บทที่ 570 ติดตั้งโทรศัพท์

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 570 ติดตั้งโทรศัพท์

เซวียเหม่ยลี่ยิ้มแล้วพูด “ก็เพราะคุณไม่รู้น่ะสิว่าอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษให้เขาน่ะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร”

รองผู้ว่าการถอดชุดนอกแล้วพูด “ไม่ใช่ว่าคุณแม่เคยมาบอกแล้วเหรอว่าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยน่ะ”

“ถ้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาคงไม่สามารถกดทิฐิของเด็กนั่นลงได้หรอกนะคะ” เซวียเหม่ยลี่หัวเราะและว่าลูกตัวเองเล็กน้อย

รองผู้ว่าการเจียงแม้ว่าปกติเขาจะค่อนข้างสอนลูกชายตัวเองดุไปหน่อย แต่ที่จริงเขาอยากจะสอนให้ลูกชายอยู่กับร่องกับรอย อย่างไรก็ตามก็ไม่อาจให้เขาหัวอ่อนเกินไปนักได้ แม้ว่าปากเขาจะไม่ได้พูดออกไปแต่ในใจนั้นพอใจมากทีเดียว

ดังนั้นพอได้ยินแล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจ “ไม่ใช่อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดา ๆ เหรอ?”

“อาจารย์หัวหน้าหมวดมหาวิทยาลัยปักกิ่งค่ะ!” เซวียเหม่ยลี่พูด

พอพูดแล้วหล่อนก็อดที่จะทำหน้าเลื่อมใสออกมาไม่ได้ หล่อนคิดว่าที่หลินชิงเหอสอนก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง ตัวหล่อนได้ฟังแล้วก็เคลิ้มไปเลย ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงลูกชายหล่อน พอกลับมาเขาก็ยิ่งขยันมากขึ้น

รองผู้ว่าการเจียงก็อึ้งไปสักพัก เขารู้สึกประหลาดใจมาก เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะมีประวัติแบบนี้ได้?

“งั้นทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” รองผู้ว่าการเจียงว่า

“ท้องน่ะสิค่ะ หล่อนมาฝากครรภ์ที่นี่ รอจนคลอดลูกเสร็จแล้วก็จะกลับไปแล้ว” เซวียเหม่ยลี่พูด

รองผู้ว่าการเจียงเข้าใจแล้ว นี่ก็เพราะว่าหล่อนมีลูกเกินนี่เอง เป็นธรรมดาที่เมื่อมีลูกเกินกำหนดต้องออกไปคลอดนอกพื้นที่ เพราะว่านอกพื้นที่จะไม่ถูกจับ จับไปก็ไม่มีผล เพราะว่าไม่ใช่บริเวณที่ทะเบียนบ้านของตนอยู่ ไม่มีเอกสารบันทึกเอาไว้

“และหล่อนก็ไม่เอาเงินด้วยนะคะ ฉันกับเสี่ยวเจียงเลยเอาผลไม้ไปให้หล่อนแทน” เซวียเหม่ยลี่พูด

“นั่นก็ไม่เลว” ผู้ว่าการเจียงพยักหน้า

หลินชิงเหอเองก็รู้สึกว่าไม่เลวเช่นกัน สอนเพียงเด็กมัธยมปลายคนเดียวเท่านั้น พูด ๆ ไปก็ทำให้เขาเข้าใจแล้ว ไม่ได้สูญเสียพลังงานอะไร สิ่งที่สอนก็ขั้นพื้นฐานมาก ๆ เนื่องจากตอนนี้เธอยังต้องปูพื้นฐานให้เขาอยู่

สำหรับเรื่องที่เธอไม่เอาเงินแล้วเจียงเกิงเอาผลไม้มาให้ตัวเองแทนนั้น เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธไป ในเมื่อเอามาแล้วหากปฏิเสธไปก็ออกจะเกินไปหน่อย

เธอหั่นแอปเปิลลูกหนึ่งมากินไปด้วยแล้วก็สอนเจียงเกิงไปด้วย ส่วนเจียงเกิงก็เรียนอย่างตั้งใจเช่นกัน

และหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“เอาที่ฉันสอนวันนี้ และยังมีที่ฉันให้เธอท่องคำศัพท์ 10 ตัวทุกวันนั้นทบทวนด้วย เพียงอีกประมาณ 1 เดือนก็น่าจะเห็นผลแล้ว” หลินชิงเหอพูด

เจียงเกิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เร็วขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”

“ส่งการบ้านที่ฉันให้ทำให้เสร็จ หลังจาก 1 เดือนคะแนนของเธอจากเดิมก็น่าจะเพิ่มขึ้นสัก 30 คะแนนก็อย่างไม่มีปัญหาแน่” หลินชิงเหอพูด

ปกติเขาสอบได้คะแนนแค่ 10-20 คะแนนเท่านั้น คะแนนนี้ออกจะแย่เกินไปหน่อยแล้วจริง ๆ

เจียงเกิงยังคงรู้สึกไม่พอใจ หลินชิงเหอพูด “เรียนหนังสือครั้งแรกเอง กินข้าวคำเดียวแล้วอ้วน[1]น่ะไม่มีหรอกนะเธอเข้าใจคำพูดนี้ไหม? วิชาอื่นก็อย่าทำให้คะแนนตกเหมือนกันล่ะ”

[1] 一口吃成个胖子 เปรียบเทียบว่าการทำอะไรสักอย่างนั้นต้องใช้ระยะเวลา เหมือนกับคนกินข้าวที่ไม่ได้กินแค่วันเดียวก็อ้วน

“งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาอีกนะครับ” เจียงเกิงบอกและทำท่าจะกลับไป

หลินชิงเหอพยักหน้า เจียงเกิงเดินไปบอกลาคุณย่าของเขาสักคำก่อนและจึงกลับไป

ตาเฒ่าเจียงพูดกับยายเฒ่าเจียงว่า “ตอนนี้หลานชายของพวกเรารู้สึกว่ากระตือรือร้นเรียนภาษาอังกฤษขึ้นนะ”

“แปลกตรงไหนคะคุณ ไม่เห็นเหรอว่าใครเป็นคนสอนเขา” ยายเฒ่าเจียงพูด หลังจากรู้ว่าหลินชิงเหอเป็นอาจารย์หัวหน้าหมวดภาษาต่างประเทศของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นางก็ถึงกับตกใจ

แต่หลังจากตกใจเสร็จแล้ว นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด ดูสง่าราศีของหล่อนก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา อีกทั้งหล่อนยังอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทั้งหมดได้ด้วย

“หล่อนไม่รับเงินจริงเหรอ?” ตาเฒ่าเจียงพูด

“ชิงเหอไม่รับจริงค่ะ บอกว่าสอนแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่ว่ายังดีที่แม่ของเขาไม่ใช่คนไม่รู้ความ” ยายเฒ่าเจียงพูด

หล่อนจะให้ลูกชายถือผลไม้จำนวนหนึ่งมาด้วย นี่ถือว่าเป็นความคิดที่ดีมาก เนื่องจากอีกฝ่ายเต็มใจสอนพิเศษให้ฟรี แต่ด้านนี้ก็ไม่ควรเอาเปรียบอีกฝ่ายจริงไหม?

อีกอย่างก็คือยายเฒ่าเจียงอยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับหลินชิงเหอจริง ๆ ต่อไปพอเธอกลับไปแล้ว นางก็อยากจะตามไปเที่ยวเล่นที่ปักกิ่งด้วย

โจวชิงไป๋กลับมาจากข้างนอกพร้อมกับโฉนดที่ดินและเอกสารยืนยัน

“ภรรยาครับ ต่อไปตอนพวกเรากลับไปพวกเราติดตั้งโทรศัพท์ไว้ที่ร้านเกี๊ยวดีไหมครับ?” โจวชิงไป๋พูด

“แพงเกินไปแล้วนะคะ” หลินชิงเหอพูดอย่างอดไม่อยู่

ตอนนี้ค่าติดตั้งโทรศัพท์ก็เสียเงิน 2,000 หรือ 3,000 หยวนเลย โกงกันเกินไปจริง ๆ

“ถึงแพงก็แพงกว่าเพียงเล็กน้อยเอง ผมเป็นคนซื้อร้านนี้ ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ทางนั้นยังบอกให้ผมเอาโทรศัพท์ไว้สักเครื่องเลย” โจวชิงไป๋พูด

“เอาโทรศัพท์ไว้ทำอะไรคะ?” หลินชิงเหอพูดออกมาทันที

“เขาบอกว่าที่เขตเล็ก ๆ นั่นมีคนเคยมาตรวจดูแล้ว ไม่แน่ว่าทางรัฐจะมารื้อโทรศัพท์ส่วนกลางกลับคืนไป ดังนั้นพวกเขาควรจะมีโทรศัพท์ไว้ติดต่อผม” โจวชิงไป๋พูด

“รื้อกลับคืนไป?” หลินชิงเหอพูดอย่างแปลกใจ “แล้วจะชดใช้ให้ยังไงคะ?”

“ผมไม่รู้หรอกครับ ยังไม่แน่ใจเลย” โจวชิงไป๋ยิ้ม

“งั้นก็ติดตั้งตอนนี้เถอะค่ะ โทรศัพท์กลับไปบอกเจ้าสามว่าให้ติดตั้งโทรศัพท์ที่ร้านเกี๊ยวก็ได้แล้ว” หลินชิงเหอพูด

ก่อนหน้านี้หล่อนส่งร้านเกี๊ยวให้คุณป้าหม่าเป็นคนดูแล แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง

หลินชิงเหอก็รู้สึกเช่นกันว่าการติดตั้งโทรศัพท์ไว้สักเครื่องก็ดีเหมือนกัน ไม่เพียงทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่นี่ แต่เป็นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ของที่นี่ ต้องติดต่อกับนายหน้าค้าที่ พวกเธอใช้วิธีติดต่อผ่านโทรศัพท์ก็ได้แล้ว

เนื่องจากพวกเธอซื้อบ้านเก่า ๆ เอาไว้ไม่น้อย ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกนักพัฒนามองเห็นแล้วกันแน่นะ?

ตอนแรกคนพวกนั้นน่าจะไม่ได้มีความกล้าอะไรนัก แต่หลังจากนี้พวกเขาจะต้องทำแน่ ดังนั้นมีโทรศัพท์เอาไว้ก็ค่อยรู้สึกปลอดภัยหน่อย

โจวชิงไป๋พยักหน้า และโทรศัพท์กลับไปหาโจวเสี่ยวเหมย

โจวเสี่ยวเหมยไปที่ร้านขายของชำเพื่อรับโทรศัพท์ พอได้ยินแล้วก็นิ่งอึ้งไปสักพัก “โทรศัพท์เครื่องนึ่งราคาตั้งหลายพันหยวนนะคะ จะติดตั้งเอาไว้ทำไมกัน ปกติก็ไม่ค่อยโทรศัพท์มาเท่าไหร่เลยด้วย”

ถ้าเกิดมันราคาถูกละก็ หล่อนเองก็คิดอยากจะติดไว้สักเครื่องเหมือนกัน แต่เครื่องหนึ่งราคาตั้ง 2,000 หรือ 3,000 หยวนเชียวนะ ไม่ค่อยคุ้มค่าเอาเสียเลย โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวก็เพียงพอกับร้านซาลาเปาของหล่อนแล้ว

แต่ว่าร้านซาลาเปาต้องเป็นราคาเมื่อก่อนหน้านี้ ร้านซาลาเปาในตอนนี้ก็ไม่ใช่ราคาแค่นั้นแล้ว

“ให้เจ้ารองเจ้าสามไปติดต่อมาติดตั้งเถอะ ต่อไปจะมีสถานที่ให้ต้องใช้อีกเยอะ” โจวชิงไป๋พูด

ที่บ้านของพวกเขาทำกิจการเอาไว้เยอะ อีกทั้งยังต้องติดต่อส่งสินค้าจากทางภาคใต้ด้วย มีโทรศัพท์เอาไว้ก็สะดวกขึ้นเยอะ

โจวเสี่ยวเหมยรู้สึกคล้อยตาม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากนั้นรอจนถึงตอนเย็น โจวเฉวี่ยน โจวกุยหลายก็มากินข้าวที่นี่ หล่อนจึงพูดเรื่องนี้ขึ้น

“พ่อของผมนี่ช่างกล้าไม่เบา โทรศัพท์เครื่องหนึ่งราคาแพงขนาดนั้น ยังอยากจะติดตั้งอีก?” โจวกุยหลายพูดอย่างแปลกใจ

“พ่อของเธอหาเรื่องเปลืองเงินชัด ๆ หาเงินง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง โทรศัพท์เครื่องหนึ่งแพงตั้งขนาดนั้น เดือน ๆ หนึ่งใช้ไม่กี่ครั้งเอง” ท่านแม่โจวพูดอย่างไม่พอใจ

“คุณย่า จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้นะครับ จะติดต่อซื้ออาหารทะเลแห้งทางภาคใต้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีธุรกิจอื่นอีก คุณแม่ของผมยังบอกว่าอยากเปิดร้านชาด้วย ถึงตอนนั้นก็ต้องไปซื้อสินค้าจากทางภาคใต้นั่น ก็ต้องใช้โทรศัพท์เหมือนกัน” โจวกุยหลายพูด

ท่านแม่โจวพูด “ไปโทรที่ตู้โทรศัพท์ก็ได้เหมือนกัน”

“ยังไงมีไว้ก็สะดวกกว่าครับ มีเรื่องอะไรจะได้ติดต่อกันตั้งแต่เนิ่น ๆ พี่ใหญ่ที่อยู่ทางนั้นจะได้โทรศัพท์กลับมาได้ตลอดเวลา” โจวเฉวี่ยนพูด

เขาก็สนับสนุนให้ครอบครัวมีโทรศัพท์ไว้เช่นกัน ก็มันสะดวกมากเลยไม่ใช่หรือ?

ในวันถัดมาสองพี่น้องก็ไปทำเรื่องติดต่อ หลังจากนั้นร้านเกี๊ยวก็ติดตั้งโทรศัพท์แล้วเครื่องหนึ่ง

“นี่มันราคาเท่าไหร่เนี่ย” คุณป้าหม่าพูด

“พ่อกับแม่ผมให้มาติดน่ะครับ ถ้าคุณป้าหม่าจะติดต่อกับอาเฉิงหมินและพี่เขาก็ใช้ ก็สามารถใช้โทรศัพท์นี้โทรได้นะครับ หลังจากนี้เราก็จะมีโทรศัพท์ไว้ใช้สะดวกขึ้นเยอะเลยครับ”

……………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ครอบครัวนักธุรกิจอะนะ ก็ต้องมีโทรศัพท์ไว้ติดต่อเป็นการส่วนตัวบ้าง จะให้โทรที่ตู้สาธารณะมันก็ไม่ได้ไหมคะคุณย่า

ไหหม่า(海馬)