บทที่ 1741 อยากตายรึไง / บทที่ 1742 ใครพูดหลักเหตุผลกับเธอ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1741 อยากตายรึไง

กงซวี่จ้องแจ็กเกตสีฉูดฉาดติดกากเพชรบนตัวเป่ยโต่วเขม็ง

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

“ฮ่าๆๆ น้องชายมีตามาก! ฉันก็คิดว่าของฉันดูดี! มาๆๆ! ฉันให้นายสวม!” เป่ยโต่วทำสีหน้าเหมือนเจอเพื่อนสนิททันที เขาถอดเสื้อแจ็กเกตของตัวเองให้กงซวี่อย่างใจกว้าง

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูด

“พี่เยี่ย พี่…พี่มาได้ยังไง” กงซวี่สวมเสื้อแจ็กเกตอย่างพออกพอใจ จากนั้นก็เอ่ยพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองของแวบหนึ่ง “ถ้าฉันไม่มา พวกนายเตรียมจะปกปิดฉันถึงตอนไหน”

กงซวี่กวาดตามองเหยาเจียเหวินกับลูกสมุนพวกนั้นที่ด้านข้าง “พี่เยี่ย ไม่ใช่พวกเราอยากปกปิดพี่ แต่ว่า..เอาเป็นว่า ความจริงก็ไม่มีอะไร พี่ไม่ต้องห่วง จริงๆ นะ!”

กงซวี่เห็นเยี่ยหวันหวั่นพาคนมาแค่สองคนหัวใจก็แทบจะกระเด้งออกมาจากอกทันที

เวลานี้เหยาเจียเหวินค่อยๆ ใจเย็นลงมาแล้ว เธอเดินไปหาเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เอ่ยปากด้วยสายตาดูถูก “หึ ผู้อำนวยการเยี่ย ไม่เจอกันนานนะ”

ต่อให้เยี่ยหวันหวั่นกลับมาแล้วจะยังไง

เธอคิดว่าตัวเองยังเป็นผู้จัดการมือทองที่มีอำนาจล้นมือเมื่อตอนนั้นอยู่อีกเหรอ

ในวงการบันเทิงสถานที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ช่วงเวลาสั้นๆ สามเดือนก็เปลี่ยนยุคสมัยได้แล้ว

วันนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของเยี่ยไป๋นานแล้ว!

เยี่ยหวันหวั่นมองหญิงสาวที่แทบจะแปลกหน้าโดยสมบูรณ์ตรงหน้า สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ไม่เจอกันนานจริงๆ เหมือนสามวันกลายเป็นอื่น ประธานเหยาแทบทำฉันจำไม่ได้แล้ว”

“ผู้อำนวยการเยี่ย คนเปลี่ยนไปเสมอ” เหยาเจียเหวินเห็นหญิงสาวตรงหน้ายังคงมีท่าทางสงบนิ่งใจเย็นออร่าแข็งแกร่ง หัวใจก็ผุดความกลัดกลุ้ม

ทำไม ผู้หญิงคนนี้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้กลับยังมีท่าทางอวดดีได้อยู่อีก

วางท่าเก่งซะจริง…

“ไม่ทราบจู่ๆ ผู้อำนวยการเยี่ยมาเยี่ยมเยียนมีธุระอะไร” เหยาเจียเหวินนั่งกลับลงเก้าอี้หนังแท้ของตัวเอง ยกกาแฟขึ้นจิบหนึ่งอึก เอ่ยอย่างรำคาญชัดเจน

ชั่วพริบตาที่เหยาเจียเหวินนั่งลงนั้นเอง เสียง ‘โครม’ ก็ดังขึ้น ฉับพลันทั้งตัวคนก็ถูกเป่ยโต่วยกขึ้นมาแล้วโยนลงกับพื้น

เป่ยโต่วถลึงตาใส่เหยาเจียเหวิน เหล่ตามองแรงใส่เธอด้วยท่าทางเหมือนโจรพร้อมเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “เชี่ย! พี่เยี่ยฉันพูดกับเธอยังจะกล้านั่งอีก! อยากตายรึไง!”

เป่ยโต่วเรียกเยี่ยหวันหวั่นว่า ‘พี่เยี่ย’ คล้อยตามด้วยกันกับพวกกงซวี่

แต่คำว่า ‘พี่เยี่ย’ ที่ออกมาจากปากของเป่ยโต่วดูเหมือนกับเรียกลูกพี่ใหญ่ยังไงชอบกล ดูมีความเป็นโจรโดยธรรมชาติ

เหยาเจียเหวินถูกโยนลงพื้นจนกลิ้งหนึ่งตลบ ชุดเสื้อราคาแพงคลุกฝุ่นผง ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย “นาย..นี่นายถึงกับ! นายบ้าไปแล้วเหรอ!”

หลังเจ้าหน้าที่สตูดิโอตะลึงหลายวินาทีก็ได้สติขึ้นมา รีบกุลีกุจอไปพยุงเหยาเจียเหวินขึ้นมา

แม้แต่กงซวี่ก็ดูโง่งมแล้ว นึกไม่ถึงว่าเป่ยโต่วหน้าตาเหมือนหนุ่มละอ่อนที่อาศัยหน้าตาหากินในวงการบันเทิงนี้ พอทำเรื่องขึ้นมากลับไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของเขาแม้แต่น้อย

เป่ยโต่วก็ไม่สนใจคนพวกนี้สักนิด วิ่งแจ้นไปเอาเก้าอี้มาวาง “พี่เยี่ยนั่งครับ!”

ชีซิงชงกาแฟให้เยี่ยหวันหวั่นใหม่ราวกับไร้คนอยู่รอบๆ

จากนั้นภายใต้สายตาตกตะลึงอ้าปากค้างของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งลงอย่างไม่แยแสจริงๆ

ไม่น่าเชื่อ…สุดๆ…

“เชี่ย! เยี่ยไป๋นี่! ในบ้านมีปัญหา สมองเลยโดนกระทบกระเทือนจนเสียสติไปแล้วหรือเปล่า”

“จริงด้วย! นี่ก็อวดดีเกินไปแล้วไหม บ้าไปแล้วชัดๆ ”

“อยากตายรึเปล่า! เบื้องหลังเหยาเจียเหวินคือหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์นะ! ใครไม่รู้บ้างว่าเบื้องหลังหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์คือ…”

———————————————————————

บทที่ 1742 ใครพูดหลักเหตุผลกับเธอ

ข้างกายเหยาเจียเหวิน ผู้ช่วยหญิงที่เยี่ยอีอีจัดหามาให้เธอเอ่ยอย่างยกตนข่มท่าน “เยี่ยไป๋! เธอคิดจะทำอะไรกันแน่! ทำความเข้าใจฐานะตอนนี้ของเธอด้วย! พี่เธอไม่ใช่ประธานของจูเสินสือไต้แล้ว เธอก็ไม่ใช่ผู้อำนวยการของบริษัทแล้ว! ไม่มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องของศิลปินใต้สังกัด!”

โปรดิวเซอร์ก็เห็นด้วย “คิดว่าตัวเองยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายจัดหาศิลปินของจูเสินสือไต้อยู่หรือไง ยุ่งเรื่องคนอื่นจนมาถึงที่นี่ น่าขำเกินไปแล้วมั้ง!”

ผู้กำกับก็เอ่ยตาม “คุณหนูเยี่ย ผมเข้าใจว่าคุณรับผลลัพธ์นี้ไม่ได้ แต่ผมแนะนำให้คุณยอมรับความจริงดีกว่า ถ้าคุณยังเป็นตัวสร้างปัญหาแบบนี้ต่อ ผมก็ไม่เกรงใจแล้ว!”

เห็นทุกคนต่อว่าเหยียดหยันเยี่ยหวันหวั่น กงซวี่ก็โกรธเจ้าตาเขียว “ทุกคนหุบปากให้หมด!”

ถึงเวลานี้เขาโกรธจนแทบอยากอัดคนแล้ว แต่เขาทำไม่ได้ พี่เยี่ยยังอยู่ที่นี่ อันตรายเกินไปแล้ว

เขาจะดึงพี่เยี่ยมาถลำลึกอันตรายไม่ได้

กงซวี่ตะคอกจบก็ป้องหูเยี่ยหวันหวั่น กระซิบว่า “พี่เยี่ย พี่รีบไปเถอะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ!”

เหยาเจียเหวินลุกขึ้นมาภายใต้การประคองของผู้ช่วย ก่อนจะเอ่ยอย่างเย้ยหยันสุดขีด “เยี่ยไป๋ ขอโทษด้วยที่ต้องบอกเธอว่าตอนนี้ฉันต่างหากคือผู้จัดการของกงซวี่ แต่เธอไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เธอไม่มีคุณสมบัติมาดูแลเรื่องของเขา เหตุผลนี้ไม่ว่าเธอไปที่ไหน มันก็ยังอยู่ที่ฉันนี่”

เหยาเจียเหวินมีสีหน้าอย่างคนมีแผนการในใจ ใบหน้าไร้ซึ่งความหวาดกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง

เยี่ยหวันหวั่นนั่งบนโซฟาหนังแท้ของเหยาเจียเหวิน ดื่มกาแฟเกรดดีที่ชีซิงส่งมาให้เธอ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจ “ใครว่าฉันมาพูดเหตุผลกับเธอ ฉันไม่สนใจสักนิด!”

เธอไม่ได้มาพูดเหตุผลกับคนพวกนี้สักหน่อย

เป็นไปได้ยังไง! เธอบ้าไปแล้วเหรอ

เหยาเจียเหวินมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วมองวัยรุ่นร่างผอมบางที่ยังไม่โตเต็มวัยสองคนที่ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็หัวเราะเยาะอย่างดูถูก “งั้นผู้อำนวยการเยี่ยคิดยังไง”

ขอแค่เธอขยับปาก ก็สามารถโยนพวกเยี่ยหวันหวั่นออกไปได้แล้ว

แต่เธอไม่ได้ทำ เธอจะให้ทุกคนเห็นฉากที่เยี่ยไป๋ตำนานนี้ถูกทำลายต่อหน้าเธอ!

เยี่ยหวันหวั่นมองเหยาเจียเหวิน เป่ากาแฟในมือก่อนยิ้มบางเอ่ย “แน่นอนว่า…มาพังสตูดิโอ…”

“ว่าไงนะ”

ไม่รอให้พวกเหยาเจียเหวินตอบสนอง เยี่ยหวันหวั่นก็ส่งสัญญาณมือให้ชีซิงกับเป่ยโต่ว “พังสตูดิโอ!”

หลังชีซิงกับเป่ยโต่วรับคำสั่งก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มเคลื่อนไหว

เป่ยโต่วตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว เขาพุ่งนำไปข้างหน้า จากนั้นก็ตวัดเท้าเตะกล้องถ่ายหนังที่ราคาแพงที่สุดทันที

เสียง ‘โครม’ ดังลั่น ทุกคนแทบตกตะลึงค้างแล้ว!

เยี่ยหวันหวั่นนี่ เกรงว่าคงบ้าจริงๆ แล้วมั้ง

พาหนุ่มหน้าขาวสองคนเข้ามา…บอกว่าจะพังสตูดิโอ?

เหยาเจียเหวินถูกทำตกใจจนร้องอุทาน จากนั้นก็หัวเราะเย็น “เยี่ยไป๋ ตอนแรกเห็นแก่คนรู้จักกัน ฉันยังอยากไว้หน้าเธอสักหน่อย ในเมื่อเธออยากตาย ก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!”

พูดจบก็ออกคำสั่งกับลูกสมุนที่เยี่ยอีอีจัดมาให้เธอ “เหม่อทำอะไร! อัดให้ตายเลยสิ!”

คนที่มุงดูรีบหลบไปอยู่ไกลๆ และจ้องเยี่ยไป๋กับสองหนุ่มอย่างเห็นใจสุดแสน

เยี่ยไป๋นี่เอาเงินไปอยู่ต่างประเทศไม่โผล่ออกมาก็ดีแล้วไหม ไม่น่าเชื่อว่าจะวิ่งกลับมาหาที่ตาย…

กงซวี่ร้อนใจแล้ว “พี่เยี่ย! พี่รีบให้พวกเขากลับมาเร็ว! คนพวกนี้ไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดา แต่เป็นพวกแก๊งมาเฟียนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “โอ้ แก๊งมาเฟียนี่ น่ากลัวมากเหรอ”