ตอนที่ 1998 หัวใจของศิลปะเพลงดาบ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1998 หัวใจของศิลปะเพลงดาบ

“หงฉิง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”

หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่ชื่อหงฉิง เขารั้งอันดับ 10 ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด การที่เขาก้าวขึ้นสู่ 10 อันดับแรกของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดได้ก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นผู้ที่เก่งกาจพอตัว

มีการจัดลำดับชั้นอย่างไม่เป็นทางการในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ผู้รั้งอันดับ 1 จะถือเป็นชนชั้นสูงสุด, ผู้รั้งอันดับ 2 และอันดับ 3 ถือเป็นชนชั้น 2, อันดับ 4-6 เป็นชนชั้น 3, อันดับ 7-11 เป็นชนชั้น 4 และอันดับ 11-20 เป็นชนชั้น 5

แต่ละชนชั้นมีความเหลื่อมล้ำของพละกำลังที่ต่างกันมาก

ถังเหยียนรั้งอันดับ 7 จึงอยู่ในกลุ่มชนชั้น 4 แต่ถึงอย่างนั้น พละกำลังของเขาก็ถือว่ามากเกินพอที่จะทำให้ใครๆหวาดกลัวแล้ว

ไป๋เหรินชิงไม่ได้หยุดอยู่แค่การเอาชนะผู้รั้งอันดับ 13 หรือ? ทำไมหงฉิงถึงรออยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าจนปัญญาแบบนั้น?

ในเมื่อหงฉิงอยู่ในชนชั้นเดียวกับเขา ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ไป๋เหรินชิงจะเล่นงานอีกฝ่ายได้สำเร็จ!

“ผมถูกศิษย์พี่ไป๋ตัดหัวภายในกระบวนท่าเดียว!” หงฉิงตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ก็ถือเป็นธรรมเนียมที่จะเรียกขานผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองว่าศิษย์พี่ นี่เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ที่รู้กันดีภายในสำนัก

“คุณกำลังบอกว่าไป๋เหรินชิงท้าทายคุณ และเอาชนะคุณได้อย่างนั้นหรือ?” กั้วอี้เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“เธอท้าทายคู่ต่อสู้ที่มีอันดับเหนือกว่าเธอคนแล้วคนเล่า…ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่ลงท้ายก็ถูกตัดหัวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”

“เหมือนพวกเราเลย”

ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองสามคนที่อยู่ตรงนั้นร้องออกมา เมื่อมองไป ถังเหยียนเห็นผู้รั้งอันดับ 11 และ 12 อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขามีสีหน้าอับจนหนทาง

แม้แต่คนพวกนี้ก็ไม่อาจรับมือกับศิลปะเพลงดาบของไป๋เหรินชิงได้

“ในหอนิรันดร์ ระดับวรยุทธของพวกเราถูกจำกัดอยู่แค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่าง แต่เธอก็เอาชนะทุกคนตั้งแต่อันดับ 16 ลงมาจนถึงอันดับ 10 ได้รวดเดียวโดยไม่หยุดพัก เธอยังมีเรี่ยวแรงสู้ต่ออีกหรือ?” ถังเหยียนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาไม่เชื่อว่าศิลปะเพลงดาบของไป๋เหรินชิงจะพัฒนาได้ถึงระดับนั้นจริงๆ

กั้วอี้พลันคิดอะไรได้บางอย่าง เขาตาโต “เดี๋ยวก่อน การที่พวกคุณทุกคนมาอยู่ที่นี่…นั่นหมายความว่าเธอ…”

“ใช่แล้ว เธอกำลังท้าทายลู่เยว่ ผู้รั้งอันดับ 9 ถ้าเธอเอาชนะเขาได้ คุณก็คง…” หงฉิงพยักหน้า

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ประตูก็ลั่นเอี๊ยด ศีรษะของหญิงสาวคนหนึ่งผลุบออกมา “กั้วอี้ คุณอยู่นี่แล้วหรือ? มาได้เวลาอะไรอย่างนี้ เข้ามาเลย!”

“….” กั้วอี้

น้ำเสียงนั้นราบเรียบและสบายใจ ราวกับเธอกำลังเชิญเขาเข้าไปคุยกัน…

คุณกำลังท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดนะ ไม่ใช่สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน…แน่ใจหรือว่าไม่ต้องการหยุดพัก?

“ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอก ทำไมไม่ดวลกันเสียที่นี่ล่ะ?” ถังเหยียนโพล่งออกมา

“จริงด้วย ทำไมไม่ดวลกันจะๆให้ทุกคนเห็น? พวกเราอยู่กันแค่ไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอก!”ใครคนหนึ่งตะโกนอย่างเห็นพ้อง

ในเมื่อไป๋เหรินชิงเล่นงานพวกเขาจนราบคาบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน

“ดวลอย่างเปิดเผย?” ไป๋เหรินชิงหันไปถามกั้วอี้ “คุณคิดว่าอย่างไร?”

“ผมจะทำตามข้อเสนอของศิษย์พี่ถัง” กั้วอี้พยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีปัญหา” ไป๋เหรินชิงเดินออกจากห้อง

“ไปที่สังเวียนประลองด้านนอกเถอะ” กั้วอี้พูด

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกน่ะ” ไป๋เหรินชิงตอบขณะชูดาบขึ้นและเดินเข้าหากั้วอี้

“คุณจะโจมตีผมตรงนี้หรือ?”

กั้วอี้ไม่คิดว่าไป๋เหรินชิงจะเล่นงานเขาตรงนี้ เขารีบชูดาบขึ้นป้องกันตัวด้วยความประหลาดใจ

แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ

ตุ้บ!

ศีรษะของเขาร่วงลงกับพื้น นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างพรั่นพรึง ราวกับไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

หลังจากเล่นงานกั้วอี้แล้ว ไป๋เหรินชิงหันไปมองถังเหยียน “เรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงตาคุณ!”

ในตอนแรก เธอยังไม่คุ้นชินกับการฟาดฟันในแนวราบที่อาจารย์ลุงจางถ่ายทอดให้ แต่หลังจากสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนแล้วคนเล่าไปอย่างง่ายดาย ความมั่นใจของเธอก็พุ่งพรวด

อาจารย์ลุงสอนเธอเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ศิลปะเพลงดาบเธอก็พัฒนาขึ้นมาก

ไม่แปลกใจแล้วที่เธอสู้กับตั้นเฉี่ยวเทียนไม่ได้! เธอแทบจินตนาการไม่ถูกเลยว่าตัวเองจะทรงพลังแค่ไหนหากได้รับคำชี้แนะเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงเหมือนตั้นเฉี่ยวเทียน

“คุณจะท้าดวลกับผมที่นี่เหมือนกันหรือ?” ถังเหยียนหน้าดำคร่ำเครียด

“ที่นี่ก็ใช้ได้น่ะ…ตัดปัญหาไปได้เยอะ” ไป๋เหรินชิงตอบ

“คุณจะหยิ่งผยองไปหน่อยไหม?” ถังเหยียนโต้กลับอย่างดุเดือด

จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่ากั้วอี้มากนัก แต่หลังจากได้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบไร้มลทินจนเข้าถึงความสำเร็จในภาพรวมแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

“ฉันกำลังรีบนะ ยังต้องท้าทาย 5 อันดับแรกอีก อย่ามัวเสียเวลาเลย ดีไหม?” ไป๋เหรินชิงพูดพร้อมกับโบกมือ

ถังเหยียนหน้าแดงก่ำ “ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหวังว่าผมจะออมมือให้!”

เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ปล่อยกระแสดาบฉีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนออกสู่พื้นที่โดยรอบ

“เขาเข้าถึงความสำเร็จโดยภาพรวมของศิลปะเพลงดาบไร้มลทินแล้วหรือ?”

“ไร้เทียมทานจริงๆ!”

“ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับนี้ อย่างน้อยๆก็น่าจะเข้าสู่ 5 อันดับแรกได้”

“ใช่…”

ผู้ที่อยู่ตรงนั้นล้วนแต่เป็นนักดาบผู้เก่งกาจ จึงเห็นความก้าวหน้าในศิลปะเพลงดาบของถังเหยียนได้ทันที ใครจะไปรู้ว่าถังเหยียนจะฝ่าด่านวรยุทธได้ถึงขนาดนี้ภายในเวลาเพียง 2-3 เดือน

“น่าทึ่งจริงๆ!” ไป๋เหรินชิงตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นกระบวนท่านั้น

ศิลปะเพลงดาบไร้มลทินจะทิ้งร่องรอยของกระแสดาบฉีไว้ทุกหนแห่ง ผู้ที่ผ่านเข้าสู่อาณาเขตของการโจมตีจะถูกเฉือนเป็นชิ้นๆทันที แม้การฟาดฟันในแนวราบของเธอจะเป็นกระบวนท่าของการโจมตีที่ทรงพลัง แต่ก็แทบไม่อาจรับมือกับศิลปะเพลงดาบไร้มลทินได้

“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะฝึกฝนศิลปะเพลงดาบไร้มลทินได้จนถึงระดับนี้ ขอเวลาสักครู่หนึ่งนะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก แล้วจะรีบกลับมาสู้กับคุณ!”

จากนั้น ร่างของไป๋เหรินชิงก็แหลกสลายและหายวับไป

“เฮ้ย…”

ทุกคนมองหน้ากันอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ถังเหยียนก็จังงัง

เขาคิดว่าไป๋เหรินชิงจะพุ่งเข้ามาตัดศีรษะของเขาเหมือนที่ทำกับกั้วอี้ ซึ่งถ้าเธอทำอย่างนั้นจริงๆ เขาจะต้องตอบโต้ ลงท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าใครไวกว่า

ไม่นึกเลยว่าเธอจะหันหลังกลับแล้วจากไปดื้อๆ

เธอถึงกับบอกให้เขารอด้วย!

“ศิษย์พี่ถัง…” กั้วอี้ซึ่งเพิ่งกลับเข้ามาโดยใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันใหม่ก็งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“รอที่นี่ก่อนเถอะ” ถังเหยียนตอบ “ผมไม่เชื่อหรอกว่าการให้พวกเรารอที่นี่จะทำให้เธอเอาชนะได้!”

ไป๋เหรินชิงสะบัดศีรษะเมื่อฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับสู่โลกของความเป็นจริง เธอนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าสับสนครู่หนึ่งก่อนจะผลักประตูและเดินออกไป

ที่ลานบ้าน ตั้นเฉี่ยวเทียนยังคงฝึกฝนศิลปะเพลงดาบ

ห่างออกไป 10 เมตร เฉาเฉิงลี่ยืนขาสั่น มีลูกวอลนัทอยู่บนศีรษะ

ฟิ้วววว!

ดาบพุ่งออกไป เฉียดลูกวอลนัทไปเล็กน้อย ถากศีรษะของเฉาเฉิงลี่แทน เลือดสดๆไหลซึมออกมาจากบาดแผล

“ผมว่าผมเจ็บตัวนะ” เฉาเฉิงลี่พูดขณะคลำศีรษะของเขา

“คุณไม่เป็นอะไรหรอกน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย มีใครบ้างไม่เจ็บตัว?” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตั้งลูกวอลนัทบนศีรษะของคุณให้อยู่นิ่งๆหน่อย”

“แต่ผมเจ็บจริงๆนะ” เฉาเฉิงลี่คร่ำครวญ

ยังไม่ทันจะพูดจบ ดาบอีกเล่มก็พุ่งหวือออกไปและถากศีรษะอีกส่วนของเขา

เห็นเลือดหยดติ๋งๆลงกับพื้น เฉาเฉิงลี่ตัวสั่นขณะร่ำร้อง “อ๊ากกกก ผมต้องตายแน่ถ้าเป็นแบบนี้!”

“อย่าห่วงน่ะ ผมควบคุมดาบของผมอย่างดี ก็แค่ถากๆผิวของคุณเท่านั้น ไม่ได้ทำอันตรายกะโหลกศีรษะสักหน่อย” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูดอย่างสบายใจขณะเดินเข้าไปเก็บดาบของเขา

ก็เป็นอย่างที่ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด บาดแผลของเฉาเฉิงลี่ตื้นมาก ไม่มีทางที่เขาจะตายเพราะแผลนั้น

ตั้นเฉี่ยวเทียนฝึกฝนการควบคุมการโยนดาบหลังจากได้รับคำชี้แนะของท่านอาจารย์ และภาคภูมิใจที่จะกล่าวว่าการฝึกฝนของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าใช้ศีรษะของเฉาเฉิงลี่เป็นหนูทดลอง

ไป๋เหรินชิงอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อเห็นภาพอันแสนอันตรายอยู่ตรงหน้า เธอสูดหายใจลึก จากนั้นก็เดินเข้าไปและถามอย่างอายๆ “ศิษย์น้องตั้น เรื่องจริงก็คือฉันเพิ่งเริ่มเล่าเรียนกับอาจารย์ลุงจางได้ไม่นาน ไม่ทราบว่าคุณพอจะถ่ายทอดเทคนิคการโยนดาบของคุณให้ฉันได้ไหม?”

ตั้นเฉี่ยวเทียนผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “อย่างนั้นหรือ? ถ้าท่านอาจารย์ของผมสอนคุณแล้ว ผมก็คิดว่าคงไม่เป็นไร”

แม้เขาเพิ่งใช้เวลากับท่านอาจารย์ไม่นาน แต่ก็รู้ดีว่าท่านอาจารย์ของเขาเป็นคนมีใจเมตตากรุณา ไม่แยแสทั้งชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ เลือกที่จะตั้งชื่อศิลปะเพลงดาบของตัวเองว่าศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ตามชื่อของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ยังถ่ายทอดเทคนิคต่างๆให้ทั้งเฉาเฉิงลี่และผู้อาวุโสอี้อย่างไม่ลังเลด้วย

ในเมื่อท่านอาจารย์ของเขาถ่ายทอดวิชาให้ไป๋เหรินชิงแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะมีปัญหาหากเขาจะถ่ายทอดบางเทคนิคให้เธอ

“การที่คุณจะฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ให้เชี่ยวชาญในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่คุณสามารถเพ่งสมาธิไปที่การพิจารณารูปแบบและเส้นทางการไหลเวียนของพลังปราณก่อนได้ หากเข้าใจสิ่งนั้นแล้ว ก็จะค่อยๆเรียนรู้รูปแบบของกระบวนท่าและการตอบโต้ที่หลากหลายได้เอง” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด

ศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ไม่ใช่ศิลปะที่สำแดงได้ยากจนเกินไป ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาเรียนรู้มันได้แม้ในครั้งนั้นจะเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3

ภายใต้คำชี้แนะของตั้นเฉี่ยวเทียน ไป๋เหรินชิงเข้าใจหลักการพื้นฐานได้ภายใน 3 นาที

ฟึ่บ!

เธอโยนดาบในมือออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาต่อมา มันก็ไปปักอยู่ที่กำแพงข้างตัวเฉาเฉิงลี่

“อ๊ากกกก…” เฉาเฉิงลี่ทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความกลัว

เขาแทบเสียสติเพราะการโจมตีอย่างกะทันหันครั้งนี้!

ถ้าดาบที่ทั้งทรงพลังและว่องไวนั้นแทงทะลุศีรษะของเขา เขาคงตายทันทีแน่

เห็นการสำแดงเทคนิคของไป๋เหรินชิง ตั้นเฉี่ยวเทียนพลันเกิดความเข้าใจในแนวคิดสำคัญบางอย่างขึ้นมา

“กุญแจของศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 อยู่ที่ความรวบรัดเด็ดขาดของการโจมตี ไม่ใช่ความเร็ว เมื่อคุณแน่ใจว่าจะสามารถเล่นงานคู่ต่อสู้ได้แล้วเท่านั้นถึงควรจะโยนดาบออกไป ซึ่งก็แน่นอนว่านั่นหมายถึงคุณจะต้องสามารถทำนายกระบวนท่าต่อไปของคู่ต่อสู้ อีกทั้งมองเห็นข้อบกพร่องของพวกเขา”

แก่นสารของศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ไม่ใช่พละกำลังหรือความเร็ว แต่อยู่ที่การโจมตีจุดอ่อนในการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้

นั่นคือหัวใจของศิลปะเพลงดาบ ส่วนการโยนดาบเป็นเพียงส่วนที่ผิวเผินที่สุดของเทคนิคนั้น