หลิงยี่เทียนสั่งคนของเขาเก็บกวาดสนามรบที่เต็มไปด้วยสมบัติและแหวนมิติจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากพลังแห่งกาลเวลาของเทพีสี่ฤดู
ในตอนนี้เขาเองเพิ่งได้เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้ออกเดินทางไปโดยที่ไม่ได้กังวลอะไรมากนักกับความปลอดของเขาและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในทะเลชางหมาง
ที่แท้หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ที่อยู่กับพวกเขามาตลอดเวลากลับกลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวที่สุด ที่แม้แต่ทัพอสูรนับล้านยังถูกกวาดล้างไปได้ในพริบตา
แน่นอนว่าหลังจากศึกครั้งนี้ อาณาจักรจันทราของเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัวเพราะสมบัติจากเหล่าอสูรนับล้านตน แถมยังมีสมบัติจากอสูรระดับอาวุโสอีกนับสิบ ซึ่งมันเป็นจำนวนที่มหาศาลซะจนที่แทบจะจินตนาการไม่ออก
แต่ถึงแม้ว่าหลิงยี่เทียนจะได้รับความมั่งคั่งเช่นนี้ เขาก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจเพราะสิ่งเหล่านี้มันถูกแลกมาด้วยการหายไปของไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของเขา หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ มันจึงทำให้เขาไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้มันคุ้มกันหรือเปล่า?
ในเวลาเดียวกัน คนบางกลุ่มที่เคยมองว่าหลิงยี่เทียน นั้นอ่อนแอเนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาที่ยังคงต่ำเตี้ย ในตอนนี้คนเหล่านั้นไม่กล้าที่จะคิดเหมือนเดิมอีกแล้วเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าหลิงยี่เทียนจะมีไพ่ลับที่น่ากลัวแบบนี้เหลืออีกหรือเปล่า
เฉินถิงฟางเป็นอีกคนหนึ่งที่ตัดสินใจอะไรได้บางอย่างในใจ นางคิดว่าหลังจากนี้นางจะรีบส่งข่าวของหลิงยี่เทียนไปให้กับตระกูลของนางให้เร็วที่สุด
จักรพรรดิเช่นหลิงยี่เทียนนั้นเป็นจักรพรรดิที่ตระกูลของนางควรจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างสนับสนุนเขาให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยเวลานานไปจนอาณาจักรจันทราแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ ตระกูลของนางจะคงจะไม่มีที่ยืนข้างกายหลิงยี่เทียนแน่นอน
ส่วนทางด้านของ 3 อาณาจักรแห่งอาณาเขตนภา อาณาจักรอ้าวเทียน อาณาจักรมังกรทะยานและอาณาจักรนภาจรัสแสงต่างก็พากันเตรียมตัวอพยพออกจากอาณาเขตนภาไปหาที่ลงหลักปักฐานใหม่
ในเมื่อพวกเขาไม่อาจต่อต้านได้ ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือการหลีกทางให้
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น แม้แต่กองทัพอสูรอันแข็งแกร่งจำนวนนับล้านตนยังตายภายในพริบตา แล้วอาณาจักรของพวกเขาที่ยังแกร่งได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วนของกองทัพอสูรจะเอาอะไรไปต่อกรกับอาณาจักรจันทรา?
เมื่อคิดถึงคำถามนี้ขึ้นมา เต๋าดวงใจจักรพรรดิของหยูไท่ฉวน จักรพรรดิแห่งอาณาจักรมังกรทะยาน และซีเหมินเจี้ยง จักรพรรดิอาณาจักรอ้าวเทียน ก็กลายเป็นพังทลาย!
เต๋าดวงใจจักรพรรดิคือเต๋าที่ผู้บ่มเพาะจะต้องมีความมั่นใจในตัวเองตลอดเวลา และจะต้องไม่ถอยหนีให้กับผู้ใดทั้งสิ้น แต่แล้วในตอนนี้เมื่อพวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับอำนาจที่เหนือกว่าของอาณาจักรจันทราและหลิงยี่เทียน พวกเขาก็ไม่อาจมั่นใจอะไรได้อีกต่อไป
พวกเขาเริ่มครุ่นคิดจนตกผลึกว่าต่อให้พวกเขาหนีไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถึงแม้ว่าซีเหมินเจี้ยงจะหนีหลับไปที่ยอดเขาหยกจักรพรรดิ หรือหยูไท่ฉวนจะหนีกลับไปที่ตำหนักมังกร แต่เมื่อไหร่ที่หลิงยี่เทียนแผ่ขยายอำนาจไปถึงพวกเขาก็ไม่มีปัญญาต่อต้านอยู่ดี
ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นหนทางในอนาคตที่จะไปต่อ เต๋าดวงใจจักรพรรดิของพวกเขาจึงพังทลายลงในบัดดล
ไม่ใช่แค่จักรพรรดิทั้งสองจะรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก แต่บรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายของจักรพรรดิทั้งสองก็มีอาการที่ย่ำแย่ไม่ต่างไปจากจักรพรรดิของพวกเขา
พวกเขาคือเหล่าคนที่บ่มเพาะเต๋าสนับสนุนจักรพรรดิ ดังนั้นเมื่อเต๋าของจักรพรรดิของพวกเขาแตกสลาย เต๋าของพวกเขาเองจึงได้รับผลกระทบไปด้วย
หยูไท่ฉวนนั่งเหม่ออยู่บนบัลลังก์เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ๆ อนาคตของข้ามันคงไม่มีอีกต่อไปแล้ว นับจากนี้พวกเจ้าควรจะไปเข้าร่วมรับใช้อาณาจักรจันทราซะ ที่นั่นมันคงจะมีโอกาสมากมายให้กับพวกเจ้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ขนาดอสูรกลืนสวรรค์ หลิงยี่เทียนยังสามารถเลี้ยงดูได้ ดังนั้นข้ามั่นใจว่าเขาก็คงจะเลี้ยงดูพวกเจ้าให้สุขสบายได้เช่นกัน”
ขุนนางผู้หนึ่งถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวลทันที “ฝ่าบาท แล้วท่านล่ะ?”
“ข้าเหรอ? ในเมื่อชีวิตนี้ข้าไม่อาจบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิได้อีกแล้ว อนาคตข้าก็คงเป็นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ” หยูไท่ฉวนพูดขึ้นด้วยความขมขื่น “แต่แน่นอนว่าก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าจำเป็นต้องพบกับหลิงยี่เทียนให้ได้ก่อนสักครั้ง ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เคยพบกับเขาอย่างเป็นทางการสักครั้ง ในครั้งนี้ข้าจะไปเยือนเขาด้วยตัวเอง!”
ทางด้านของซีเหมินเจี้ยงก็คิดเช่นเดียวกับหยูไท่ฉวน
หลังจากที่เต๋าดวงใจจักรพรรดิของพวกเขาพังทลาย ความคิดอ่านของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นมีเหตุผลแบบคนธรรมดาปกติมากขึ้น พวกเขาไม่ยึดติดกับอำนาจความเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป และเริ่มคิดแก้ปัญหาให้กับตนเองและคนรอบข้างอย่างเป็นเหตุและเป็นผล
ทางด้านผู้คนของหลิงยี่เทียน ในเวลานี้พวกเขาต่างเก็บกวาดสนามรบกันอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นในใจ เนื่องจากในเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่าการตัดสินใจเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต และนับจากนี้พวกเขาจะติดตามอาณาจักรจันทราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
แต่มันก็ยังมีอยู่อีก 2 คนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับชัยชนะครั้งนี้ เนื่องจากกำลังอยู่ในสภาวะหลับลึก
2 คนที่ว่านั้นก็คือ เกาหยู และ หลูหลิง
เกาหยู ในเวลานี้กำลังนอนย่อยอสูรแรดทั้ง 1,000 ตัว ซึ่งในเวลาเดียวกันระดับการบ่มเพาะของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ส่วนหลูหลิง หลังจากที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเข้าไปตรวจสอบร่างกายของเขา พวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่า หลูหลิงไม่มีอันตรายใด ๆ ในทางกลับกันมันดูเหมือนว่าหลูหลิงจะได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ เนื่องจากร่างกายของเขากำลังค่อย ๆ ดูดซับพิษของอสรพิษอมตะมาพัฒนาพิษในร่างกายของเขาเอง
ในระหว่างที่หลิงยี่เทียนกำลังวางแผนแบ่งสมบัติต่าง ๆ ให้กับเหล่าทหารของเขาที่ทำผลงานดีในการรบที่ผ่านมา จู่ ๆ เขาก็ได้รับการแจ้งว่า ซีเหมินเจี้ยงและหยูไท่ฉวนต้องการขอเข้าพบ
หลิงยี่เทียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมจักรพรรดิทั้ง 2 คนนี้ถึงยังกล้ามาพบกับเขาอีก? ทำไมถึงไม่อาศัยช่วงเวลาที่เขากำลังยุ่งกับการเก็บกวาดสนามรบหนีไป?
แต่หลังจากที่เขาได้พบกับซีเหมินเจี้ยงและหยูไท่ฉวน เขาก็รู้ว่าจักรพรรดิทั้งสองนี้มาหาเขาเพราะเหตุผลอะไร
หลังจากครุ่นคิดอยู่ได้สักพัก หลิงยี่เทียนจึงพูดว่า “ข้าพอใจเป็นอย่างมากที่พวกท่านยอมมอบอาณาจักรของพวกท่านให้กับข้าเช่นนี้ แต่พวกท่านไม่จำเป็นต้องละทิ้งเต๋าดวงใจจักรพรรดิของพวกท่านหรอก โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่นัก ข้าจำเป็นต้องมีคนอย่างพวกท่านช่วยข้าดูแลมัน”
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน หากท่านมาเข้าร่วมกับข้า ข้าจะอนุญาตให้พวกท่านเป็นหนึ่งในขุนนางของข้า และเมื่อพวกท่านนำคนของพวกท่านเองออกไปโจมตีอาณาจักรอื่น ๆ นอกดินแดนอาณาจักรจันทรา และถ้าหากว่าพวกท่านโจมตีสำเร็จพื้นที่เหล่านั้นจะเป็นของพวกท่าน และข้าจะให้การสนับสนุนกับพวกท่านด้วย แต่ข้ามีข้อแม้อย่างเดียว เมื่อไหร่ที่ข้าออกคำสั่งกับพวกท่าน พวกท่านจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของข้าโดยไม่มีข้อแม้”
ผู้คนเช่นซีเหมินเจี้ยงและหยูไท่ฉวน นับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถไม่ธรรมดา เนื่องจากพวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่ในอาณาเขตนภาได้ด้วยตัวเองมาเป็นเวลานานอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นหากโน้มน้าวบุคคลที่มีความสามารถอย่าง 2 คนนี้ให้มาเข้าร่วมด้วยได้มันก็เป็นเรื่องที่ดี
ซีเหมินเจี้ยงและหยูไท่ฉวนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาครุ่นคิดพวกเขาก็เริ่มเห็นเส้นทางใหม่ข้างหน้าของพวกเขาชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้เต๋าดวงใจจักรพรรดิของพวกเขาเริ่มผสานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ในตอนแรกพวกเขาได้ถอดใจไปแล้ว และวางแผนไว้ว่าจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่สถานที่สงบสักแห่งเพื่อจบชีวิต แต่แล้วในเมื่อตอนนี้พวกเขากลับได้ยินว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหลิงยี่เทียน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าขุมกำลังต้นกำเนิดของพวกเขาซะอีก แบบนี้มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกยินดีได้ยังไง?
หลังจากเจรจากันอีกพักใหญ่ ในที่สุดซีเหมินเจี้ยงและหยูไท่ฉวนก็ตกลงที่จะเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราและกลายเป็นขุนนางระดับสูงของอาณาจักร
ครึ่งปีต่อมา บรรดาผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็พากันอพยพออกไปจากอาณาเขตนภาจนหมด ส่งผลให้อาณาจักรนภาจรัสแสงล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหลังจากนั้นอาณาจักรจันทราก็เข้ายึดครองดินแดนทั้งหมดที่เหลือจนครบ และทำการประกาศว่าอาณาเขตนภาทั้งหมดได้กลายของอาณาจักรจันทราเรียบร้อยแล้ว
หลิงยี่เทียนที่เห็นว่าความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมไปหลายเท่าตัว เขาจึงเริ่มวางแผนขยายอาณาเขตต่อไปยังอาณาเขตอื่น ๆ รอบด้าน
แต่แล้วก่อนที่แผนการของเขาจะเริ่ม เฟิงปิงกลับเดินทางมาถึงมาถึงพอดีและนำคำสั่งของหลิงตู้ฉิงมารายงานให้กับหลิงยี่เทียนได้ฟัง
หลิงยี่เทียน เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิงที่บอกให้เขาอยู่เฉย ๆ อย่าเพิ่งออกจากอาณาเขตนภา เขาก็ทำได้แต่หยุดแผนการขยายอาณาจักรของเขาตามที่พ่อเขาสั่งและรอหลิงตู้ฉิงกลับมาเพียงเท่านั้น
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เขากำลังมุ่งหน้าไปที่อาณาเขตวายุด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อสังหารใครบางคนให้ได้!