ตอนที่ 2,062 : เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…เปลี่ยนท้าสวรรค์!
ฟังจากคำของชายชราชุดเขียวผู้นี้แล้ว…
ที่แท้มันก็คืออาจารย์ของก่านหรูเยี่ยน 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!
ชิงหั่ว!
เมื่อเกือบๆเดือนที่แล้วชิงหั่วได้รับหยกบันทึกเสียง ที่ศิษย์ส่วนตัวของมันอย่างก่านหรูเยี่ยนฝากคนมาส่งให้…
ในหยกบันทึกเสียงนั้น ก่านหรูเยี่ยนกล่าวบอกให้มันช่วยดูแลศิษย์ที่แท้จริงนามต้วนหลิงเทียนที่กำลังทำงานอยู่ในหอคุมกฏเพื่อนาง
ชิงหั่วเองก็เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนมาบ้าง ทว่าไม่ได้สนใจจะรับรู้อะไรมากมายนัก
จนเมื่อได้รับหยกบันทึกเสียงจากก่านหรูเยี่ยนทั้งฟังคำร้องขอ จึงเริ่มบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนผู้นี้ขึ้นมา จึงลองสืบดู และพอได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด ยังอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเสียงดัง
ศิษย์ใหม่ผู้นี้ทั้งๆที่ยังอยู่ในลัทธิบูชาไฟไม่ถึงปี กลับก่อเรื่องราวใหญ่โตเอาไว้มากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังล่วงเกินชนชั้นอาวุโสไปหลายคน!
ที่สำคัญที่สุดคือกล้าล่วงเกิน ต่งหยวนจิ้น รองจ้าวหอคุมกฏ! ซึ่งถือเป็นอาวุโสที่มีฐานะสูงทัดเทียมกับอาวุโสเพลิงทองระดับต้นๆ!!
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชิงหั่วจึงให้ความสนใจกับหอคุมกฏนัก ทว่ามันกลับพบว่าต่งหยวนจิ้นไม่ได้ลงมือลงไม้อะไร
อย่างไรก็ตามในฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ
ชิงหั่วย่อมสืบเรื่องราวไม่ยาก จึงได้รู้ว่า ไม่ใช่ต่งหยวนจิ้นไม่ลงมือทำอะไร
ทว่าผู้ช่วยที่ต่งหยวนจิ้นส่งไปให้เป็นเบี้ยในมือบุตรชายอย่าง เถียนตง อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ กลับถูกต้วนหลิงเทียนขู่จนไม่กล้าลงมือ!
ไม่เพียงแต่จะไม่กล้าลงมือ ยังยืนนิ่งมองต่งหลินถูกต้วนหลิงเทียนตบจนหน้าบวมเป็นหัวหมู!
หลังสืบพบเรื่องนี้ชิงหั่วยิ่งมาก็ยิ่งบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนที่มันไม่เคยพบเจอมาก่อนนัก ทว่ายังไม่คิดจะรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์แต่อย่างไร
ทว่ามาวันนี้ พอได้ยินเรื่องต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะปู้หง อันดับ 2 ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงได้อย่างราบคาบ จึงกระตุ้นใจรักอัจฉริยะของมันขึ้นมาทันที หมายรับตัวต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ส่วนตัวขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้มันจึงมาปรากฏตัวที่นี่แบบนี้
“ต้วนหลิงเทียน!”
ชิงหั่วเองก็เป็นคนตรไปตรงมาผู้หนึ่ง ในเมื่อมันบังเกิดจิตคิดอยากรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ ก็ไม่คิดทำอะไรเวิ่นเว้อ เลือกที่จะเรียกต้วนหลิงเทียนมาถามตรงๆ
เสียงอันบรรจุไว้ด้วยพลังเซียนต้นกำเนิด ดังผ่านม่านพลังลงไปถึงคฤหาสน์ต้วนหลิงเทียนทันที
“หืม?”
และต้วนหลิงเทียนที่อยู่ภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ย่อมได้ยินเสียงนี้เป็นธรรมดา อดสงสัยไปไม่ได้ “ใครมาเรียกข้ากัน?”
“พลังฝึกปรือของคนผู้นี้ อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ไม่แน่อาจจะเหนือกว่านั้น”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัย ร่างผู้เฒ่าหั่วพลันปรากฏขึ้นในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม
“เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนงั้นเหรอ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใดเมื่อได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว
วาจาผู้เฒ่าหั่วเขาไม่คิดสงสัย
อย่างไรก็ตามเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน เป็นตัวตนที่เขาในตอนนี้ไม่อาจไม่กลัว
เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ รู้จักกันในนาม เปลี่ยนท้าสวรรค์
เพราะเมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้ นั่นหมายความว่าสามารถทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการอายุขัยไปได้สำเร็จ สามารถมีชีวิตอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!
แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์ปกตินั้นจะไม่มีวันตาย
แต่ทว่าหากถูกฆ่า ก็ยังต้องตาย!
“ในลัทธิบูชาไฟ ดูเหมือนจะมีแค่ 4 คนเท่านั้นที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…นั่นคือจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังเซวียน และผู้พิทักษ์ทั้ง 3 อันได้แก่ ผู้พิทักษ์ลม ผู้พิทักษ์ไฟ ผู้พิทักษ์เมฆ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบ่นพึมพำ “คนที่มาหาข้าได้สมควรเป็น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์แน่…แต่มีเรื่องอะไรกับข้ากัน?”
หลังจากคาดเดาความเป็นมาของเจ้าของเสียงเรียกได้คร่าวๆ ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติ ค่อยเดินออกจากห้อง จนในที่สุดก็ออกจากคฤหาสน์
เมื่อออกจากคฤหาสน์แล้ว เขาก็เหินร่างลอยขึ้นไปบนฟ้าทันที
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้แลเห็นชายชราในชุดสีเขียวลอยร่างรอคอยอยู่อย่างสงบ
ตั้งแต่ที่มาถึงลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนพบว่าไม่ว่าจะเป็นใครฐานะสูงต่ำเพียงไหนล้วนต้องใส่ชุดสีขาวทั้งสิ้น ที่ต่างกันก็คือลายปักเปลวเพลิงบนชุดเท่านั้น
ในลัทธิบูชาไฟเขาไม่เคยเห็นใครที่ไม่ใส่ชุดสีขาว นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆ!
ด้วยสิ่งนี้ทำให้เขาทราบทันทีว่าฐานะของอีกฝ่ายในลัทธิบูชาไฟต้องไม่ธรรมดาแน่ และสมควรเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้
ชายชราในชุดเขียวผู้นี้ สมควรเป็น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ
วูบ!
หลังจากนั้นไม่นานร่างต้วนหลิงเทียนก็เหินมาหยุดลอยเบื้องหน้าร่างชราไม่ไกล
ชายชราชุดเขียวเพียงลอยร่างกลางหาวอย่างเงียบงัน ทัวกายไร้กลิ่นอายพลังอะไรราวกับมันเป็นเฒ่าชราธรรมดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนทราบดี ว่าการปกปิดกลิ่นอายได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ มีเพียงชนชั้นสุดยอดฝีมือระดับสูงๆเท่านั้นที่กระทำได้ พลังฝีมือสมควรบรรลุถึงขอบเขต สูงสุดหวนคืนสู่สามัญ
“ยินดีที่ได้พบ ผู้พิทักษ์”
เมื่อลอยร่างมาถึงเบื้องหน้าชายชราชุดเขียว ต้วนหลิงเทียนก็ประสานมือคารวะกล่าวทักทายออกไปด้วยรอยยิ้มทันที
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ?”
ต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็กล่าวคำ ผู้พิทักษ์ ออกมา ทำให้ชิงหั่วแปลกใจเล็กน้อย อดถามออกมาด้วยสงสัยไม่ได้
“ในลัทธิบูชาไฟเกรงว่าจะมีแต่จ้าวลัทธิกับผู้พิทักษ์ทั้ง 3 เท่านั้น ที่จะมีลักษณะสง่างามน่าเกรงขามเช่นนี้…เช่นนั้นก็ไม่ยากที่จะคาดเดา”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกรวดเดียวจบ ไม่มีอาการประหม่าอะไรแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันเขาก็ยืนยันได้อย่างมั่นใจแล้ว ว่าเบื้องหน้าเป็นชนชั้นผู้พิทักษ์จริงๆ
สำหรับเรื่องที่ทำให้เขาคาดเดาได้แต่แรกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้พิทักษ์นั้น ไม่ใช่ลักษณะสง่างามน่าเกรงขามอะไรทั้งสิ้น แต่ล้วนเป็นเพราะผู้เฒ่าหั่วบอกว่าพลังฝึกปรืออีกฝ่ายคือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งอาจจะเหนือกว่านั้น
และในลัทธิบูชาไฟ ก็มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่บรรลุถึงขอบเขตดังกล่าว
ทว่า ‘ถังเซวียน’ จ้าวลัทธิบูชาไฟกำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่
เช่นนั้นก็เหลือแต่ผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ของลัทธิบูชาไฟ
ก็แค่เขาไม่ทราบว่าชายชราชุดเขียวเบื้องหน้า เป็นใครในบรรดา 3 ผู้พิทักษ์กันแน่
“สหายน้อยเจ้ายังรู้จักกล่าวคำประจบผู้คนด้วยหรือ…ข้านึกว่าเจ้ารู้จักแต่ก่อเรื่องเท่านั้น”
ชิ่งหั่วอึ้งไปไม่น้อยหลังได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมายิ้มกล่าว
“ท่านผู้พิทักษ์ล้อข้าเล่นแล้ว…ข้าไหนเลยจะเคยเป็นฝ่ายก่อเรื่องอะไรก่อน”
ได้ยินคำของชายชราชุดเขียว ต้วนหลิงเทียนก็ทราบได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรสืบเรื่องราวมาหมดแล้ว ว่าตั้งแต่มาอยู่ลัทธิบูชาไฟเขาทำอะไรไปบ้าง
แต่เขามั่นใจว่าคำที่เขากล่าวออกไปนั้น มีเหตุผล!
เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับใครก่อน
“ไม่เคยคิดก่อเรื่องกับผู้ใดก่อน?”
ชิงหั่วส่ายหน้ามองต้วนหลิงเทียน กล่าวหยอกล้อว่า “การกระทำของเจ้ากับผู้อื่นสามารถกล่าวได้ว่ามิเคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน…แต่เท่าที่ข้ารู้กับ ‘เวินเยี่ยน’นั่น มิใช่ว่านางกับเจ้าไม่เคยพบกันมาก่อนหรือไร…”
“เช่นนั้นหมายความว่าเจ้ากับนางมิเคยมีเรื่องบาดหมาง…แล้วไฉนเจ้าถึงได้เป็นฝ่ายริเริ่มทุบตีนางให้อับอายต่อหน้าผู้คนด้วยเล่า หรือเจ้าจะบอกว่านี่ยังไม่ใช่เจ้าเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน?”
ท้ายประโยคน้ำเสียงของชิงหั่วเผยความหยอกล้อออกชัด
“ไม่ใช่แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าวยืนกรานปฏิเสธออกมาอย่างชอบธรรม “เวินเยี่ยนไม่ได้ยั่วยุข้าก่อนก็จริง…แต่ข้าไม่อาจทนได้เมื่อมีฝุ่นทรายขัดตา! ก็แค่จัดการขยะในลัทธิบูชาไฟเท่านั้น”
“คนน่ารังเกียจเช่นนี้พบเจอคราหนึ่งก็ทุบตีทีหนึ่ง กระทั่งจะทุบตีให้มากหน่อยก็ไม่ถือว่ากระทำเกินเลย”
วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนยังกล่าวออกมาราวกับผู้ผดุงคุณธรรม ประหนึ่งการทุบตีทำร้ายเวินเยี่ยนเป็นการลงมือแทนฟ้า พิพากษาคนชั่ว!
“ไฉนข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามากคุณธรรมถึงขั้นนี้…ที่แท้เจ้ากับก่านหรูเยี่ยนมีสัมพันธ์อันใดกันแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดอันเปี่ยมล้นไปด้วยความชอบธรรมของต้วนหลิงเทียน ชิงหั่วก็ชักสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายก็เลือกที่จะกล่าวถามออกมาตรงๆไม่คิดอ้อมค้อมอะไรสืบไป ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนมีสัมพันธ์อะไรกับก่านหรูเยี่ยนกันแน่
ราวกับมันมองออกแล้ว
ว่าต้วนหลิงเทียนทำร้ายเวินเยี่ยนเพื่อก่านหรูเยี่ยน
“ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว ระหว่างข้ากับลูกศิษย์ของท่านมีสัมพันธ์กันอย่างไร ท่านไปกล่าวถามลูกศิษย์ของท่านโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ ไฉนต้องลำบากมาถามข้าถึงที่นี่เล่า?”
เผชิญหน้ากับคำถามนี้ของชิงหั่ว ต้วนหลิงเทียนที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมเมื่อครู่ พลันแย้มยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยทันที
“หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือ ชิงหั่ว?”
ชิงหั่วประหลาดใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน
“ในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 3 คนอื่นข้าไม่รู้ แต่เกรงว่ามีแต่ผู้พิทักษ์ชิงหั่วท่านเท่านั้นที่จะอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึง เวินเยี่ยน…เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นนางที่แจ้งจับศิษย์ส่วนตัวของท่าน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
นั่นเพราะเมื่อตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยคำ เวินเยี่ยน แม้จะน้อยนิดแต่ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าคนทั่วไปคงยากจะตรวจจับอารมร์ที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยนั่นได้
ทว่าในฐานะราชันสรรพวุธ ทหารรับจ้างมือหนึ่งของโลกเมื่อชีวิตที่แล้ว ความสามารถในการสังเกตของต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรที่เหนือกว่าผู้อื่นมากมายนัก แม้อารมณ์จะแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพียงใดเขาย่อมสัมผัสได้ทั้งสิ้น เช่นนั้นจึงยืนยันตัวตนอีกฝ่ายได้ทันทีว่าคือ ชิงหั่ว
เพราะในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ของลัทธิบูชาไฟ มีเพียงชิงหั่วเท่านั้นที่มีอคติต่อเวินเยี่ยน
เพราะสุดท้ายแล้วเวินเยี่ยนนั่นก็ลอบกัด แจ้งหอคุมกฏให้มาจับก่านหรูเยี่ยน ศิษย์ส่วนตัวของมัน!
“ฮ่าๆๆๆ…!”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชิงหั่วอึ้งไปเล็กน้อยค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยหยุดลง
หลังหัวเราะจบแล้ว ชิงหั่วก็มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง กล่าวถามด้วยสีหน้าแววตาร้อนแรง “ต้วนหลิงเทียนเจ้า…สนใจกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีอาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรอยู่ด้านนอก แต่ข้าไม่ถือ วันนี้ได้เจอเจ้าแล้วนับว่าเจ้าถูกชะตาข้านัก ยังทำให้ข้ารู้สึกอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ยิ่ง! ตราบใดที่เจ้าเป็นศิษญ์ข้า ข้ารับรองว่าจะดูแลการบ่มเพาะเจ้าไม่ขาด…อย่างน้อยๆสิ่งที่เจ้าจักได้รับก็ไม่ด้อยไปกว่าของเสี่ยวหรูเยี่ยน”
ชิงหั่วกล่าวออกมา ทั้งให้สัญญาด้วยข้อเสนออย่างงาม
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเต็มใจเป็นศิษย์ของมัน มันจะดูแลต้วนหลิงเทียนอย่างดีไม่น้อยกว่าที่มันดูแลก่านหรูเยี่ยน
“หือ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินข้อเสนอแบบนี้
เพราะเขาไม่คิดมาก่อนจริงๆว่าที่ผู้พิทักษ์อย่างชิงหั่วมาหาเขาได้วันนี้ ที่แท้เพราะคิดรับเขาเป็นศิษย์!
ในเวลาเดียวกันกับที่ผู้พิทักษ์ชิงหั่วไปหาต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนข้อเสนอรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์นั้น…
ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ขุมพลังกึ่งชั้น 3 อย่างตำหนักเมฆาคราม ก็จำต้องเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตามแขกไม่ได้รับเชิญครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายมาคนเดียว!
หากจะกล่าวให้ละเอียด มันไม่ใช่คน!
เป็น สัตว์ประหลาด ที่มีความสูงถึง 4 หมี่ และเหตุผลที่กล่าวเรียกว่าสัตว์ประหลาด เพราร่างกายของมันเหมือนคน ทว่าหัวกลับเป็นวัว
สัตว์ประหลาดหัววัว!
“นี่มันสัตว์ประหลาดอันใดกัน!?”
หลังจากที่องครักษ์เกราะทมิฬหลายคนที่เข้าไปต้านทานศัตรูถูกเข่นฆ่าราวผักปลา องครักษ์เกราะทมิฬที่เหลือก็เร่งถอยร่นไปผนึกกำลังกันที่ตำหนักหลักของตำหนักเมฆาครามด้วยความเสียขวัญ!