บทที่ 1872 ต่อสู้กับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1872 ต่อสู้กับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

ทะเลทรายตะวันตก

 

ฟางหยวนยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบหมื่นปีโดยไม่ปิดซ่อนร่องรอย

 

เรือรบหมื่นปีเหมือนดาบที่แทงทะลุท้องฟ้า

 

“ฟางหยวน เจ้ากล้ากลับมาจริงๆ!” เสียงผู้หญิงดังออกมาจากก้อนเมฆสีเหลืองอ่อน มันเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

 

เมฆสีเหลืองอ่อนอาจดูธรรมดาแต่แท้จริงแล้วมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะปกคลุมอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้ เจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและนางรำหงหยุนติดอยู่ภายใน

 

นางสนมชิงหลานเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด นางป็นผู้ดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะนี้

 

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนถูกฟงจิวเก้อไล่ล่ามายังทะเลทรายตะวันตก เขาพบนางหงหยุนและแสร้งสร้างข้อตกลงพันธมิตรเพื่อแลกเปลี่ยนมรดก

 

อิงอู๋เซี่ยที่อยู่ในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อในเวลานั้นจุดชนวนระเบิดกายาแห่งความฝันทําให้นางรำหงหยุนกับเจตจํานงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงติดอยู่ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่มีเวลาเก็บกวาดสนามรบเพราะต้องหลบหนีไล่ล่าของฟงจิวเก้อ

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงส่งนางสนมชิงหลานและนางบําเรอรัตติกาลออกมาตรวจสอบ

 

แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่มีวิธีจัดการอาณาจักรแห่งความฝัน เขาทําได้เพียงสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะปิดผนึกมันเอาไว้เท่านั้น

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่สนใจนางรำหงหยุนมากนัก สิ่งที่เขากังวลคือวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

นี่คือวิญญาณอมตะระดับแปด!

 

ย้อนกลับไปบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับวิญญาณอมตะกลายพันธุ์มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง หากไม่มีมัน บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลําบากในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะส่วนใหญ่ของเขา ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลง

 

ตอนนี้ฟางหยวนบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะนี้โดยตรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางสนมชิงหลานจะไม่สามารถระงับความโกรธ

 

แต่นางไม่ได้โจมตีด้วยตนเอง นางเพียงกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อป้องกันตัว

 

“ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เขายังมีเรือรบหมื่นปีซึ่งเคยเอาชนะวังสวรรค์มาก่อน ข้าไม่สามารถต่อต้านเขา สิ่งสําคัญคือการปกป้องและถ่วงเวลาจนกว่าสามีจะมาถึง!”

 

แน่นอนว่านางสนมชิงหลานส่งข้อความขอความช่วยเหลือกลับไปหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว

 

“บึม บึม บึม!”

 

ฟางหยวนเริ่มโจมตี ดาบสีเงินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปราวกับน้ําตก

 

นางสนมชิงหลานกัดฟันและปลดปล่อยเมฆสีเหลืองอ่อนออกไปมากขึ้น

 

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรง เมฆสีเหลืองอ่อนสลายตัวอย่างรวดเร็ว

 

ทุกการโจมตีของเรือรบหมื่นปีมีพลังอํานาจเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แต่เห็นได้ชัดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน

 

“โชคดีที่เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว มิฉะนั้นด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะไม่สามารถปิดกั้นฟางหยวน เรือรบหมื่นปีช่างน่าทึ่งนัก!” นางสนมชิงหลานหน้าซีดเผือดขณะที่นางต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลจากการโจมตีของฟางหยวน

 

หลังจากชั่วครู่นางบําเรอรัตติกาลพร้อมกับนางสนมอีกหลายคนของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“สามีอยู่ที่ใด?” การแสดงออกของนางสนมชิงหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

นางบําเรอรัตติกาลตอบ “ยังไม่ถึงเวลาที่สามีจะเคลื่อนไหว สถานการณ์ซับซ้อนมาก เราได้รับคําสั่งให้มาช่วยเจ้าปกป้องสถานที่แห่งนี้”

 

นางสนมชิงหลานสายศีรษะ “เพียงพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน พวกเราไม่สามารถอดทนได้นานนัก”

 

นางสนมบางคนเย้ยหยัน “ชิงหลาน เจ้ากลัวงั้นหรือ? นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปด…”

 

“บึม!”

 

นางสนมผู้นั้นยังกล่าวไม่จบขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดครึ่งหนึ่งถูกทําลาย

 

ทุกคนหน้าซีดเผือด

 

นางบําเรอรัตติกาลกรีดร้อง “พวกเจ้ากําลังทําสิ่งใดอยู่? ซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะเร็วเข้า!”

 

นางสนมเหล่านั้นเลิกทะเลาะวิวาทและพยายามซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนมองลงมาจากบนท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา

 

ตอนนี้เรือรบหมื่นปีไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นมันจึงไม่ทรงพลังนัก

 

ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา มันมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นแกนกลาง นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถในการขนส่งผู้อมตะ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในมรดกของเทพปีศาจคลั่ง

 

ฟางหยวนไตร่ตรอง

 

การคาดเดาของเขาไม่ผิด ค่ายกลวิญญาณนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดที่แท้จริง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสามารถต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดได้อย่างเท่าเทียม

 

แต่ในแง่ของผู้ควบคุม แน่นอนว่าฝ่ายของฟางหยวนเหนือกว่า

 

“ผู้ใดก็ได้ช่วยข้าด้วย ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”

 

“อา…ฟางหยวนดุร้ายเกินไป ข้าไม่ไหวแล้ว!”

 

“น้องสาว อดทนไว้ ข้ามาแล้ว…อา…บัดซบ! ข้าถูกโจมตี้เช่นกัน!”

 

นางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแทบไม่สามารถรักษาที่มั่น

 

นางบําเรอรัตติกาลกระอักเลือดออกมาและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

 

ใบหน้าของนางสนมชิงหลานเต็มไปด้วยเหงื่อ นางไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้เหตุใดนางจึงสามารถหยุดฟางหยวนได้เพียงลําพังแต่ตอนนี้แม้นางจะได้รับการสนับสนุนจากนางสนมอีกหลายคนแต่พวกนางกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นางสนมคนอื่นๆแทบไม่สามารถอดทนได้อีก พลังการต่อสู้ของพวกนางตกลงสู่จุดต่ําลงแล้ว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดไม่สามารถกีดขวางฟางหยวน

 

“บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดยังไม่เคลื่อนไหว? เพียงนางสนมของเจ้าจะสามารถหยุดข้าได้อย่างไร? เจ้าดูถูกข้ามากเกินไปและประเมินตนเองสูงเกินไป” ฟางหยวนเย้ยหยัน

 

อย่างไรก็ตามบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่ปรากฏตัว

 

นางบ่าเรอรัตติกาลกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “พี่น้อง ใช่วิธีสุดท้าย!”

 

“เราต้องใช้มันเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ?”

 

“เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”

 

“มันจะสายเกินไปหากเราไม่ใช้มันตอนนี้!”

 

พวกนางกระตุ้นใช้ไพ่ตายสุดท้ายของค่ายกลวิญญาณอมตะ เมฆสีเหลืองอ่อนเรืองแสงสีทองขึ้นมาทันที มันพยายามปิดกั้นดาบสีเงินจํานวนมากที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “สถานการณ์นี้อยู่ในการคาดหมายของข้า พวกเจ้าใช้มันออกมารวดเร็วจริงๆ แต่ข้าเข้าใจพวกเจ้ากําลังเร่งเวลาตายให้กับตนเอง”

 

ฟางหยวนหยุดใช้ดาบรุ่งอรุณและออกคําสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา “พุ่งชน!”

 

เรือรบหมื่นปีพุ่งชนเมฆสีทองโดยตรง

 

“บึม!”

 

การชนครั้งแรกทําให้เมฆสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่านางสนมกระอักเลือดออกมาจากปาก

 

“บึม!”

 

การชนครั้งที่สองทําให้เมฆสีทองแตกสลาย เหล่านางสนมล้มลงพบพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวและสายตาว่างเปล่า

 

“บึม!”

 

การชนครั้งที่สาม เรือรบหมื่นปีเจาะทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะโดยตรง เหล่านางสนมหมดสติไป ณ จุดเกิดเหตุ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะใกล้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

 

“นายท่าน เราควรจับพวกนางเป็นตัวประกันเพื่อเจรจากับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แนะนำ

 

แต่ฟางหยวนกลับสายศีรษะ

 

ขณะที่เรือรบหมื่นปีกําลังจะโจมตีนางสนมเหล่านั้น นางสนมผู้หนึ่งกลับลุกขึ้นและตะโกน “ฟางหยวน เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!”

 

“สามี!” นางบําเรอรัตติกาลและนางสนมชิงหลานกล่าวด้วยความประหลาดใจและยินดี

 

มันกลายเป็นว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงปลอมตัวเป็นหนึ่งในนางสนมเหล่านั้น

 

เขาตั้งใจวางกับดับและรอโอกาสมานานแล้ว แต่ฟางหยวนกลับไม่ตกลงสู่หลุมพราง เขาระวังตัวมาก

 

เรือรบหมื่นปีส่งดาบยักษ์พุ่งเข้าโจมตีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแต่ฝ่ายหลังยังหัวเราะเย้ยหยัน

 

แขนซ้ายของเขาขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นแขนลิงยักษ์ที่มีเกล็ดมังกรสีม่วงปกคลุมอยู่

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงใช้แขนยักษ์ปัดดาบยักษ์ออกไปและโจมตีเรือรบหมื่นปีโดยตรง

 

เรือรบหมื่นปีถูกส่งลอยกลับหลัง

 

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเล็กน้อย

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจคลั่ง แม้เขาจะเปลี่ยนเฉพาะแขนซ้ายแต่มันกลับทรงพลังมาก

 

“ท่าไม้ตายที่ทรงพลังพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม” ฟางหยวนยกย่อง เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าหาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ในที่สุดเจ้าก็ออกมารับความตาย!”

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก “เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด อาศัยเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะคิดว่าจะสามารถเอาชีวิตข้าได้งั้นหรือ? อย่าฝัน!”

 

ฟางหยวนเย้ยหยัน “กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังตายเพราะเรือรบหมื่นปีของข้า แล้วเจ้าเป็นผู้ใด?”

 

เมื่อฟางหยวนกล่าวถึงผู้อมตะของวังสวรรค์ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยิ่งโกรธมากขึ้น “ปีศาจชั่ว คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ? โง่เขลา เจ้ามายั่วยุข้าแต่เจ้าไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของวังสวรรค์แล้ว สมาชิกทั้งสวรรค์กําลังเฝ้ามองเจ้าอยู่!”