ.ซีไอเอได้พูดออกมาด้วยท่าทางประหม่าอย่างมาก เพราะทั้งสามคนนี้คือคนของเขานั่นเอง
“แล้วทำไมคนของแกถึงได้โดนไอ้พวกจีนควบคุมได้รวดเร็วแบบนี้กัน ห้ะ นี่ยังเรียกพวกมันว่าสายลับได้อีกอย่างนั้นเหรอ” ผอ.ซีไอเอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอาฆาต
“ผมส่งคนไปจับตัวสามคนนับกลับมาแล้วครับ ตอนนี้เราเองกำลังหาวิธีควบคุมความเสียหายที่เกิดจากสามคนนั่นอยู่” ชายวัยกลางคนได้พูดออกมา
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผอ.ซีไอเอคนนี้จะเกิดเลยสักนิด นั่นก็เพราะการทรยศของสายลับสามคนที่พวกเขาส่งไปปฏิบัติภารกิจในจีนนั้นได้ส่งผลเสียต่อประเทศอย่างร้อยแรง
ด้วยการติดตามและสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดซีไอเอก็สามารถจับตัวสายลับสามคนที่ทรยศพวกเขาจนได้ อย่างไรก็ตาม ทีมที่เข้าไปจับกุมตัวนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในระหว่างที่พวกเขาเข้าไปจับกุมตัวคนทรยศอย่างราบรื่นนั้น ได้มีกล้องตัวหนึ่ง จับภาพกระบวนการควบคุมตัวเอาไว้ได้อย่างชัดเจนทุกกระบวนการ พร้อมกับภาพของทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้
หลังจากนั้น วิดีโอดังกล่าวได้ถูกปล่อยไปบนโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนบนโลกสามารถเข้าถึงและเรียนรู้กระบวนการต่างๆของหน่วยงานระดับโลกว่าซีไอเอนั้นโดยปกติแล้วเขาทำงานกันยังไง
ชาวเน็ตที่เห็นวิดีโอนี้เองก็อดที่จะตื่นเต้นและสนุกเพลิดเพลินกับวิดีโอนี้ไม่ได้ พวกเขานั้นรู้สึกได้ราวกับว่าพวกเขากำลังได้ดูหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เพียงแต่ว่า นี่ ไม่ใช่การถ่ายหนังแต่อย่างใด ทำให้ทุกฉากเหตุการณ์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ทำให้ทั่วทั้งโลกได้รู้ว่าสามคนนี้คือสายลับของอเมริกาจริงๆ และทำให้น้ำหนักของเรื่องราวที่ทั้งสามเคยถ่ายทอดออกมาก่อนหน้านี้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ณ ทำเนียบขาว ผอ.หน่วยงานความมั่นคงและซีไอเอของอเมริกาต่างก็ตกอยู่ในสภาพหงุดหงิดอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นรู้ได้ทันทีว่ากำลังโดนหลอกให้ทำนู่นทำนี่ราวกับลิงที่วิ่งไล่ตามกล้วยก็ไม่ปาน
พวกเขาในตอนนี้ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนโกหกต่อหน้าสาธารณชนต่อไปเท่านั้น พร้อมทั้งออกมาแก้ตัวอย่างสีข้างแดงเถือกว่าวิดีโอดังกล่าวเองก็เป็นการจัดฉากเพื่อลดความหน้าเชื่อถือของอเมริกา
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เริ่มทำการสืบสวนสายลับผู้ทรยศทั้งสาม
“ได้เรื่องอะไรจากไอ้เวรพวกนี้บ้าง” ผอ.หน่วยงานความมั่นคงได้ออกมาอย่างเคร่งเครียดทันทีเมื่อเข้าไปในห้องสอบสวน
ในห้องกระจกชายสองคนและหญิงอีกหนึ่งคนถูกจับนั่งใส่กุญแจมือที่ถูกยึดเอาไว้กับโต๊ะ โดยมีผอ.ความมั่นคงและผอ.ซีไอเอมองผ่านกระจกอยู่นอกห้องด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความโกรธแบบสุดๆ
แน่นอนว่าห้องกระจกนี้เป็นห้องกระจกแบบมองเห็นได้ด้านเดียวทำให้คนข้างในไม่เห็นข้างนอก แต่คนข้างนอกเห็นคนข้างใน
“พวกนั้นบอกว่าที่ตัดสินใจทรยศเป็นเพราะว่าพวกเราไม่รักษาสัญญาตามที่พูดเอาไว้แถมยังทิ้งสามคนนี้เอาไว้ที่นั่นเพื่อเป็นการตัดพวกเขาทิ้งเพราะรู้มากเกินไปค่ะ” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดออกมา
“ทั้งสามคนนี้เหมือนจะโดนล้างสมองจริงๆเลย” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งได้พูดออกมาพลางถอนหายใจ
“พวกเราต่างก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าไอ้การล้างสมองนั่นไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเราได้คัดเลือกคนที่ถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับเรื่องแบบนี้แล้ว สามคนนี้จะโดนล้างสมองในเวลาสั้นๆได้ยังไง” ผอ.ของซีไอเอได้พูดออกมาพร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น
“พวกเราก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน”
“หาวิธีปลุกพวกมันให้ตื่นจากการล้างสมองหรือไม่ก็ล้างสมองพวกมันซ้ำอีกทีก็ได้ ไม่ต้องให้พวกมันรับรู้อะไรมากนัก เอาแค่ทำให้พวกมันพูดออกมาให้ได้ว่าวิดีโอที่พวกมันปล่อยออกไปก่อนหน้านี้เป็นของปลอมก็พอ” ผอ.ซีไอเอได้พูดการตัดสินใจของตัวเองออกมาในทันที
“รับทราบ” คนกลุ่มหนี่งได้พยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มลงมือทำบางอย่าง
แต่ในตอนนั้นเอง อยู่สายลับทั้งสามคนก็ได้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไล่เลียงไปแทบจะพร้อมกัน หลังจากสั่นสะท้านไปได้สักพัก ทั้งสามคนก็ได้เปิดปากของตัวเองกว้างและได้แลยลิ้นออกมาพร้อมทำเสียงหืดหอบราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ
“ดูพวกมันสิ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย” ผอ.เอ็นเอสเอ(หน่วยงานความมั่นคง)ได้พูดออกมาในทันทีที่เห็นสามคนนี้อาการแปลก
เขาได้รีบเรียกทีมแพทย์เข้ามาในทันทีเพื่อเช็คอาการเพราะกลัวว่าสามคนนี้จะถูกพิษ อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่าสามคนนี้ไม่ได้ถูกพิษแต่อย่างใดแถมสภาพร่างกายยังดีแบบสุดๆ
อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังทำการตรวจสอบนั้นทั้งสามได้มีท่าทีแปลกๆอีกครั้ง คราวนี้ทั้งสามลงไปนอนราบกับพื้น มือทั้งสองข้างลู่ไปกับลำตัว ทั้งสามพยายามที่จะเลื้อยไปมาราวกับเป็นงูเลยก็ว่าได้
ฉากนี้ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ซีไอเอทั้งหลายอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะท่าทางที่ทั้งสามทำนั้น ราวกับคนที่เสียสติเลยก็ว่าได้
แต่โดยไม่มีใครคาดคิด ทั้งสามคนนี้ไม่เพียงจะไม่หยุดเท่านั้น ทั้งสามยิ่งทำการเลื้อยไปเรื่อยๆจนมาถึงในจุดหนึ่ง ทั้งสามกลับเลื้อยได้จริงๆ และในตอนนี้เองที่ผิวหนังของทั้งสามก็นุ่มนิ่มและเละเหลวราวกับสามคนนี้ได้เลียนแบบงูทำการลอกคราบออกมา เป็นตอนนี้เองที่ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ทีมแพทย์ได้เข้าไปทำการตรวจสอบอีกครั้ง แต่พวกเขากลับไม่พบว่านอกจากท่าทางอันแปลกประหลาดเหล่านี้แล้ว นอกนั้นร่างกายของทั้งสามไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด
และในตอนนี้เองก็ได้เกิดเรื่องนรกแตกขึ้นมานั่นก็คือมีอะไรบางอย่างสีแดงๆโผล่ออกมาจากปากของทั้งสามอย่างไม่มีใครตั้งตัว สิ่งนั้นก็คือหัวงูสีแดงตัวใหญ่ยักษ์คับปาก
“เห้…..”
“พระเจ้าช่วยกล้วยทอด….”
เหล่าทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ที่เข้าไปตรวจสอบถึงกับกรี๊ดแตกออกมาพร้อมๆกันจนแทบจะพังประตูออกไปจากห้องนี้ให้พ้นๆไป
อย่างไรก็ตามเมื่องูตัวใหญ่ยักษ์ทั้งสามค่อยๆเลื้อยออกมาจากปากของสายลับทั้งสามคนอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดนั้น ร่างของสายลับทั้งสามค่อยรีบแบนลงจนเหลือแต่ผิวหนัง
ฉากนี้ราวกับว่าทุกอย่างนอกจากผิวหนังอย่างเนื้อเยื่อ โครงกระดูกและเครื่องในได้อันตรธานหายไปเสียเฉยๆ ด้วยฉากนี้ ต่อให้เหล่าเจ้าหน้าที่ของซีไอเอจะถูกฝึกฝนจิตใจมาดียังไงก็ต้องสยองขวัญฝังลากลึกในจิตใจในทันที เรียกได้ว่ากลัวจนขี้หดตดหายและเสียสติไปเลยก็ว่าได้
เจ้าหน้าที่ซีไอเอได้หยิบปืนของตัวเองออกมากระหน่ำยิงงูทั้งสามตัวนี้อย่างบ้าคลั่งราวกับว่ากลัวที่ตัวจะต้องตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่นานงูทั้งสามก็ได้ตกตายในทันที แต่ยังไงซะ เรื่องสยองขวัญนี้ก็ได้ฝังลึกเข้าไปในจิตใจจนยากจะรักษาได้ไปอีกนานแสนนานเรียบร้อยแล้ว
“….เข้า…เอ่อ…ใครก็ได้เข้าไปดูว่าพวกมันคือตัวตัวอะไรกันแน่ แล้วบอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้างในนั่น” ผอ.ซีไอเอนั้นในตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะแสดงความรู้สึกออกมายังไงดีเหมือนกัน นั่นก็เพราะตัวเขาเองแม้จะอยู่ด้านนอกก็ตาม
แต่กับฉากที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขานั้นทั้งตกตะลึง สยองขวัญ โกรธ อึ้ง และทำตัวไม่ถูกจริงๆ
ในขณะที่ซีไอเอกำลังหวาดผวาไปกับฉากปรากฏตัวอันน่าสยองขวัญของงูแดงยักษ์สามตัว เงาสายฟ้าสายหนึ่งได้นำข้อมูลทั้งหมดของซีไอเอออกมามอบให้กับเจ้านายของมัน
เงาสายนั้นได้มอบข้อมูลทุกอย่างให้กับซูจิ้งในทันทีที่มาถึง
ซูจิ้งที่ตอนนี้อยู่ห่างไกลจากอเมริกามากมายนักได้สบถออกมาในทันทีที่ได้เห็นข้อมูลเหล่านี้