ตอนที่ 1221

Alchemy Emperor of the Divine Dao

เมื่อรู้ตำแหน่งที่ตั้งแน่ชัดของห้านิกายโบราณ หลิงฮันกับคนอื่นๆก็ออกเดินทางทันที

ครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิงฮันได้รับประสบการณ์ใหม่จากการหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูก แม้จะยังไม่สำเร็จแต่เขาก็ค้นพบจุดบกพร่องของตัวเอง เขาเชื่อว่าในการหลอมครั้งหน้าไม่เพียงแต่เขาจะหลอมเม็ดยาได้สำเร็จ แต่คุณภาพของมันจะต้องยอดเยี่ยมอีกด้วย

พวกเขาเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์และใช้เวลาห้าวันเดินทางไปถึงภูเขาชี่เฉียที่เป็นที่ตั้งของนิกายนกอมตะเมฆา

แน่นอนว่าจะต้องตามหาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ให้เจอเสียก่อนถึงจะค่อยเริ่มแผนการทำลายห้านิกายโบราณ

แม้สิ่งที่ห้านิกายโบราณทำลงไปจะเป็นเรื่องต้องห้ามในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ทวีปฮงเทียนก็เปิดสวรรค์ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพราะงั้นจึงไม่เหลือหลักฐานอะไรที่จะใช้ยืนยันว่าห้านิกายโบราณเคยใช้สิ่งมีชีวิตของโลกใบเล็กหลอมเป็นเม็ดยา

ดังนั้นหลิงฮันย่อมไม่ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้แต่เลือกที่จะจัดการพวกมันด้วยมือของเขาเอง

“ไม่รู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิดาบกับจักรพรรดิกระบี่ตะวันจะมีพลังบ่มเพาะระดับใดแล้ว” หลิงฮันกล่าวในใจ ทั้งสองคนเป็นตัวตนที่ในอดีตเขาทำได้เพียงแหงนมอง แต่เมื่ออยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว พรสวรรค์ของจักรพรรดิดาบกับจักรพรรดิกระบี่ตะวันคงเรียกไม่ได้ว่าเป็นอัจฉริยะ

แต่นั่นก็ไม่แน่เสมอไป บางทีศักย์ภาพของพวกเขาอาจจะพัฒนาเติบโตขึ้นหลังจากที่มาอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นไปได้

เขาเดินทางเข้าไปในเมืองเล็กๆที่อยู่ด้านใต้ภูเขาชี่เฉีย ซึ่งเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีนิกายนกอมตะเมฆาเป็นรากฐาน ในเมืองนี้มีจอมยุทธเดินเบียดเสียดกันไปทั่วบริเวณ

บางคนมาที่นี่เพื่อรับศิษย์ บางคนได้รับมอบหมายภารกิจจากนิกายนกอมตะเมฆาให้มาสะสางปัญหาที่เมืองนี้แก้ไขกันเองไม่ได้ บางคนก็มาเดินทางท่องเที่ยว และก็มีบางคนที่มาเพื่อค้าขาย

หลิงฮัน เหล่าพี่ชายของเขา ติงผิงและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนพักอยู่ที่นี่สองสามวันเพื่อหาข้อมูล แต่สุดท้ายพวกเขาก็คว้าน้ำเหลวที่ไม่สามารถหาที่อยู่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พบ

นอกจากสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แล้วแม้แต่ร่องรอยของจักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันและคนอื่นๆพวกเขาก็หาไม่พบ

“จริงสิ!”

หลิงฮันปรบมือเข้าใจอะไรบางอย่าง จักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันเป็นชื่อเรียกของพวกเขาในโลกใบเล็ก แต่พวกเขาจะกล้าใช้ชื่อเช่นนั้นบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์งงั้นรึ?

หากพวกเขาแทนตัวเองว่าจักรพรรดิ แล้วจักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเปลี่ยนชื่อเรียกของตนเองอย่างเลี่ยงไม่ได้

หลิงฮันรู้ชื่อจริงของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็จริง แต่ชื่อของนาง… แปลกประลากเป็นอย่างมาก! เพื่อที่จะได้รู้ชื่อจริงของนาง เขาทั้งต้องช่วยนางหลอมเม็ดยาและยอมถูกนางรังแก

ยิ่งกว่านั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็เตือนเขาเอาไว้ด้วยว่าชื่อของนางห้ามกล่าวบอกกับใครอื่นเป็นอันขาด

“แล้วทีนี้จะหานางพบได้อย่างไร?”

หลิงฮันหมดหนทาง หลังจากคิดทบทวนได้ชั่วครู่เขาจึงตัดสินใจตามหาลูกศิษย์ทั้งสี่ของเขาเป็นอันดับแรก

ในตอนที่ห้านิกายโบราณลงมือครั้งก่อน สมควรเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ที่พาลูกศิษย์ทั้งสี่ของเขามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ดังนั้นหากถ้าตามหาลูกศิษย์ทั้งสี่พบ เขาย่อมรู้ว่าตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อยู่ที่ไหน

เอาแบบนี้แล้วกัน

เขาเปลี่ยนไปตามหาที่อยู่ของเจียนเยว่ซวน เฉินหลุยเจียง หยุนหย่งหวังและคังซิวหยวน ซึ่งเขาก็ได้รับข่าวดีในทันที หยุนหย่งหวังกับคังซิวหยวนนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง พวกเขาทั้งสองเป็นนักปรุงยาของตำหนักฮันหลิง

ตำหนักฮันหลิง?

ตัวอักษรหลิงกับฮันที่ถูกสลับกัน ไม่ใช่ว่ามันคือหลิงฮันหรอกรึ?

“เอาล่ะ มุ่งหน้าไปยังเมืองต้าหยิง!”

ตำหนักฮันหลิงตั้งอยู่ในเมืองต้าหยิงซึ่งหากจากภูเขาชี่เฉียราวๆสองวัน มันเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ใกล้นิกายนกอมตะเมฆา

พวกเขามาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากไต่ถามเล็กน้อยพวกเขาก็ได้รู้ว่าตำหนักฮันหลิงถูกเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงสองพันปีเท่านั้น แต่ช่วงหลังนี้ชื่อเสียงของพวกตำหนักเริ่มโด่งดังขึ้นเนื่องจากนักปรุงยาอัจฉริยะสองคนที่กลายเป็นนักปรุงยาระดับห้าได้สำเร็จ

สามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับห้าได้แสดงว่าจะต้องมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทรา ไม่เช่นนั้นจิตวิญญาณจะไม่แข็งแร่งเพียงพอสำหรับหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า นอกจากเสียจากว่าคนคนนั้นจะมีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าเหนือคนทั่วไป

หลิงฮันพยักหน้าในใจ ศิษย์ทั้งสองเติบโตได้อย่างน่าพอใจทีเดียว พวกเขาเชี่ยวชาญในศาสตร์ปรุงยาและใช้เวลาเพียงหนึ่งหมื่นปีฝึกฝนจากระดับทลายมิติจนบรรลุระดับสุริยันจันทรา

สมกับเป็นศิษย์ของเขา

หลิงฮันให้เฟิงโปหยุนซื้อที่พักในเมืองนี้และแยกย้ายกันหารวบรวมข้อมูลของห้านิกายโบราณ

สำหรับพวกเขา ห้านิกายโบราณถือว่าเป็นคู่แค้นคู่ชีวิต แต่ดาวดวงนี้ก็ยังเป็นอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ที่มีจอมยุทธระดับดารามากมาย บางทีดาวดวงนี้อาจจะมีตัวตนระดับวารีนิรันดรณ์หลายสิบหรือหลายร้อยคน พวกเขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าห้านิกายโบราณมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งแค่ไหน

เรื่องแก้แค้นน่ะเขาต้องลงมือแน่ แต่เขาจะไม่ทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด

หลิงฮันเดินเตร็ดเตร่ในเมืองจนในที่สุดก็มาถึงตำหนักฮันหลิง

คับคั่งไปด้วยผู้คน!

หลิงฮันอดประหลาดใจไม่ได้ ธุรกิจของตำหนักดีขนาดผู้คนมาแย่งกันซื้อเม็ดยาเลย?

เขาฟังที่ผู้คนรอบๆพูดคุยกันและได้รู้ว่าธุรกิจของตำหนักฮันหลิงไปไม่ได้สวยนัก แต่ที่คนพลุกกล่านเป็นเพราะกำลังมีการประลอง

คนที่มาท้าประลองคือนักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลิน พวกเขามาประลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรุงยากับตำหนักฮันหลิง

แต่ถ้าพูดให้ถูก ทุกคนรู้ดีว่าตำหนักเป่าหลินมาเพื่อกดดันการค้าของตำหนักฮันหลิง

นั่นเพราะแต่เดิมแล้วตำหนักเป่าหลินเป็นสมาคมการค้าเม็ดยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองต้าหยิง ตำหนักฮันหลิงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้นแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถคุกคามตำหนักเป่าหลินได้ แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่

ตำหนักเป่าหลินเป็นสมาคมการค้าใหญ่ ตำหนักเป่าหลินในเมืองเมืองต้าหยิงเป็นเพียงตำหนักสาขาเท่านั้น มีคำกล่าวว่าตำหนักเม็ดยาของพวกเขามีสาขาย่อยทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความมั่งคั่งและอำนาจของพวกเขา ต่อให้เป็นจักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องไว้หน้าพวกเขาบ้างเล็กน้อย

ด้วยเหตุนั้นเอง ตอนนี้เมื่อนักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลินมาท้าประลองที่นี่จึงไม่มีใครคิดว่าตำหนักฮันหลิงจะเป็นฝ่ายชนะ

“แพ้อีกแล้ว!” เสียงอุทานดังขึ้นด้านหน้าฝูงชน ทุกคนที่ดูอยู่ต่างส่ายหัว ตอนนี้ตำหนักฮันหลิงแพ้ไปสี่ครั้งแล้ว

หลิงฮันเบียดคนไปด้านหน้า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เพียงแต่ปลดปล่อยอำนาจของระดับสุริยันจันทราออกมาเล็กน้อยก็สามารถเบียดคนไปยังด้านหน้าไปอย่างง่ายดาย

ด้านในตำหนักฮังหลิงฮันมีพื้นขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง บริเวณนั้นได้วางเตาหลอมเม็ดยาสองเตาเอาไว้โดยแต่ละเตามีคนของแต่จะฝ่ายยืนอยู่

หยุนหย่งหวัง! คังซิวหยวน!

หลิงฮันจำลูกศิษย์ทั้งสองได้ทันที แม้เวลาจะผ่านไปหมื่นปีแต่รูปลักษณ์ของทั้งสองคนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ที่เปลี่ยนไปคือท่าของพวกเขาดูสุขุมและสงบนิ่งกว่าเดิม

“เหอๆ พวกเจ้าแพ้การประลองไปสี่ครั้งแล้ว ครั้งที่ห้าผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่ต่างกัน!” ทางด้านเตาหลอมของตำหนักเป่าหลิน ชายชราที่ดูมีอายุราวๆหกสิบปียิ้มเยาะเย้ยด้วยท่าทีมั่นใจ

ในระยะสี่เดือนที่ท้าประลองมานี้ ตำหนักเป่าหลินของพวกเขาชนะการประลองหลอมเม็ดยาตั้งแต่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งจนถึงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ติดกัน

“นั่นก็ไม่เสมอไป!” หยุนหย่งหวังเค้นเสียงกล่าวและหันไปมองคังซิวหยวน” เจ้าจะประลองครั้งต่อไปเองหรือให้ข้าประลอง?

“ข้าเอง” คังซิวหยวนเดินไปด้านหน้า