“นี่ นี่หินตกลงมาจากท้องฟ้าอีกแล้วเหรอ?”
“รีบหาที่หลบ!” หม่าฮ่วาหลงตะโกนพูด มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่า การโจมตีครั้งนี้มันรุนแรงกว่าไฟของเมื่อกี้มาก
ถึงขั้นมีนักบู๊บางคนหลบไม่ทัน แล้วถูกหินตกใส่จนสลบไปแล้ว
“ไอ้ค่ายกลบ้านี้ กูจะทำลายมันให้ได้!” หนึ่งในผู้บาดเจ็บ มีคนหนึ่งที่เป็นคนของสำนักเฟิงหยวน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของสำนักเฟิงหยวน หม่าฮ่วาหลงรู้สึกเสียหน้ามาก
เอียนชิงเฉินหัวเราะ “ยังไม่จบเลย”
พูดจบ หินที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็หายไปแล้ว กลับกลายไปท่อนไม้ขนาดยักษ์ ทุบลงมาที่กลุ่มคนโดยตรง
หลังจากที่โดนโจมตีไปแล้วสองครั้ง ตอนนี้พลังชี่แท้ภายในของนักบู๊หลายคนถูกใช้ไปพอสมควรแล้ว ไม่ได้ว่องไวเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งการโจมตีครั้งนี้ ทำให้นักบู๊บาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาก
คนที่ยังยืนหยัดได้ ล้วนเป็นคนที่มีฝีมือที่สูงกว่า และเป็นนักบู๊ที่โดดเด่นของแต่ละกองกำลัง
“ผู้อาวุโสหม่า ผมว่าเราถอยกันก่อนจะดีกว่านะ ใครจะไปรู้ว่าการโจมตีของค่ายกลนี้จะจบลงเมื่อไหร่ อย่ารอให้เราสูญเสียพลังบำเพ็ญไปเกือบหมด เมื่อถึงเวลานั้นมันก็สายไปแล้ว!”
หม่าฮ่วาหลงตอนนี้ที่กำลังเต็มไปด้วยไฟโกรธ ไม่ว่าคำพูดอะไรก็ฟังไม่เข้าหูเลย
“ไม่ ถ้าจะไปพวกนายก็ไปเอง ฉันต้องทำลายค่ายกลนี้ให้ได้ก่อน!”
เอียนชิงเชิงหัวเราะเยาะ “ฉันจะดูว่าแกจะทำลายค่ายกลห้าธาตุกลับหัวนี้ยังไง!”
หลังจากที่ท่อนไม้หายไปแล้ว ก็มาแทนที่ด้วยแท่งน้ำแข็ง ตกลงมาทุบจนผู้คนหัวแตกเลือดออก
“ผู้อาวุโสหม่า ออกไปกันเถอะ!” ผู้คนเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ตอนนี้คนที่ยังยืนหยัดได้เหลือเพียงไม่ถึงแปดคนแล้ว
ตอนนี้พลังชี่แท้ของหม่าฮ่วาหลงเหลือไม่มาก ทำได้เพียงพูดอย่างถอนหายใจ “ถอย!”
คนที่ยังยืนได้ ต่างก็ช่วยกับหามคนที่สลบไปแล้ว คนที่ยังพอเดินได้ก็รีบลุกขึ้น ตามหม่าฮ่วาหลงและพวกเดินย้อนกลับไปทางเดิม
พลังบำเพ็ญของเอียนชิงเชิงก็ถูกใช้ไปไม่น้อย คนพวกนี้จะออกไป เธอก็ต้านไม่ไหวแล้ว
เห็นท่าทางที่น่าอนาถของคนที่ออกมาจากค่ายกล คนของตระกูลหลิ่วต่างก็แอบดีใจ
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
หลิ่วหยวนรีบเดินไปข้างหน้า ไปรับชายหนุ่มคนหนึ่งมาจากหม่าฮ่วาหลง ถามด้วยสีหน้าที่ตกใจ “พี่หม่า บาดเจ็บหรือเปล่า?”
หม่าฮ่วาหลงมองหลิ่วหยวนไปแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลิ่วหยวนไม่ได้แสดงท่าทีที่ดีใจออกมา ในใจก็รู้สึกอับอาย “เฮ้ย เพราะไม่ฟังคำเตือนของน้องหลิ่ว ถึงได้พ่ายแพ้ออกมา รอให้ฉันไปคิดวิธีทำลายค่ายกลนี้มาก่อน ฉันต้องกลับมาทำลายค่ายกลนี้อย่างแน่นอน!”
หลิ่วหยวนแอบหัวเราะในใจ ดูแล้วค่ายกลนี้คงทำให้หม่าฮ่วาหลงได้รับความลำบากอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลิ่วหยวนไม่มีทางที่จะพูดมันออกมาอยู่แล้ว
หลิ่วหยวนพูดอย่างขุ่นเคือง “ได้เลยพี่หม่า รอให้เราหาทางทำลายค่ายกลนี้ได้แล้ว ผมจะมาทำลายค่ายกลพร้อมกับพี่หม่า!”
“ได้ ตกลงตามนี้!” หลังจากการต่อสู้นี้ หม่าฮ่วาหลงกลับมองหลิ่วหยวนสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง
หม่าฮ่วาหลงเห็นผู้คนที่ล้มเจ็บ ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น คนของโลกฝึกบู๊พวกนี้ แม้จะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่เพราะเพิ่งออกมาโลกภายนอก ในใจก็มุ่งตามหาแต่วิชา ไหวพริบจังไม่ค่อยดีนัก
“น้องหลิ่ว นายมีความเห็นคิดเยอะ นายลองพูดมาต่อไปเราควรทำอย่างไรดี?” หม่าฮ่วาหลงถาม
หลิ่วหยวนแอบหัวเราะเยาะในใจ “ถ้าไม่ให้พวกคุณลิมรสความพ่ายแพ้สักครั้ง พวกคุณจะยอมฟังฉันเหรอ?”
คำพูดนี้ก็เช่นกัน หลิ่วหยวนยังคงไม่กล้าที่จะพูดออกมา ใบหน้ายังคงแสดงความเคารพต่อหม่าฮ่วาหลง “พี่หม่า วิธีที่จะทำลายค่ายกลนี้คงไม่สามารถที่จะคิดหาทางได้ในเร็วๆนี้ ผมว่าเราควรเริ่มลงมือจากคนใกล้ชิดของเฉินไต้ซือก่อน ถ้าหากจับตัวพ่อแม่ของเฉินไต้ซือมาได้ แล้วนำมาบีบบังคับคนที่ควบคุมค่ายกล ค่ายกลนี้ก็ต้องถูกทำลายโดยที่เราไม่ต้องโจมตีเลย”
หม่าฮ่วาหลงตาเป็นประกาย ชูนิ้วโป้งให้กับหลิ่วหยวน “ยังคงเป็นน้องหลิ่วที่มีแผนการเยอะ ไป เราไปจับคนในครอบครัวของเฉินไต้ซือ!”