เสียงในห้องดังต่อเนื่องเป็นเวลานาน กว่าหนึ่งชั่วยามจึงจะหยุดลง
หัวหน้าขันทีได้สั่งให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว รอเพียงคำสั่งจากเยียลี่ว์อาเป่า แต่เสียงในห้องหยุดไปสักพักแล้ว ก็ไม่มีคำสั่งดังออกมา
ในห้อง เยียลี่ว์อาเป่านอนหอบเหนื่อยอยู่บนตัวหวงฝู่สือเมิ่ง รู้สึกว่ายังไม่พอใจ ยื่นมือออกมา ปัดเส้นผมที่เปียกชื้นบนหน้าผากนาง อยากจะแนบลงบนริมฝีปากนาง แต่เห็นน้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาของหวงฝู่สือเมิ่ง ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ความเร่าร้อนในตัวหายไปในทันที ลุกขึ้นมา แล้วรีบกล่าวขอโทษอย่างร้อนใจว่า “เมิ่งเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าตื่นเต้นมากไป จึงควบคุมไม่อยู่ เจ้าๆๆ”
หวงฝู่สือเมิ่งปิดตาลงไม่พูดจา แต่น้ำตาตรงหางตาก็ยิ่งไหลลงมาเรื่อยๆ
เยียลี่ว์อาเป่ารีบหยิบผ้าข้างๆ ขึ้นมาลวกๆ ช่วยนางเช็ดด้วยท่าทางงุ่มง่าม กล่าวด้วยความเสียใจว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้า… เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ ข้า… ข้า”
หวงฝู่สือเมิ่งลืมตาขึ้นมา มองเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ข้าปวดมาก”
เยียลี่ว์อาเป่าหยุดชะงักไปชั่วครู่ รู้สึกตัวขึ้นมา ก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปสั่งให้พวกเขาตักน้ำร้อนมาเดี๋ยวนี้ ให้เจ้าล้างตัว”
พูดจบ ก็จะวิ่งออกไปทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้” หวงฝู่สือเมิ่งรีบห้ามเขาไว้
เยียลี่ว์อาเป่าหยุดและหันหลังกลับไป
หวงฝู่สือเมิ่งหลบสายตาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เจ้ายังมิได้สวมเสื้อผ้า”
ก้มศีรษะลง มองดูร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง เยียลี่ว์อาเป่ารีบก้มตัวลงไปเก็บเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วคลุมบนร่างกาย เปิดประตูออก แล้วตรัสสั่งออกไปข้างนอกว่า “เตรียมน้ำ”
ในที่สุดองค์ชายรัชทายาทก็ตรัสสั่งเสียที หัวหน้าขันทีรีบตรัสสั่งให้คนยกน้ำเข้าไปในห้องสะอาด แล้วให้สาวใช้ที่ติดตามมาสองคนเข้าไปรอข้างใน ส่วนคนที่เหลือก็ถูกเขาไล่ออกไป
เยียลี่ว์อาเป่าดึงผ้าปูที่นอนขึ้นมา คลุมตัวหวงฝู่สือเมิ่งไว้แน่น อุ้มนางมาที่ห้องสะอาด มองสาวใช้ทั้งสอง ขมวดคิ้ว แล้วสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปเถิด ที่นี่ไม่ต้องการให้พวกเจ้ารับใช้”
ทั้งสองมองหวงฝู่สือเมิ่งที่หลับตาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก้มหน้ารับคำสั่ง แล้วเดินออกไปทันที
หลังจากเยียลี่ว์อาเป่าตรวจดูความร้อนของน้ำแล้ว ก็วางหวงฝู่สือเมิ่งลงในอ่าง
น้ำร้อนค่อยๆ สัมผัสกับตัว หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกว่าร่างกายที่ปวดเมื่อยดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงปิดตาไว้ไม่กล้าลืมตาขึ้นมา นางไม่คิดว่าเยียลี่ว์อาเป่าจะร้อนอกร้อนใจเยี่ยงนี้ กลางวันเสกๆ นางเพิ่งจะเข้าจวน ก็ทำกับนาง หากเรื่องนี้กระจายออกไป ต่อไปนางจะกล้าออกไปพบผู้คนได้อย่างไร
เห็นว่านางยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา เยียลี่ว์อาเป่าเริ่มกังวลเล็กน้อย คิดว่าตัวเองทำนางเหนื่อยมากเกินไป จึงยื่นมือออกมา อยากจะช่วยนางนวดเล็กน้อย ไม่คิดว่า ทันทีที่สัมผัสโดนร่างกายนาง หวงฝู่สือเมิ่งก็ลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจทันที ขดตัวลงเล็กน้อย ดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความตกใจกลัว มองเขาด้วยความกังวลแล้วกล่าวว่า “เจ้า เจ้า เจ้าจะทำอะไร”
เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกตื่นเต้นในใจ เกิดความต้องการของร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเริ่มขรึมลง สูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ แสดงรอยยิ้มที่ปลอบโยนแล้วกล่าวว่า “เจ้าเหนื่อยมิใช่หรือ ข้าจะช่วยเจ้าล้างตัว”
มารู้ตัวอีกทีหวงฝู่สือเมิ่งก็นำร่างกายของตัวเองแช่ลงไปในน้ำทันที เหลือเพียงศีรษะที่ส่ายไปมาบนผิวน้ำอย่างน่าสงสารแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าทำเอง รบกวนเจ้าช่วยหยิบเสื้อผ้าของข้ามาให้ข้าที ”
นางไม่รู้เลยว่าสีหน้าท่าทางเยี่ยงนี้ของนาง ยิ่งกระตุ้นความต้องการของชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้
เยียลี่ว์อาเป่าแค่รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ที่ควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป ก้มศีรษะลง เข้ามาตรงหน้าหวงฝู่สือเมิ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เมิ่งเอ๋อร์ พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว”
หวงฝู่สือเมิ่งหยุดชะงักไปเล็กน้อย ยังไม่ทันเข้าใจความหมายของคำพูดเขา ก็รู้สึกว่าข้างหน้ามืดลงทันที น้ำในอ่างกระเซ็นขึ้นมา ร่างกายที่สูงใหญ่ของชายหนุ่มลงมาในอ่างแล้ว ทันใดนั้นก็เข้าใจความตั้งใจของเขาทันที หวงฝู่สือเมิ่งร้องออกมาอย่างตกใจว่า “ไม่…”
ประโยคถัดไปถูกเยียลี่ว์อาเป่ากลืนเข้าไปในท้องของเขาทันที
ผ่านการทรมานอีกครั้ง หวงฝู่สือเมิ่งเริ่มจากการร้องไห้ออกมาเบาๆ ถึงขอร้องวิงวอนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สุดท้ายมีความสุขสมจนสลบไป เยียลี่ว์อาเป่าจึงจะหยุดลง ปัดเส้นผมที่เปียกชื้นบนหน้าผากของนางอย่างทะนุถนอม อุ้มนางขึ้นมาจากอ่าง สั่งให้คนเปลี่ยนน้ำใหม่ แล้วล้างตัวให้นางใหม่ด้วยความนุ่มนวลและเบามืออย่างอ่อนโยน วางนางลงบนเตียงที่สาวใช้เก็บกวาดทำความสะอาดแล้ว ดึงผ้าห่มบางข้างๆ มา คลุมบนตัวทั้งสองคน นอนลงบนเตียงแล้วกอดนางอย่างมีความสุข
ในที่สุดในห้องก็ไม่มีการเคลื่อนไหวที่น่าอายนั้นแล้ว หัวหน้าขันทีโล่งอก เขากลัวจริงๆ ว่าองค์ชายรัชทายาทจะทำต่อไปเรื่อยๆ จนส่งผลร้ายต่อร่างกายของตัวเอง
จนท้องฟ้ามืดลง เรือนด้านนอกได้จุดโคมไฟแล้ว หวงฝู่สือเมิ่งจึงจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา กะพริบตาที่พร่ามัว ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด
“เจ้าตื่นแล้วหรือ” มีเสียงที่อ่อนโยนของเยียลี่ว์อาเป่าดังขึ้นมาข้างๆ หวงฝู่สือเมิ่งตกใจขึ้นมาทันที เงยหน้ามองไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้า เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เยียลี่ว์อาเป่าหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “ที่นี่คือเรือนหอของพวกเรา แน่นอนว่าข้าต้องอยู่ที่นี่”
สติค่อยๆ กลับมา เหตุการณ์ก่อนที่จะสลบไปผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงก่ำขึ้นมาทันที ดึงผ้าห่มบางๆ ขึ้นมาคลุมลงบนศีรษะของตัวเองทันทีแล้วกล่าวด้วยความโมโหว่า “เจ้าๆๆ เจ้าลุกขึ้นก่อน”
เยียลี่ว์อาเป่ายิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา ลุกขึ้นมา อยากจะดึงผ้าห่มออก
หวงฝู่สือเมิ่งจับแน่นไม่ยอมปล่อย
เยียลี่ว์อาเป่าจนใจ จึงต้องลงจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าแล้วกล่าวว่า “พอแล้ว เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าทำเยี่ยงนี้จะทำให้ตัวเองหายใจไม่ออก”
หวงฝู่สือเมิ่งค่อยๆ ดึงผ้าห่มออก เผยส่วนดวงตาคู่หนึ่งออกมาก่อน เห็นว่าเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จึงแอบโล่งอกเบาๆ แล้วกล่าวถามด้วยสีหน้าที่แดงก่ำว่า “ตอนนี้ยามใดแล้ว”
“ใกล้จะหมดยามโหย่วแล้ว เจ้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว ลุกขึ้นมากินอาหารก่อนเถิด”
คิดขึ้นมาได้ว่าใต้ผ้าห่มนั้นตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไรเลย สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงขึ้นมาอีกครั้งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินว่า “เจ้า เจ้าออกไปก่อน”
มองใบหน้าที่แดงก่ำของนาง ลูกกระเดือกของเยียลี่ว์อาเป่าเคลื่อนลงไปมาหลายครั้ง คลื่นความต้องการตีตื้นขึ้นมาอีกระลอก เขารีบหันหลังเดินออกไปทันทีแล้วกล่าวว่า “ข้าจะเรียกคนมารับใช้เจ้า”
หวงฝู่สือเมิ่งรีบห้ามเขาไว้ “ไม่ต้อง ข้าทำเอง”
ตั้งแต่เด็ก พวกนางทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง ไม่เคยให้ผู้ใดทำให้ ตอนนี้ให้คนมารับใช้ นางไม่ชิน
เยียลี่ว์อาเป่าก็มิได้บังคับ เปิดประตูห้อง เดินออกไป แล้วปิดประตูห้องเบาๆ
ได้ยินเสียงเท้าเดินของเขาไปไกลแล้ว หวงฝู่สือเมิ่งจึงจะกัดริมฝีปากแล้วลุกขึ้นนั่ง คลุมผ้าห่มลงจากเตียง เปิดกล่องของตัวเอง หยิบเสื้อผ้าใหม่ขึ้นมาสวมใส่ แล้วจัดเตียงให้สะอาดเรียบร้อย พับผ้าห่มให้เรียบร้อย ทำทุกอย่างจนเสร็จหมดแล้ว จึงจะนั่งรออยู่บนเตียง
เยียลี่ว์อาเป่ายกอาหารเข้ามาด้วยตัวเอง มองเห็นเตียงที่สะอาดเรียบร้อย กะพริบตา เดินมาข้างโต๊ะ วางอาหารลง ยิ้มแล้วกล่าวกับนางว่า “รีบมากินเถิด ดูว่าถูกปากเจ้าหรือไม่”
หวงฝู่สือเมิ่งเดินมา เห็นว่าทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่นางชอบ ก็มองไปที่เขาอย่างแปลกใจ
เยียลี่ว์อาเป่ายิ้มแล้วอธิบายว่า “หลายปีมานี้ข้าให้คนไปสืบความชอบของเจ้าอย่างละเอียด เจ้าลองชิมดูว่าถูกปากเจ้าหรือไม่”
สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงขึ้นมาทันที แล้วนั่งลง
เยียลี่ว์อาเป่าหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบผักใส่ลงไปในถ้วยที่อยู่ข้างหน้านางแล้วกล่าวว่า “เจ้าคงหิวมากแล้วสิ รีบกินเถิด”
ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน หวงฝู่สือเมิ่งหิวมากแล้วจริงๆ หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วเคี้ยวช้าๆ แล้วกลืนลงไปช้าๆ
เยียลี่ว์อาเป่ามองนางด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกถึงสายตาที่เร่าร้อนของเขา ก็คีบผักให้เขาด้วยสีหน้าแดงก่ำแล้วกล่าวว่า “เจ้าก็กินเถิด”
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ก็เรียกให้คนเก็บถ้วยชามตะเกียบ ส่วนทั้งสองก็นั่งอยู่ในห้องเงียบๆ
หวงฝู่สือเมิ่งกุมมือแน่น นั่งตัวเกร็งไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ส่วนเยียลี่ว์อาเป่านั้นเหมือนมองนางอย่างไรก็ไม่พอ สายตาจดจ่ออยู่ที่นางตลอดเวลา
ถูกเขามองจนคอแห้ง หวงฝู่สือเมิ่งจึงพยายามหาเรื่องคุยว่า “เจ้า”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ เยียลี่ว์อาเป่าที่นั่งมองนางก็ลุกขึ้นมาทันที เดินมาข้างหน้านางแล้วกล่าวว่า “เหนียงจื่อ[1] ไม่เช้าแล้ว พวกเราควรพักผ่อนแล้ว”
อาการปวดเมื่อยร่างกายยังอยู่ เตือนนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ แต่เยียลี่ว์อาเป่าก็คะยั้นคะยอหวงฝู่สือเมิ่งอ้าปากเล็กน้อย มองเขาอย่างตกใจ จนลืมปฎิเสธ
เยียลี่ว์อาเป่าโน้มตัวอุ้มนางขึ้นมา แล้วเดินตรงไปที่เตียงใหญ่
วันที่สอง หวงฝู่สือเมิ่งก็มิได้ออกจากห้องอีกหนึ่งวัน อาหารก็เป็นเยลี่ว์อาเปาที่ไปยกมาจากห้องครัวด้วยตัวเอง
หัวหน้าขันทีเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวัง แต่ไท่จื่อเฟยก็ไม่รู้ธรรมเนียมประเพณีเลยหรือ อย่างน้อยนางก็ควรออกมาแสดงตัว สั่งสอนลูกน้องเหล่านี้ในจวนบ้าง
ส่วนสาวใช้ที่ติดตามมากลับดีใจกันเป็นอย่างมาก ไท่จื่อรัฐหมิงท่านนี้รักท่านหญิงน้อยมากเยี่ยงนี้ หากซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยรู้จะต้องดีใจเป็นอย่างมากแน่นอน
ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร เพียงพริบตาเดียวก็ถึงวันที่สามที่ต้องกลับจวนอ๋องฉีแล้ว พอรับประทนอาหารเช้าเสร็จ ตรัสสั่งให้คนเตรียมสิ่งของให้พร้อม เยียลี่ว์อาเป่าขี่ม้าให้หวงฝู่เส่อเมิ่งนั่งกลับจวนอ๋องฉีด้วยตัวเอง
นายประตูเขย่งขามองไปที่ถนนบ่อยครั้ง เห็นรถม้ามาแล้ว ก็ไม่ได้ออกไปต้อนรับ แต่กลับหันหลังวิ่งเข้าไปรายงานในจวนอย่างรวดเร็วว่า “ท่านหญิงน้อยและลูกเขยกลับจวนมาแล้วขอรับ”
สองวันนี้ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีต่างพักผ่อนไม่ดีเท่าไหร่ กังวลอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่ได้ยินคำรายงานของนายประตูก็อยากจะออกมาต้อนรับ แต่ถูกหวงฝู่อี้เซวียนห้ามไว้
หวงฝู่เย่าเย่ว์ หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยต่างวิ่งออกมาหน้าประตูจวนอย่างรวดเร็ว เห็นว่ารถม้าหยุดอยู่หน้าประตูจวนพอดี ก็รีบเดินออกไปต้อนรับอย่างดีใจ กล่าวทักทายเยียลี่ว์อาเป่าก่อนว่า “พี่เขย”
เยียลี่ว์อาเป่าตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมดแล้ว หลังจากตอบรับอย่างดีใจแล้ว ก็หยิบซองแดงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อสามซอง ยื่นให้ทั้งสามคนแล้วกล่าวว่า “รับไว้ พี่เขยไม่ได้ซื้อของขวัญอะไรให้พวกเจ้า ในนี้คือตั๋วเงิน พวกเจ้าชอบอะไรก็ไปซื้อด้วยตัวเองเถิด”
“ขอบพระทัยพี่เขย” ทั้งสามรับมา แล้วขอบคุณอย่างมีมารยาท
ผ้าม่านบนรถม้าถูกเปิดออก ใบหน้าเล็กที่งดงามของหวงฝู่สือเมิ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน
“พี่ใหญ่”
“พี่ใหญ่”
“พี่ใหญ่”
ทั้งสามเรียกออกมาพร้อมกันอย่างดีใจ
หวงฝู่สือเมิ่งตอบรับ แล้วเดินลงมาจากรถม้าด้วยรอยยิ้ม ลูบหัวทั้งสามคน แล้วกล่าวกับหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวที่เดินออกมาทีหลังว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่”
เยียลี่ว์อาเป่าก็เรียกตามด้วยท่าทางเกร็งๆ ว่า “พ่อตา แม่ยาย”
มองหวงฝู่สือเมิ่งที่เปล่งแสงสว่างของความสุขที่ออกมาจากภายในสู่ภายนอก หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวจึงดีใจเป็นอย่างมาก กล่าวกับเยียลี่ว์อาเป่าด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนว่า “เข้ามาในจวนก่อนเถิด ท่านปู่และท่านย่ารอนานแล้ว”
[1] เหนียงจื่อ คำใช้เรียกภรรยา