GGS:บทที่ 1116 คอนเสริต
“อาจิ้งจะจัดคอนเสริตวันเสาร์นี้ มีใครสนใจจะเข้าร่วมบ้างรึเปล่า” ณ บริษัทหยุนหยินการบันเทิง ในห้องประชุม หวังซือหยาได้จัดงานประชุมกับดาราในสังกัดของเธอ
“คุณซูจะจัดคอนเสริตเหรอ” หยินหนิงหนิง โจวเสวี่ย หลูจิงยี่ และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็มองหวังซือหยาอย่างนิ่งกริบในทีนทีที่ได้ยิน
นั่นก็เพราะซูจิ้งในตอนนี้มีสถานะที่สูงมากๆในทุกๆด้านจนทำให้ทุกคนนึกสงสัยว่าเขาจะมานั่งจัดคอนเสริตแบบนี้อีกทำไม เรื่องนี้ทำให้ทุกคนสงสัยจนตอบสนองไม่ถูก
“ฉันขอเข้าร่วมค่ะ” หยินหนิงหนิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที การที่เธอมีวันนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะซูจิ้งที่ทำให้เธอเฉิดฉายในวงการได้ขนาดนี้ และด้วยฝีมือในการร้องเพลงของเธอในตอนนี้นั้นคาดได้ว่าอีกไม่ถึงปีก็จะกลายเป็นราชินีเพลงคนใหม่แล้ว นี่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าสามารถช่วยซูจิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“เยี่ยม ต้องรบกวนเธอแล้วนะ” หวังซือหยาพยักหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผม ผม ผมก็ต้องการช่วยด้วยครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรได้มากแค่ไหน” หลูจิงยี่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอายๆ เขานั้นเป็นนักแสดงไม่ใช่นักร้อง แถมฝีมือการร้องเพลงก็ธรรมดามากๆ ถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ว่าทำอะไรในครั้งนี้ได้บ้างแต่ก็อยากจะเข้าร่วมเหมือนกัน
ถึงแม้นี่จะฟังดูตลกไปสักหน่อย แต่ว่าเหล่านักร้องทั้งหลายในที่นี้รู้สึกหวั่นไหวที่ได้ยินว่าซูจิ้งจะจัดคอนเสริตและหยินหนิงหนิงจะเข้าร่วม
เหล่านักร้องต่างก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก เพียงแค่ได้มีโอกาสร่วมงานนี้แน่นอนว่าชื่อเสียงของพวกเขานั้นต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้ดีถึงฝีมือการเล่นกู่จิ้งของซูจิ้งที่สูงล้ำ ตลอดจนฝีมือการร้องเพลงของหยินหนิงหนิงเองที่สูงกว่าใครในที่นี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นไม่อยากจะเข้าร่วมแต่ด้วยฝีมือนั้นกลัวแต่จะไปดึงทั้งสองไว้มากกว่า
“ทุกคนต้องไปร้องเพลงด้วยนะบอกไว้ก่อน” หวังซือหยาพูดออกมาพร้อมทั้งมองทุกคนในห้องทำให้ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าที่เปี่ยมสุขออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าหวังซือหยานั้นห่วงใยความรู้สึกของทุกคนจริงๆ
“แต่ว่า….ขอบอกไว้ก่อนนะว่านอกจากหนิงหนิงแล้ว คนอื่นๆจะไม่ได้ขึ้นคอนเสริตจริงๆหรอกนะ เห็นเขาบอกว่าแค่จะให้ขึ้นคอนเสริตแค่ในนามเท่านั้น” หวังซือหยาบอกออกมา
“ไม่ได้ขึ้นคอนเสริตจริงๆแต่ขึ้นคอนเสริตแค่ในนามเหรอ…..แล้วจะให้พวกเราไปในนามใครอะไรยังไงกันล่ะ” โจวเสวี่ย หยินหนิงหนิง หลูจิงยี่ และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็อึ้งๆและงงๆไปตามๆกัน
“เรื่องนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน น่าจะต้องรอซูจิ้งส่งคนมาบอกอีกทีหนึ่ง แต่ที่แน่ๆคือฉันมั่นใจได้ว่าคอนเสริตของซูจิ้งในครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็รู้เพียงว่าคอนเสริตในครั้งนี้ต้องสร้างความตะลึงพรึงเพลิดแค่เท่านั้นเอง
นั่นก็เพราะในตอนนี้ ซูจิ้งไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งแล้ว เขานั้นยังมีเบื้องหลังที่ทรงพลังอย่างมาก ต่อให้ดาราอันดับหนึ่งของวงการก็ยังต้องนอบน้อมต่อเขา
อีกอย่างตัวซูจิ้งเองนั้นได้ทำเรื่องเหลือเชื่อเอาไว้มากมายไม่ว่าจะ หมอเทวดาทั้งด้านการแพทย์และการเสริมความงาม
แถมยังช่วยเธอในการผลิตผงเสริมความงาม ผงกระชับทรวงอก ผงลดน้ำหนัก ชุดชั้นในกระชับสัดส่วน ผงลบเลือนรอยแผลเป็น และการศัลยกรรมแบบพิเศษ เธอเองก็ใช้สิ่งเหล่านี้ในการช่วยเหลือดาราที่มีปัญหาร้ายแรงจากสภาพร่างกายจนทำให้เธอได้รับเพื่อนกลับมามากมายด้วยเช่นกัน
หากมองจากมุมนี้แบบได้เลยว่าความสำเร็จของเธอนั้นมีซูจิ้งอยู่เบื้องหลังในทุกๆอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือ ซูจิ้งไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเธอเลย
การจัดคอนเสริตในครั้งนี้เธอจึงอยากจะช่วยทำให้มันดีที่สุด ต่อให้เขานั้นเป็นพ่องานจริงๆแต่ยังไงซะเมื่อถึงเวลาเปิดคอนเสริต เขายังไงซะก็ต้องออกไปหน้าเวทีไม่มีเวลามาจัดการเรื่องราวต่างๆอยู่แล้ว
ในบ้านพักหลังหนึ่ง มู่หรงเซียนเอ๋ออยู่ในชุดอยู่บ้านกำลังนั่งซ้อมเล่นกู่จิ้งอยู่ เธอกำลังเล่นเพลงฟีนิกซ์คู่รักที่ซูจิ้งได้บรรเลงเอาไว้
ตอนนั้นเองตัวแทนของเธอก็ได้เปิดเข้ามาและรอจนกว่ามู่หรงเซียนเอ๋อจะบรรเลงจบก่อนที่จะพูดออกมมาว่า “เซียนเอ๋อ ซูจิ้งจะจัดคอนเสริตน่ะ เธอสนใจจะเข้าร่วมรึเปล่า”
“ในเมื่อเขาคิดจะจัดแน่นอนว่าฉันต้องไปสิ ว่าแต่เขานึกยังไงถึงได้จัดคอนเสริตกันนะ” มู่หรงเซียนเอ๋อตาเป็นประกายในทันทีที่ได้ยิน
นับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับซูจิ้งวิทยาลัยการดนตรีไฮ่หลัน เธอประทับใจซูจิ้งเมื่อได้ฟังเพลงฟินิกส์คู่รักในครั้งนั้นอย่างฝังใจ แถมเพลงบรรเลงกู่จิ้งแต่ละเพียงของเขานั้นสำหรับเธอแล้วเรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่รู้ลืมเลยสักเพลง
ถ้าจะบอกให้ชัดๆเธอเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันแต่พอเธอรู้ตัว เวลาซูจิ้งเป็นข่าวที่ไรเธอเองก็อดที่จะสนใจอย่างตามติดไม่ได้สักที
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอโดนข่าวป้ายสี ซูจิ้งยังออกโรงมาเองเพราะเชื่อมั่นในตัวเธอและช่วยเธอให้ได้รับความยุติธรรมจากเรื่องป้ายสีเหล่านั้น ยิ่งทำให้เธอประทับใจและสนใจในเรื่องราวของซูจิ้งเข้าไปอีก
เรียกได้ว่าต่อให้ไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ขอแค่เธอได้ชื่นชอบในความสามารถในความมหัศจรรย์พันลึกและความอัศจรรย์ของชายคนนี้ก็เพียงพอต่อเธอแล้ว
เธอรู้ดีว่าซูจิ้งเองนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ว่าการที่สามารถได้เล่นเวทีกับซูจิ้งได้นี่ทำให้เธอเองอดที่จะใจเต้นแรงและยิ้มออกมาอย่างร่าเริงจนหน้าหมั่นไส้ไม่ได้เลยจริงๆ
“เซียนเอ๋อเอ้ย จะรีบดีใจไปทำไมเนี่ย ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงไปเลยนะ” เมื่อเห็นหน้าตาของมู่หรงเซียนเอ๋อในตอนนี้ ผู้จัดการของเธอก็อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ นั่นก็เพราะตอนนี้น่าตาของมู่หรงเซียนเอ๋อนั้นแดงเป็นลูกมะเขือเทศพร้อมใช้ฝ่ามือของเธอปิดหน้าปิดตาราวกับคิดอะไรไปไกลแล้ว
“ช่วงนั้นเองดูเหมือนจะไม่มีงานอะไรใช่รึเปล่า แถมการที่เจ้มาถามแบบนี้แสดงว่าต้องดูกำหนดการต่างๆมาแล้วด้วย ช่วงนั้นไม่ได้มีอะไรจริงๆใช่ไหม”
“ช่วงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆนั่นแหล่ะ เห็นว่าคอนเสริตของซูจิ้งนั้นจะจัดในช่วงวันเสาร์หน้า และวันนั้นเธอยังไม่มีอะไรนะ” ตัวแทนสาวของเธอพยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วเธอนั้นรู้ดีว่าต่อให้มู่หรงเซียนเอ๋อรับงานไว้เธอก็จะยกเลิกงานเหล่านั้นอยู่ดี เธอจึงจัดการเคลียตารางให้ว่างไว้แล้วตั้งแต่เธอได้ยินเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้บอกมู่หรงเซียนเอ๋อออกไป
“ว่าแต่เจ้ยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมซูจิ้งถึงได้จัดคอนเสริตได้กัน” มู่หลงเซียนเอ๋อถามออกมา
“เห็นเขาบอกว่าอยากจะตอบแทนบรรดาแฟนคลับน่ะ แต่ฉันว่าเขาไม่มีทางทำเพียงแค่นั้นอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าเขานั้นน่าจะใช้คอนเสริตนี้เพื่อประชาสัมพันธ์อะไรบางอย่างนะ ก็ตอนตัวแทนของเขาโทรมานั้นเห็นบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาที่คอนเสริตก็ได้ ขอแค่มีเวลาเข้าร่วมในนามของตัวเองก็พอ” ตัวแทนของมู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมา
“ห้ะ แล้วนี่เขาจะให้ฉันร้องเพลงโดยไม่ต้องไปที่นั่นอ่ะนะ” มู่หรงเซียนเอ๋อมีท่าทีสงสัยในทันที
“อันนี้ฉันไม่รู้จริงๆ เห็นตัวแทนบอกว่าจะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง” ตัวแทนของมู่หลงเซียนเอ๋อพูดออกมา
“ไม่เอาอ่ะ ยังไงฉันก็จะไปเข้าร่วม” มู่หรงเซียนเอ๋อตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม นี่เองเมื่อตัวแทนของเธอที่เห็นท่าทางของมู่หรงเซียนเอ๋อก็อดที่จะสายหน้าออกมาด้วยความเอ็นดู
นั่นก็เพราะเธอเองเห็นท่าทีที่มู่หรงเซียนเอ๋อมีต่อเรื่องของซูจิ้งในทุกๆครั้งแล้วทำให้เธอรู้สึกจะอดเอ็นดูสาวน้อยน่ารักคนนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นก็เพราะทุกๆครั้งที่ได้อ่านข่าวซูจิ้ง เธอมักจะอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และหัวเราะชอบใจถึงขนาดเอารูปของเขาไปอวดน้องสาวของตัวเองบ่อยๆ
มู่หรงเซียนเอ๋อนั้นจะให้เรียกว่าเป็นพวกตาถึงตาสูงก็ว่าได้ โดยปกติแล้วเธอไม่ได้สนใจใครแบบนี้เลยสักนิด นี่ขนาดว่าซูจิ้งมีแฟนแล้วนะแต่เธอก็ยังเป็นได้ถึงขนาดนี้
หากซูจิ้งยังไม่มีแฟนล่ะก็ เธอนั้นคิดว่ามู่หรงเซียนเอ๋อกับซูจิ้งนั้นเป็นคู่ที่เหมาะสมกันแบบสุดๆไปเลย
พอคิดถึงว่าทั้งสองนั้นมีความสามารถในการเร่งกู่จิ้งในระดับที่สูงทั้งคู่ และสามารถเล่นกันได้อย่างเข้าขาขนาดนั้นแล้ว ทั้งคู่นั้นช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกเลยจริงๆ หากว่าทั้งสองได้เป็นคู่รักกันจริงล่ะก็ต้องเป็นตำนานบทหนึ่งในวงการบันเทิงได้อย่างแน่นอน
“คอนเสริตของซูจิ้งงั้นเหรอ” นาหลันเฟยที่ได้ยินข่าวนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งไปพักใหญ่เลยทีเดียว
“ใช่ ถึงแม้ว่าวันเสาร์หน้าพวกเราจะติดที่ต้องไปถ่ายรายการทีวีก็จริง แต่ตัวแทนของเขาเองก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงงานก็ได้ ขอแค่มีเวลาว่างสักพักหนึ่งก็พอ” ตัวแทนของนาหลันเฟยพูดออกมา
“ไม่ต้องไปถึงในงานเหรอ…อย่าบอกนะว่าเขาจะถ่ายทอดสดแทน” สิ่งที่แตกต่างระหว่างการดูคอนเสริตกับการถ่ายทอดสดนั้นมันช่างแตกต่างกันมากนัก ไม่อย่างนั้นผู้คนจะขวนขวายหาบัตรเข้าดูคอนเสริตไปทำไมกันล่ะ ต่อให้มันจะเป็นการถ่ายทอดสดหรือสตรีมก็ตามแต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังต่างกันอยู่ดี
ต่อให้เธอนั้นจะสามารถมีส่วนร่วมในการร้องเพลงผ่านการถ่ายทอดสดและสตรีมนั้นก็ตามแต่แน่นอนว่านั่นจะทำให้ผู้ชมรู้สึกแย่เสียมากกว่า
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ตัวแทนของเขาบอกเพียงว่าจะมาคุยรายละเอียดด้วยตัวเองทีหลัง” ตัวแทนของนาหลันเฟยพูดออกมา
“งั้นเอาเป็นตอบตกลงไปก่อนก็แล้วกัน ตอนที่ฉันเองเกือบจะโดนดีดออกจากวงการในตอนนั้นเองเขานั้นก็เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันก็ไม่ได้มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธอะไร แถมเป็นไปได้ว่าคราวนี้เขาอาจจะเล่นเพลงใหม่ด้วย” นาหลันเฟยส่งสายตาที่เป็นประกายออกมาในทันทีตอนที่เธอพูดเรื่องเพลงใหม่ของซูจิ้ง เพราะเธอนั้นรู้สึกได้ว่าในครั้งนี้เป็นไปได้มากเหมือนกันที่จะได้ฟังเพลงใหม่จากซูจิ้ง
เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเพลงบรรเลงกู่จิ้งของซูจิ้ง ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเคืองซูจิ้งตอนที่เขาเหน็บแนมสไปเดอร์แมนเอาไว้
แต่เธอก็ต้องเปลี่ยนมุมมองต่อซูจิ้งตอนที่เขานั้นเข้าไปช่วยผู้คนจากกองเพลิง ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะคิดว่าเขานั้นทำตัวถือดีอวดตัวเกินไปเพราะว่าเพิ่งจะได้รับฉายาว่าเป็นคุณชายสี่
แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้รับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำไปนั้นคือตัวตนของเขาจริงๆ แถมยังปฏิบัติตัวดีอีกด้วย นี่ทำให้เธออ่านซูจิ้งไม่ออกว่าซูจิ้งนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจเรื่องราวต่างๆของซูจิ้งยกเว้นเพียงเรื่องของกู่จิ้งเท่านั้น เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว เรื่องดนตรี ถือว่าต้องมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด
ที่สำคัญที่สุดคือในด้านเพลงบรรเลงกู่จิ้งแล้ว ซูจิ้งถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเหนือผู้คนอย่างไม่มีใครทัดเทียม และนี่ได้ทำให้ใครก็ตามที่ได้เล่นคอนเสริตร่วมกับซูจิ้งถือได้ว่าเป็นเกียรติเลยทีเดียว