“ความสงบก่อนพายุจะมา ……”

หลัวซิวที่สวมชุดขาวกำลังฝึกตนปิดขังอยู่ใจกลางภายในแดนตำหนักจื่อมาโดยตลอดนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

จุดที่แตกต่างจากวิญญาณสีดำก็คือ วิญญาณสีขาวจะฝึกตนอยู่ตลอดทุกนาทีทุกวินาที ในขณะที่เรียนรู้ความลับของกฎอยู่นั้น ก็แบ่งสมาธิเพื่อค้นคว้าเส้นทางวิชากลั่นยา ค่ายกลและกลั่นสมบัติอีกด้วย

สามารถพูดได้ว่าหลัวซิวไม่ได้ขาดแคลนการฝึกตนวิชาอาถรรพณ์ประเภทต่าง ๆ เลยแม้สักนิด เพราะตามผลการฝึกตนที่เพิ่มขึ้นของเขา สามารถดึงความรู้ในการฝึกตนจำนวนมหาศาลจากวัฏจักรภายในลูกแก้วความเป็นตาย

วิญญาณทั้งสองเชื่อมโยงถึงกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากทางด้านวิญญาณสีดำนั้น ทางด้านวิญญาณสีขาวก็สามารถรับรู้ได้ราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง

วิญญาณสีดำอยู่ด้านนอกสร้างปัญหาใหญ่หลวงเอาไว้ ราวกับจะทำให้ฟ้าของโลกแสงดาวทะลุเป็นรูใหญ่ แดนตำหนักจื่อในตอนนี้ก็ไม่ได้สงบเช่นเดิมอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าจะมีสถานะของผู้ลาดตระเวนอยู่ ทำให้กองกำลังต่าง ๆ ไม่อาจหาญที่จะเผชิญหน้าท้าทายเมืองศักดิ์สิทธิ์โจมตีสำนักไท่เสวียนโดยตรง แต่แน่นอนว่าต้องมีคนแอบโจมตีอยู่ลับหลัง

“ทางเข้าแดนตำหนักจื่อถึงแม้จะซ่อนอยู่ในโซน แต่หากมีผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญด้านกฎโซน เพียงแค่ต้องสิ้นเปลืองเวลาเล็กน้อย ก็สามารถหาตำแหน่งเจอได้ ด้วยวิธีการของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ การระเบิดเพื่อเปิดมันนั้นช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดาย”

วิญญาณสีขาวเดินออกมาจากในหอฝึกตน พูดเสียงขรึม “มีทางใดที่จะทำให้ทางเข้าแดนปริศนาไม่ถูกพบเจอหรือไม่?”

“ก็ไม่เชิงว่าไม่มีวิธี……” นกสีดำตัวหนึ่งที่ตัวเล็กเหมือนนกกระจอกบินร่อนลงบนไหล่ของวิญญาณสีขาว พูดเอ่ยด้วยภาษามนุษย์ น้ำเสียงให้ความรู้สึกถึงความแก่ชรา

เจ้าของเสียงนี้ ก็คือจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ หลังจากที่หลัวซิวสำแดงวิชาแยกวิญญาณสองระดับ วิญญาณมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้เลือกที่จะติดตามวิญญาณสีดำออกไปสร้างความวุ่นวายด้านนอก แต่เลือกที่จะอยู่ที่แดนตำหนักจื่อ

และวิญญาณสีขาวศึกษาวิชาค่ายกลกับวิชากลั่นสมบัติ ก็ได้กลั่นหุ่นเชิดที่เหมือนนกตัวเล็ก ๆ ออกมาหนึ่งตัว ให้จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำวิญญาณอาศัยอยู่ชั่วคราว เท่ากับว่าสามารถมีร่างกายเป็นของตัวเอง

สาเหตุที่การกลั่นร่างนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก นั่นก็เพราะว่าวิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำบอบบางเกินไป จากจิตวิญญาณฟื้นฟูกลับไปเป็นวิญญาณ แล้วจึงกลับไปเป็นวิญญาณดั้งเดิม หลอมรวมเทพจิตใหม่อีกครั้ง จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนที่ยาวนานมากทีเดียว

“อ้อ? มีวิธีอะไรหรือ?” หลัวซิวเอ่ยถาม

“ทำลายทางเข้าแดนปริศนาเสียก็ได้แล้ว” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเอ่ยตอบ เขาไม่ได้รู้ว่าหลัวซิวได้สร้างปัญหาใหญ่โตไว้ด้านนอก ไม่นานก็จะต้องมีผู้แข็งแกร่งมาเยือนถึงหน้าประตู

ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็รี่ตาลงเล็กน้อย “ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี”

“เจ้าคงไม่ได้คิดจะทำลายทางเข้าแดนปริศนาจริง ๆ ใช่หรือไม่? เมื่อใดที่ทางเข้าถูกทำลาย แดนปริศนาแห่งนี้ก็จะหลบซ่อนเข้าไปในส่วนลึกของโซน คนจากด้านนอกเข้ามาไม่ได้ ส่วนคนจากด้านในนอกจากจะทำลายแดนปริศนาแห่งนี้ทิ้งเสีย ก็ออกไม่ได้เช่นกัน”

“นั่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไร วิญญาณสีดำและวิญญาณสีขาวของข้าจิตใจเชื่อมโยงกัน ถึงแม้ร่างกายจะอยู่ที่โลกภายนอก ก็สามารถค้นหาตำแหน่งของแดนปริศนาได้ ผ่านการรับรู้ของร่างแยกวิญญาณ”

หลัวซิวไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย ก้าวกระโดดขึ้นไปบนกาศเหนือแดนตำหนักจื่อ มือหนึ่งจีบมือวิชาค่ายกล อีกมือหนึ่งกระหน่ำปล่อยพลังแสงสีขาว

ปัง!

หลังจากนั้นไม่นาน โซนแดนปริศนาทั้งแดนก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ยาวนานประมาณครึ่งก้านธูปได้ จึงได้สงบลงในที่สุด

เหล่าไท่เสวียนที่ฝึกตนอยู่ภายในแดนปริศนาก็พากันตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“เจ้าเด็กคนนี้……” เมื่อเห็นหลัวซิวทำลายวิชาห้ามค่ายกลที่ปากทางเข้าแดนปริศนาอย่างไม่ลังเล ทำให้แดนปริศนาทั้งแดนหลบเข้าไปในโซนอย่างสมบูรณ์แบบ จะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไรว่า ร่างแยกของเขาอีกร่างได้สร้างปัญหาใหญ่เอาไว้ที่ด้านนอก

ในขณะเดียวกัน สถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งของอาณาจักรตะวันออก หลัวซิวหยิบม้วนหยกสีทองออกมา ตัวสำนึกถูกส่งออกไปสำรวจเนื้อหาด้านใน

ปัง!

ตัวสำนึกของหลัวซิวเพิ่งจะเข้าไปในม้วนหยก ก็ถูกแรงระเบิดดึงเข้าไปลากเข้าไปด้านในของโซนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้เห็นภาพหนึ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจอย่างมาก