ภายในตึกใจกลางสำนักวายุคลั่ง ตอนนี้หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหล่าผู้คนของสำนักวายุคลั่งด้วยสายตาเหยียดหยาม
คนเหล่านี้ทั้งหมดไม่มีท่าทีที่จะต่อต้านใด ๆ เลยต่อเหล่าอสูรเมื่อพวกเขาเห็นหลงหยากินมนุษย์
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีปฏิกิริยาแค่สับสน หวาดกลัว คุกเข่าขอความเมตตา หรือบางคนที่หนักหน่อยก็มีสีหน้าที่ดูซาบซึ้งกินใจกับคำพูดของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง ไม่มีใครเลยสักคนที่มีสีหน้าอยากจะต่อต้านหรือไม่ยินยอมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
ดังนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไรที่จะให้คนเหล่านี้มีชีวิตอยู่ต่อไป?
หลิงตู้ฉิงพาหมิงยู่เดินออกจากตึกใจกลางสำนัก ซึ่งในระหว่างที่เขาเดินออกมา เขาพูดกับหมิงยู่ว่า “เดี๋ยวเจ้าจงไปฆ่าพวกพวกคนของสำนักวายุคลั่งให้หมด และดูดพลังของพวกมันมาเป็นของเจ้าเพื่อคืนระดับการบ่มเพาะร่างโลหิตอมตะของเจ้าให้กลับไปอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์เหมือนเดิม”
หมิงยู่อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ากังวลและพูดว่า “นายท่าน แต่ข้าเกรงว่าพวกเขาบางคนจะแข็งแกร่งเกินไปจนข้าฆ่าพวกเขาไม่ได้”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “เจ้าจงสังหารพวกคนที่อ่อนแอที่สุดก่อนเพื่อดูดพลังจากพวกมันมา จากนั้นพวกที่แข็งแกร่งที่เหลือเดี๋ยวข้าจะใช้ค่ายกลป้องกันของสำนักพวกมันสยบพวกมันเอง จากนั้นเจ้าค่อยจัดการพวกที่เหลืออยู่”
หมิงยู่พยักหน้า “ถ้าหากนายท่านช่วยข้าแบบนี้ งั้นมันก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”
ในเวลาเดียวกัน หลงหยาตอนนี้จ้องเขม็งไปที่หลีต้าฉิง และกลุ่มคนระดับสูงของสำนักวายุคลั่งและพูดว่า “ใครเป็นคนรับหน้าที่ควบคุมประตูเคลื่อนย้าย? เปิดใช้งานมันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน และคุกเข่าลงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า “ผู้อาวุโส โปรดเมตตาด้วย ตอนนี้ข้าควบคุมประตูเคลื่อนย้ายไม่ได้เลยจริง ๆ!”
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดขึ้นด้วยสีหน้าดุดันว่า “ในเมื่อประตูเคลื่อนย้ายใช้งานไม่ได้ ถ้างั้นก็จงปิดค่ายกลป้องกันสำนักของพวกเจ้าซะ พวกข้าจะได้ออกไปจากที่นี่!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “นายท่าน ตอนนี้ข้าเองก็ไม่สามารถควบคุมค่ายกลป้องกันสำนักได้เหมือนกัน ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ค่ายกลป้องกันสำนักไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของข้าเลย ทุกอย่างมันดูแปลกประหลาดไปหมด!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเริ่มจะรู้สึกกังวลขึ้นเรื่อย ๆ เขาหันไปหาหลงหยา และพูดว่า “ถ้างั้นท่านจงทำลายค่ายกลป้องกันนี้ซะ พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่!”
เขารู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันดูผิดปกติเกินไป เขาจำเป็นต้องรีบออกจากที่นี่ทันที
เมื่อได้ยินคำสั่ง หลงหยาจึงรีบใช้อาวุธจักรพรรดิของเขาฟาดฟันเข้าไปที่ม่านพลังของค่ายกลป้องกันสำนักอย่างเต็มกำลังในทันที แต่น่าเสียดายที่ม่านพลังของค่ายกลป้องกันสำนักวายุคลั่งนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใด ๆ เลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ตอนนี้ทุกคนจึงแน่ใจแล้วว่าพวกเขาทุกคนกำลังมีปัญหาใหญ่
หลงหยาตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “พวกเจ้าทุกคนจงช่วยข้าทำลายไอ้ค่ายกลป้องกันสำนักของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ หากใครไม่ใช้พลังจนสุดแรงเกิดแล้วล่ะก็ข้าจะกินพวกเจ้าทุกคนซะให้หมด!”
หลีต้าฉิงสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลงหยา เขารีบโคจรพลังของตัวเองจนถึงจุดสูงสุดและรีบโจมตีไปที่ม่านพลังของค่ายกลป้องกันสำนักในทันที
แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มโจมตี จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากข้างหลัง
“ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่เลวเลยจริง ๆ พวกเจ้าสำนักวายุคลั่งทั้งหมดนี่ช่างเดินตามรอยบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ดีเหมือนในอดีตจริง ๆ” เสียงของหลิงตู้ฉิงดังขึ้น
“ไปตายซะ!” หลงหยาตะโกนลั่นพร้อมกับโจมตีไปที่หลิงตู้ฉิงทันที
แค่เพียงเขาได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เขาก็รู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงคือศัตรูและเป็นตัวการของเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงโจมตีทันทีอย่างไม่ลังเล
แต่น่าเสียดายที่การโจมตีของหลงหยาทั้งหมดนั้นถูกสะกัดไว้โดยอำนาจของค่ายกลป้องกันสำนักวายุคลั่งจนหมด
ม่านพลังธาตุลมนับสิบชั้นปรากฏขึ้นรอบกายของหลิงตู้ฉิง
หลีต้าฉิงจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิง และตะโกนถามขึ้นทันที “เป็นเจ้าใช่ไหมที่แทรกแซงค่ายกลป้องกัน และประตูเคลื่อนย้ายสำนักของข้า!”
“ถูกต้องแล้ว!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
“คืนอำนาจควบคุมให้ข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าจะรอดจากสำนักของข้าไปได้!” หลีต้าฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นี่ถ้าเจ้าดุดันได้แบบนี้กับพวกอสูร ข้าคงจะอนุญาตให้สำนักของเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้ากลับเลือกทางเดินผิด ดังนั้นในวันนี้มันเป็นพวกเจ้าเองต่างหากที่จะต้องตายกันทั้งหมด!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงโบกมือส่งสัญญาณให้หมิงยู่ลงมือในทันที ซึ่งหมิงยู่ก็กลายร่างเป็นเงาโลหิตพุ่งเข้าหาผู้เชี่ยวชาญของสำนักวายุคลั่งที่อยู่ใกล้นางมากที่สุด
เหยื่อรายแรกที่หมิงยู่ผสานร่างเข้าไปด้วยคือผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ ซึ่งนางใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นในการดูดพลังของเขาจนหมด จากนั้นนางก็พุ่งเข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญคนถัดไปในทันที
“วิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ วิชามหาเวทย์สูบโลหิต!” หลงหยาตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “นี่เจ้าเป็นคนของสำนักวิญญาณโลหิตใช่ไหม? ในอดีตสำนักของเจ้ากับเผ่าอสูรของข้านั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำไมเจ้าถึงไปรับใช้ไอ้สารเลวคนนี้ได้? จงช่วยพวกข้าฆ่าเขาซะ แล้วข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!”
หลงหยารู้ว่าวิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นวิชาที่แปลกประหลาดที่สามารถโจมตีผ่านม่านพลังของค่ายกลป้องกันต่าง ๆ ได้
ตราบใดที่หลิงตู้ฉิงตายลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้จะคลี่คลายลงในทันที
แต่น่าเสียดายที่หมิงยู่ไม่สนใจคำพูดของหลงหยาเลยแม้แต่น้อย นางยังคงไล่ฆ่าเหล่าผู้คนของสำนักวายุคลั่งอย่างสนุกมือ
นางไม่มีความคิดที่จะปราณีผู้คนเหล่านี้ที่จับมนุษย์มาสังเวยให้เผ่าอสูรกินอย่างหน้าตาเฉย นางเองมีความคิดต้องการที่จะฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดไม่น้อยไปกว่าหลิงตู้ฉิงแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นว่าหมิงยู่ไม่ฟังอะไรเขาเลย หลงหยาจึงหันไปหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “นี่เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกข้าแบบนี้?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “ข้าเป็นใครงั้นเหรอ? ข้าคือคนที่พวกเจ้าเผ่าอสูรไม่อาจล่วงเกินได้ยังไงล่ะ!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงหันไปหาหมิงยู่ และพูดว่า “เจ้าใช้เวลานานมากเกินไป กลับมานี่ก่อน เดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าให้กับเจ้า เจ้าจะได้ฆ่าพวกเขาได้ง่ายและไวขึ้น!”
หมิงยู่รีบพุ่งกลับมาหาหลิงตู้ฉิง และตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ขอบคุณนายท่าน!”
หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อหลิงตู้ฉิงถ่ายทอดมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าเสร็จเรียบร้อย หมิงยู่หัวเราะชอบใจและพูดว่า “นายท่าน ค่ายกลที่ท่านถ่ายทอดให้ข้านี้มันช่างเหมาะกันกับวิชาโลหิตอมตะของข้าดีจริง ๆ ไม่สิ มันช่างเหมาะที่จะเป็นวิชาหลักของสำนักวิญญาณโลหิตมาก ๆ เลย!”
“เจ้าสามารถเรียนรู้และใช้มันได้อย่างเดียว เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดมันให้กับคนอื่น” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
หมิงยู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “หมิงยู่ รับทราบแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หมิงยู่ก็ยังคงไม่โจมตีผู้คนของสำนักวายุคลั่ง นางนั่งลงที่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงแทนเพื่อทำความเข้าใจกับมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าที่นางเพิ่งได้รับการถ่ายทอดมา
ในเวลาเดียวกัน โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และถามขึ้นว่า “นี่เจ้ารู้จักมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่าได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าค่ายกลนี้มันหายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนที่ผู้นำของสำนักวิญญาณโลหิตตายไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้างั้นเจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าเขา?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ
“มหาราชันย์ผู้โหดเหี้ยมแห่งตำหนักไร้หทัย…” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดผวา “อย่าบอกนะว่า…เป็นท่านเองงั้นเหรอ? นะ นี่ มันไม่จริงใช่ไหม?”
“เจ้าเดาได้แม่นดีจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ไม่ใช่ว่าท่านสูญสลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งเริ่มมีเหงื่อแตกไปทั่วร่าง “ท่านผู้อาวุโส โปรดละเว้นผู้เยาว์ด้วยเถอะ โปรดอย่าถือสาผู้เยาว์ที่ล่วงเกินท่านเลย!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ได้! ข้าจำเป็นต้องใช้บางสิ่งบางอย่างจากเจ้า!”